โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

“อุ๊งอิ๊ง”ก่อวิกฤต ทุกเรื่อง ไปไม่รอด!?

Manager Online

เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • MGR Online

เมืองไทย 360 องศา

เรียกว่าเป็นวันมหาวินาศสำหรับครอบครัว “ชินวัตร” จริงๆ แต่ขณะเดียวกันก็ยังลากเอาบ้านเมืองให้เกิดวิกฤตในทุกๆ ด้านได้อีกด้วย แน่นอนว่าหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์รับคำร้องวินิจฉัยในคดีที่ 36 ส.ว.ให้พิจารณาว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ฝ่าฝืนจริยธรรม และสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยคดีออกมา

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ประชุมคณะตุลาการธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ 9 เสียง รับคำร้องไว้วินิจฉัยในคดีที่ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ส่งความเห็นของสมาชิกวุฒิสภา 36 คน ขอให้พิจารณา วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบ มาตรา 82 ว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กระทำการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับ ฮุนเซน เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

โดยศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกบคำร้องแล้ว เห็นว่ากรณีเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 วรรคหนึ่ง และ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 7 ( 8 ) จึงรับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย และให้นางสาวแพทองธาร ผู้ถูกร้องยื่นคำร้องชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง

ส่วนคำขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ น.ส.แพทองธาร ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง ศาลพิจารณาคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้ว เห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่า มีกรณีตามที่ถูกร้อง จึงมีมติ 7 ต่อ 2 ให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.68 จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย

ทั้งนี้ ตุลาการเสียงข้างน้อยจำนวน 2 คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ และ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม เห็นว่าข้อเท็จจริงตามคำร้อง ยังไม่ยุติชัดเจนให้ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่า นางสาวแพทองธาร ผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 วรรคสอง แต่เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การแก้ไขเยียวยาในภายหลัง ให้ใช้มาตรการ หรือวิธีการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัยตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 71 ห้ามมิให้ นางสาวแพทองธาร ผู้ถูกร้องใช้หน้าที่และอำนาจด้านความมั่นคงด้านการต่างประเทศและด้านการคลัง จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

สำหรับคำร้องของ สว.นั้น ได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยใน 2 ข้อ คือ 1. ให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้อง (น.ส.แพทองธาร ชินวัตร) สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5)

2. ให้มีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย เนื่องจากปรากฏหลักฐานชัดแจ้งว่า "ผู้ถูกร้อง มีความสัมพันธ์ส่วนตัวและแอบเจรจากับประธานวุฒิสภากัมพูชาในลักษณะเป็นภัยภัยต่อความมั่นคงอาณาเขตไทย และอำนาจอธิปไตยของไทย อันก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง และยากแก่การเยียวมาในภายหลัง ดังนั้นเพื่อป้องกันความรุนแรงอันใกล้ที่จะถึง ประกอบกับคำร้องของผู้ร้องมีเหตุอันมีน้ำหนักที่ศาลจะวินิจฉัยให้เป็นไปตามคำร้อง" จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดมาตรการ หรือ วิธีการเป็นการชั่วคราว โดยสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ไว้ก่อนจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

นั่นเป็นมติของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าได้ก่อวิกฤตให้กับบ้านเมืองพอสมควร แต่เป็นวิกฤตที่ก่อขึ้นมาเอง โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เพราะจากกรณี “เทปลับ” การสนทนาระหว่างเธอกับ นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชา ได้ทำให้ประเทศ มีความเสี่ยงทางด้าน “ความมั่นคง” ไปทันที เพราะมีเจตนาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ของประเทศให้กับฝ่ายตรงข้ามได้ทุกเรื่อง ตามคำพูดที่บอกว่า “พร้อมจัดการให้”

ขณะเดียวกันด้วยความที่ถูกมองว่า “ด้อยความสามารถ” ด้อยความรู้ ได้ทำลายโอกาสของประเทศไปมากมาย และก่อให้เกิดปัญหาแทบทุกด้าน ภายใต้การบริหารราชการแผ่นดินของเธอนานเกือบปี เพราะไม่ว่าทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง ทุกอย่างตกต่ำลงหมด เวลานี้ชาวบ้านกำลังใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก มีปัญหาเรื่อง “ปากท้อง” แผ่ขยายไปทุกหย่อมหญ้า

นี่ยังไม่นับเรื่องที่เป็นปัญหาจากข้างนอก คือ จากต่างประเทศที่เราควบคุมได้ยาก และที่ต้องเจอหนักหน่วงแน่นอนในอีกไม่กี่วันข้างหน้าก็คือ “ภาษีนำเข้า” ของสหรัฐอเมริกา ที่นาทีนี้ยังไม่รู้ว่าจะถูกกำหนดเอาไว้ที่กี่เปอร์เซ็นต์จากเดิมที่คิดจะจัดเก็บกับไทยในอัตรา 36 เปอร์เซ็นต์ จะเป็น 20 หรือ 30 หรือ 35 หรือว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะกำหนดกับแต่ละประเทศ หลังเส้นตายวันที่ 8 กรกฎาคม นี้ ซึ่งที่ผ่านมาฝ่ายไทยยังแทบไม่ได้เจรจากับสหรัฐอย่างเป็นทางการเหมือนกับอีกหลายประเทศ

