รู้จัก ทหารพรานชุดดำ ผู้กล้าพิทักษ์อธิปไตย ปราการด่านแรก ทุกสมรภูมิชายแดนไทย
รู้จัก ทหารพราน หน่วยกำลังกึ่งทหาร นักรบชุดดำ ผู้เป็นปราการด่านแรกพิทักษ์อธิปไตย มีที่มาจาก โครงการ 513 มีภารกิจหลากหลายทั้งด้านความมั่นคงและกิจการพลเรือน
ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน ชื่อของหน่วยทหารในเครื่องแบบสีดำ หรือที่รู้จักกันในนาม ทหารพราน (ทพ.) มักจะปรากฏอยู่ในหน้าข่าวเสมอ พวกเขาคือใคร มีที่มาอย่างไร และปฏิบัติภารกิจสำคัญอะไรบ้าง บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับเหล่า “นักรบชุดดำ” ผู้เป็นปราการด่านแรกในการพิทักษ์อธิปไตยของชาติ
จากโครงการ 513 สู่ปราการชายแดน
ทหารพราน คือหน่วยกำลังกึ่งทหาร (Paramilitary) ที่มีสถานะเป็น “ทหารราบเบา” จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2521 ภายใต้ “โครงการ 513” โดยมีแนวคิดหลักคือการเป็น “นักรบประชาชน” ที่รับสมัครอาสาสมัครจากคนในท้องถิ่นผู้มีความคุ้นเคยกับภูมิประเทศเป็นอย่างดี เพื่อรับมือกับการก่อการร้ายของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในอดีต
เอกลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของทหารพรานคือ เครื่องแบบสนามสีดำ ซึ่งสืบทอดมาจากหน่วย “เสือป่าพรานหลวง” ในสมัยรัชกาลที่ 6 และยังมีความเชื่อเชิงสัญลักษณ์ว่าเปรียบเสมือน “การไว้ทุกข์ให้กับตนเอง” ก่อนออกปฏิบัติภารกิจที่เสี่ยงอันตราย ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงได้รับสมญานามว่า นักรบชุดดำ และ ดอกไม้เหล็ก สำหรับทหารพรานหญิง
ภารกิจที่หลากหลาย จากสมรภูมิรบสู่การพัฒนาชุมชน
ภายหลังจากสถานการณ์คอมมิวนิสต์คลี่คลายลง ภารกิจของทหารพรานได้ถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นการรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดนทั่วประเทศ ซึ่งมีความหลากหลายมากกว่าแค่การรบ
ภารกิจด้านความมั่นคง ทหารพรานมีบทบาทสำคัญในสมรภูมิป้องกันประเทศหลายครั้ง เช่น ช่องพระพลัย (พ.ศ. 2527), ช่องบก หรือ “สามเหลี่ยมมรกต” (พ.ศ. 2529–2530) และ กรณีพิพาทเขาพระวิหาร (พ.ศ. 2551–2554) รวมถึงการเป็นกำลังหลักในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ภารกิจด้านกิจการพลเรือน ทหารพรานยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือประชาชน ทั้งการคุ้มครองความปลอดภัยให้ครู การช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติ การปราบปรามการลักลอบตัดไม้ และการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาชุมชน
นอกเหนือจากทหารพรานของกองทัพบกแล้ว ยังมีหน่วย ทหารพรานนาวิกโยธิน ซึ่งสังกัดกองทัพเรือ กำลังพลของหน่วยนี้จะได้รับการฝึกฝนให้มีขีดความสามารถที่ผสมผสานระหว่างการรบแบบจรยุทธ์ของทหารพรานเข้ากับปฏิบัติการสะเทินน้ำสะเทินบกของนาวิกโยธิน ทำให้เป็นหน่วยรบที่มีความพิเศษและสามารถปฏิบัติภารกิจได้ในหลากหลายมิติ
การสมัครเพื่อเข้าสู่การเป็นทหารพราน
สำหรับคุณสมบัติเบื้องต้นที่ผู้สมัครทั้งชายและหญิงจะต้องมีเหมือนกัน คือ ต้องมีสัญชาติไทย และบิดามารดามีสัญชาติไทยโดยกำเนิด และต้องสำเร็จการศึกษาในระดับ ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.3) หรือเทียบเท่าขึ้นไป ในส่วนของเกณฑ์อายุนั้นจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย
- เพศชาย ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 30 ปีบริบูรณ์
- เพศหญิง ต้องมีสถานภาพ โสด และมีอายุไม่น้อยกว่า 18 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกิน 25 ปีบริบูรณ์
บททดสอบทางร่างกายและวินัย
เนื่องจากเป็นหน่วยที่ต้องปฏิบัติภารกิจภาคสนาม คุณสมบัติด้านร่างกายจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยมีเกณฑ์เบื้องต้นดังนี้
- เพศชาย ต้องมีส่วนสูงไม่ต่ำกว่า 160 เซนติเมตร และน้ำหนัก 45 กิโลกรัมขึ้นไป
- เพศหญิง ต้องมีส่วนสูงไม่ต่ำกว่า 155 เซนติเมตร และน้ำหนัก 40 กิโลกรัมขึ้นไป ผู้สมัครทุกคนต้องมีร่างกายแข็งแรง สามารถตรากตรำต่อการปฏิบัติหน้าที่ได้ และ สามารถว่ายน้ำได้ นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดเรื่องรอยสักที่จะต้องไม่อยู่ปรากฏนอกร่มผ้าเมื่อสวมใส่ชุดกีฬาแขนสั้นและกางเกงขาสั้น
การตรวจสอบประวัติและความประพฤติ
ผู้สมัครทุกคนจะต้องผ่านการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมอย่างเข้มงวด โดย ต้องไม่เป็นผู้ที่เคยต้องคดีอาญา (ยกเว้นคดีลหุโทษหรือคดีที่กระทำโดยประมาท) และต้องไม่เป็นจำเลยในคดีอาญาใด ๆ ขณะที่สมัคร นอกจากนี้ยังต้องเป็นผู้ที่มีความประพฤติดี ไม่เสื่อมเสียต่อศีลธรรม ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และไม่มีโรคที่สังคมรังเกียจหรือปัญหาสุขภาพจิต
นอกเหนือจากคุณสมบัติข้างต้น ยังมีข้อกำหนดเฉพาะอื่น ๆ ที่ผู้สมัครต้องปฏิบัติตาม ได้แก่
- ต้องสามารถโอนย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาอยู่ในทะเบียนบ้านของหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานนาวิกโยธินได้
- ผู้สมัครชาย ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง และต้องไม่มีภาระในการเข้ารับการเกณฑ์ทหาร
- ผู้สมัครหญิง หากมีความสามารถพิเศษด้านคอมพิวเตอร์หรืองานธุรการ จะได้รับการพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง