THAI เทรดวันแรกเหนือจอง 134.4% พร้อมตั้งเป้ารายได้ทะยานแตะ 4 แสนล้าน 2 โบรกฯ ฟันธงกำไรปี 2568 โตต่อเนื่อง
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI จัดพิธีเปิดการกลับเข้าซื้อขายหลักทรัพย์วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกครั้งอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 สิงหาคม 2568 หลังจากประสบความสำเร็จจากการฟื้นฟูกิจการ โดยราคาเปิดเทรดวันแรกอยู่ที่ 10.50 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 134.4% จากราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนที่ 4.48 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเกือบ 3 แสนล้านบาท
โดยนับเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ครั้งสำคัญในฐานะสายการบินที่คนไทยภาคภูมิใจ พร้อมต่อยอดสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ด้วยความมุ่งมั่นในการยกระดับการดำเนินงาน คุณภาพการให้บริการ ควบคู่กับการบริหารงานภายใต้หลักธรรมาภิบาลสูงสุด และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย เพื่อก้าวสู่การเป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนชั้นนำที่มีคุณภาพของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ปัจจุบัน “การบินไทย” สามารถกลับมาทำผลประกอบการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลงานในไตรมาสที่ 1/2568 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมกว่า 51,625 ล้านบาท (ไม่รวมรายเกิดขึ้นครั้งเดียว) ผนวกกับความสามารถทำกำไรที่เพิ่มขึ้นจากการปรับโครงสร้างและการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทสามารถทำกำไรอย่างต่อเนื่อง ติดต่อกัน 10 ไตรมาส
นายลวรณ แสงสนิท ประธานกรรมการ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI เปิดเผยว่า ในช่วงที่เหลือของปี 2568 บริษัทฯ คาดผลงานเป็นไปตามแผน หนุนผลงานทั้งปีเติบโตใกล้เคียงปี 2567 พร้อมตั้งเป้ารายได้แตะ 400,000 ล้านบาท ภายในปี 2576 จากการเพิ่มขึ้นของฝูงบินแตะ 150 ลำ หนุนสัดส่วนเครื่องบิน Boring เป็น 60% และ Airbus เป็น 40% นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนขยายส่วนแบ่งทางการตลาด (Market share) ของสนามบินสุวรรณภูมิ เป็น 35% ภายในปี 2572 จากปัจจุบันอยู่ที่ 26%
ส่วนแผนการลงทุนโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน (Maintenance, Repair and Overhaul หรือ MRO) ที่สนามบินอู่ตะเภา ร่วมกับ “บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA” ล่าสุด ได้ผ่านความเห็นชอบมาตรการสนับสนุนสิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก BOI บนพื้นที่เขตส่งเสริมเมืองการบินภาคตะวันออก (Eastern Airport City หรือ EECa) เป็นที่เรียบร้อย คาดเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในปี 2570 ภายใต้งบการลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท โดยมีพื้นที่การจัดการรวม 240 ไร่ แบ่งพื้นที่การจัดการเป็นของ “การบินไทย” 30% และ “การบินกรุงเทพ” ที่ 70%
ด้าน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดกำไรปกติปี 2568-2570 ของ THAI จะอยู่ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% YoY, 3.0 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% YoY และ 3.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% YoY เติบโต 11% CAGR หนุนจากการขยายฝูงบินเชิงรุกเพื่อเพิ่มความแข่งขันในตลาดสายการบิน Full Service, การบริหารต้นทุนการดำเนินงานที่ดีขึ้น และแนวโน้มต้นทุนน้ำมันที่ปรับตัวลงเช่นเดียวกับภาระทางการเงินที่ลดลงต่อเนื่องจากการทยอยชำระหนี้คืนตามแผน
บล.กรุงศรี คาดว่า THAI ในปี 2568 จะมีกำไรปกติอยู่ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท เติบโต 25% YoY จากการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพต่อเนื่อง อัตราบรรทุกผู้โดยสาร 80% ราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ย 9,483 บาท สูงกว่าช่วง Pre-Covid ถึง 56% และยังได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันลดลง 9% YoY ทำให้ต้นทุนบริการต่อหน่วยลดลง 6% YoY อีกด้วย ขณะที่ปี 2569 คาดมีกำไรปกติ 2.2 หมื่นล้านบาท ลดลง 16% YoY จากแนวโน้มการแข่งขันสูงขึ้น และราคาน้ำมันสูงขึ้นฉุดอัตราทำกำไร
ทั้งนี้การฟื้นฟูกิจการทำให้ THAI มีโครงสร้างต้นทุนดีขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 35-40% จากก่อนฟื้นฟูอยู่ที่ 20-30% ค่าใช้จ่าย SG&A ลดลงกว่า 40% เมื่อเทียบกับก่อนฟื้นฟู และกลยุทธ์ Network Strategy (รวมถึงการฟื้นของอุตฯ การบิน) หนุนให้อัตราบรรทุกผู้โดยสารและราคาตั๋วเฉลี่ยเติบโตอย่างแข็งแกร่ง