กรณีภาษีการค้ากับสหรัฐถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่จะสร้างปัญหาให้กับเศรษฐกิจของไทยมากมาย เพราะจากการคาดการณ์ของหลายหน่วยงานตรงกันว่า จะส่งผลให้การขยายตัวของไทยในปีนี้จะอยู่ในอัตราที่ต่ำมากราวร้อยละ 1.5 เท่านั้น จากเดิมที่เลวร้ายกันอยู่แล้ว จะเห็นว่าภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้ทำให้เกิดภาวะถดถอยในทุกเรื่อง เพราะนอกเหนือจากเรื่องภาษี การส่งออกแล้ว แม้กระทั่งการท่องเที่ยวที่เป็นหนึ่งในรายได้หลักช่วยขับเคลื่อนประเทศมานาน ก็ยังเจอภาวะถดถอยหนัก

เมื่อวกกลับมาที่ภาวะ หลังการหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งดูเหมือนว่ามีการคาดเดากันล่วงหน้าแล้วว่าจะต้องเจอแบบนี้ ทำให้ในการปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เธอได้นั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อที่จะยังปฏิบัติหน้าที่ในรัฐบาลต่อไปได้ เหมือนกับกรณีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมต่อไปได้

แต่กรณีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นาทีนี้ถือว่ามีความแตกต่างกัน เพราะความเชื่อมั่น ศรัทธา และความไว้วางใจที่มีนั้น แทบจะไม่มีหลงเหลืออีกแล้ว พิสูจน์จากผลสำรวจที่เพิ่งออกมาเหลือแค่ร้อยละ 9 เท่านั้น และอยู่ในอันดับ 5 แทบจะรั้งท้ายสุด แต่อย่างไรก็ดี แม้ว่าเธอจะก่อวิกฤตให้กับบ้านเมืองมากมายแค่ไหนก็ตาม และมีเสียงเรียกร้องให้ลาออกดังแค่ไหนเธอก็ยังทำหูทวนลม เหมือนไม่ได้ยินเสียงเหล่านั้น

อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะยังขัดขืนแค่ไหน แต่เชื่อว่าในที่สุดแล้ว ก็คงไปไม่รอดแน่นอน เพราะเมื่อพิจารณาจากมติเอกฉันท์ ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่รับคำร้อง หากมองตามรูปการณ์แล้วถือว่า “หนักแน่น” ประกอบกับความรู้สึกของชาวบ้านทั่วประเทศ และท่าทีที่ผ่านมาย่อมเป็นที่ประจักษ์แจ้งแล้วว่าเธอมีปัญหา “ด้านจริยธรรม” จริงๆ และมองเห็นถึงคำวินิจฉัยล่วงหน้าไม่ยากว่าจะออกมาแบบไหน !!

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Manager Online

ยอดดับไฟไหม้โรงงานยาอินเดียระหว่างชั่วโมงทำงานใน "รัฐเตลังคานา" พุ่ง 34 ศพโดนเผาเป็นตอตะโก “โมดี” เสนอเยียวยา 200,000 รูปี

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เพจดังตั้งคำถาม? เด็กที่เข้าร่วมกิจกรรมในวันสถาปนาลูกเสือฯ ล้มป่วยจำนวนมาก ใครจะรับผิดชอบ (ชมคลิป)

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

รถอเนกประสงค์แหกโค้งชนเสาไฟฟ้าคว่ำลงข้างทาง รองผู้กำกับฯ สภ.เมืองอุบลราชธานี บาดเจ็บสาหัส ก่อนไปเสียชีวิตที่ รพ.

สวพ.FM91
วิดีโอ

รวมพลังแผ่นดิน นัดชุมนุมใหญ่ กลางเดือนสิงหาคม 68 คปท. ยังตรึงกำลังทำเนียบรัฐบาล จตุพร ยืนยันไม่เอารัฐประหาร

BRIGHTTV.CO.TH

ทรัมป์ ยืนยันเนทันยาฮูเผยต้องการยุติสงครามในฉนวนกาซา

JS100

ยอดดับไฟไหม้โรงงานยาอินเดียระหว่างชั่วโมงทำงานใน "รัฐเตลังคานา" พุ่ง 34 ศพโดนเผาเป็นตอตะโก “โมดี” เสนอเยียวยา 200,000 รูปี

Manager Online

นายกฯสั่งด่านศุลกากรตรวจเข้ม สกัดของเถื่อนทะลัก – ขยาย “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 จ่าย 10% ปิดหนี้ 3 หมื่นบาท

ไทยพับลิก้า

ฮุน มานี มาใกล้ด่านช่องจอม คาดดูแรงงานเขมรไปทำกับทุนจีน หลังกลับจากไทย

Khaosod

วุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมาย 'ใหญ่และสวยงาม' ของทรัมป์ด้วยการลงคะแนนชี้ขาด

JS100

ตร.เผย 10ล้านที่หาย เป็นเงินส่วนตัวเจ้าอาวาสวัดม่วง เก็บสะสมมา

TNews

ข่าวและบทความยอดนิยม

“เจี๊ยบ อมรัตน์” ตอบ OK แก้ผ้ารำ แก้บนนายกฯ พ้นตำแหน่ง

Manager Online

“สมศักดิ์” จวกนักวิชาเกิน สร้างวาทกรรม “รัฐประหารโดยศาล” ถามเรียนจบอะไรมา

Manager Online

ปูด! สาวข้างกาย “บิ๊กป้อม” คนใหม่ สั่งเขี่ยทีม ปชส.ขั้วมะขามหวานพ้นพรรค พปชร.ส่อแตกหัก “สันติ”

Manager Online
ดูเพิ่ม
Loading...