ขบ.-สสส.ผนึก”ผู้ตรวจการแผ่นดิน”รณรงค์ หนุนสวมหมวกกันน็อก“เลิกพฤติกรรมเสี่ยง= รอด”
ขบ.-สสส.ผนึก”ผู้ตรวจการแผ่นดิน”สร้างความตระหนักรู้ “เลิกพฤติกรรมเสี่ยง = รอด” หนุนสวมหมวกกันน็อก-หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย พร้อมจัดคลังข้อมูลเรียนรู้การใช้รถใช้ถนน สร้างวินัยเด็กและเยาวชน
วันที่ 1 ก.ค.68 กรมการขนส่งทางบก และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดกิจกรรมรณรงค์ความปลอดภัยทางถนน ภายใต้แนวคิด “เลิกพฤติกรรมเสี่ยง = รอด เป็นห่วงนะ ใส่หมวกกันน็อกกันเถอะ” เพื่อสร้างวินัยจราจรในกลุ่มผู้ขับขี่จักรยานยนต์และผู้โดยสาร ส่งเสริมการปฏิบัติตามกฎหมาย และลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างเป็นระบบ โดยเชิญกรุงเทพมหานคร (กทม.) และ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เข้าร่วม ณ กรมการขนส่งทางบก
นายทรงศัก สายเชื้อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยยังคงสูญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนโดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับทางม้าลาย คนเดินถนน และจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นผลมาจากพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ใช้รถใช้ถนน และการบังคับใช้กฎหมายที่ยังไม่ทั่วถึงเพียงพอ ผู้ตรวจการแผ่นดินในฐานะองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ มีหน้าที่ในการแสวงหาข้อเท็จจริง และเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาที่กระทบต่อสิทธิของประชาชน จึงได้ใช้อำนาจตามมาตรา 32 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. 2560 ในการผลักดันให้เกิดการจัดการความปลอดภัยทางถนนอย่างเป็นระบบ ผ่านการบูรณาการร่วมกันของทุกภาคส่วน
กิจกรรมในครั้งนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนอให้ปี 2568 - 2569 เป็น “ปีแห่งการสร้างวินัยและความปลอดภัยทางถนน” และเสนอแนะเป้าหมายในระยะยาวว่า ประเทศไทยจะต้องลดอุบัติเหตุทางถนนให้เหลือศูนย์ หรือ “Vision Zero” ภายในปี พ.ศ. 2593 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้เสนอแนวทางจัดทำแผนปฏิบัติการแบบบูรณาการใน 5 เรื่องหลัก ได้แก่ ความปลอดภัยทางม้าลายและความปลอดภัยของคนเดินถนน การขับขี่โดยใช้ความเร็วไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด การไม่ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรการสวมหมวกนิรภัย และการไม่ดื่มแล้วขับ
โดยมีกลไกการขับเคลื่อนผ่านกลุ่มประสานงานหลัก (Core Group) ซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานหลัก อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการขนส่งทางบก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร และ สสส. โดยหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้า และร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปี รวมถึงการจัดตั้งกลุ่มประสานงานเฉพาะด้าน ได้แก่ ด้านเยาวชนและการศึกษา และด้านข้อมูล สถิติ และงานวิจัย เพื่อส่งเสริมให้ความรู้ ความตระหนักรู้ และพฤติกรรมที่ปลอดภัยปลูกฝังตั้งแต่ในระบบการศึกษา และเพื่อให้แผนปฏิบัติการแบบบูรณาการเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
โดยรณรงค์ผลักดันแนวคิด “เลิกพฤติกรรมเสี่ยง = รอด” ไปสู่การปฏิบัติจริง เน้นเลิกพฤติกรรมเสี่ยงในกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ “3 เลิก = รอด” ได้แก่ เลิกจอดทับทางม้าลาย เลิกฝ่าไฟแดง เลิกขับรถเร็ว ควบคู่กับ การสวมหมวกกันน็อคทุกครั้ง
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการลดจำนวนผู้เสียชีวิตให้เหลือ 12 คนต่อแสนประชากรภายในปี 2570 ขบ.จึงร่วมขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนรณรงค์ปลูกจิตสำนึกการขับขี่ที่ปลอดภัยผ่านแผนงาน โครงการและมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้การควบคุมกำกับ ดูแล ระบบการขนส่งทางบกถนนมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเรื่องการสวมหมวกนิรภัย มีการกำหนดเป็นมาตรการองค์กรด้านความปลอดภัย ได้แก่ ไม่ขับรถเร็ว ไม่ขับขี่ขณะเมาสุรา รณรงค์การคาดเข็มขัดนิรภัย การสวมหมวกนิรภัย การหยุด ชะลอและจอด เมื่อมีผู้ข้ามทางม้าลาย และการหลีกทางให้รถพยาบาลหรือรถฉุกเฉิน อีกทั้งได้กำหนดให้เขตพื้นที่กรมการขนส่งทางบก และสำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ เป็นพื้นที่สวมหมวกนิรภัย 100%
และขยายผลยังภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน และสถานศึกษาทั่วประเทศที่เข้าร่วมกิจกรรมโครงการนักเรียนรุ่นใหม่ มีใบขับขี่ ในการดำเนินการตามมาตรการองค์กรด้านความปลอดภัยทางถนน มุ่งหวังให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนน ลดอุบัติเหตุและลดความสูญเสีย
พร้อมทั้งได้พัฒนา “คลังข้อมูลเรียนรู้การใช้รถใช้ถนนสำหรับเด็กและเยาวชน” ซึ่งเป็นรูปแบบคอร์สเรียนออนไลน์บนเว็บไซต์ขับขี่ปลอดภัย ที่เด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านอินเทอร์เน็ต เมื่อผู้เรียนได้ศึกษาบทเรียนครบถ้วน และผ่านการทดสอบจะได้รับประกาศนียบัตรรับรอง
สำหรับเนื้อหารูปแบบสื่อและกิจกรรมต่าง ๆ แบ่งเป็นระดับอนุบาล ช่วงอายุ 3 - 6 ปี ระดับประถมศึกษา ช่วงอายุ 7 - 12 ปี และระดับมัธยมศึกษา ช่วงอายุ 13 – 18 ปี และยังได้พัฒนาระบบข้อมูลขนาดใหญ่และระบบการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของการเกิดอุบัติเหตุทางถนนโดยนำเทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) มาใช้ โดยได้รับความร่วมมือจาก บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด บูรณาการเชื่อมโยงข้อมูล ซึ่งจะเป็นประโยชน์ให้ทุกภาคส่วนสามารถนำข้อมูลไปใช้ประกอบการตัดสินใจขับเคลื่อนในเชิงนโยบาย กำหนดแนวทาง และมาตรการในการป้องกันแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นางเบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียร รองผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า สสส. ผลักดันวาระ "ถนนปลอดภัย" ให้กลายเป็นวัฒนธรรมของสังคมไทย ปลูกฝังพฤติกรรมตั้งแต่ระดับปฐมวัย ชุมชน โรงเรียน โดยได้พัฒนาและขยายผล “ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้นแบบด้านความปลอดภัยทางถนน” กว่า 400 แห่งทั่วประเทศ อีกหนึ่งกลไกสำคัญคือการสนับสนุนการทำงานในระดับพื้นที่เสี่ยง 220 อำเภอทั่วประเทศ ผ่านการบูรณาการกับหน่วยงานในพื้นที่ เช่น อำเภอ ท้องถิ่น โรงเรียน ดำเนินมาตรการลดอุบัติเหตุในกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์อย่างจริงจัง
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO