“สดุดีทหารกล้า” รับศพกำลังพลเสียชีวิต จากการปฏิบัติหน้าที่ราชการสนาม
“สดุดีทหารกล้า” รับศพกำลังพลที่เสียชีวิต จากการปฏิบัติหน้าที่ราชการสนาม คนหนึ่งรักษาแผ่นดิน อีกคนรักษาประชาชน
กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 จัดกำลังพลของหน่วย ร่วมสดุดีทหารกล้า จำนวน 2 นาย โดยมณฑลทหารบกที่ 25 อำนวยการให้จัดกำลังพลพร้อมยานพาหนะ ร่วมพิธีรับศพ ส.อ. อัมรินทร์ ผาสุก สังกัด กองร้อยสนับสนุนการรบ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23, จ.ส.อ.อโณทัย ป้องแก้ว สังกัด สังกัดกองพันปฏิบัติ กรมพิเศษ กรมรบพิเศษที่ 3 (ฉก.90) ซึ่งเป็นกำลังพลที่เสียชีวิตจากการปกป้องอธิปไตย จากเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างสมเกียรติ
สำหรับขบวนศพได้เคลื่อนย้ายออกจากโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน ไปยังวัดบูรพาราม ต.คูเมือง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เพื่อรอประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ
อัปเดตล่าสุดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 จัดกำลังพลนายทหารร่วมพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ, พิธีวางพวงมาลาพระราชทาน และพิธีสวดอภิธรรมศพ ส.อ. อัมรินทร์ ผาสุข สังกัด ร้อย.สสก.ร.23 พัน.3 ซึ่งเสียชีวิตจากการปะทะกับฝ่ายตรงข้ามในภารกิจป้องกันประเทศ ไทย-กพช. บริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 28 ก.ค. โดยมี ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี และพ.อ. ธนาธิป เรียงอิศราง รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดยโสธร พร้อมด้วยส่วนราชการและประชาชนในพื้นที่ร่วมสดุดีทหารกล้า
ในส่วนของสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา ประจำวันที่ 29 ก.ค.2568 ศบ.ทก.มท. สรุปข้อมูลจากสถานการณ์และการดำเนินการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจาก ความมั่นคง ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ข้อมูล ณ วันที่ 29 ก.ค. 68 เวลา 16.00 น.ที่ผ่านมา
พื้นที่ได้รับผลกระทบรวม จำนวน 7 จังหวัด 39 อำเภอ 294 ตำบล ครัวเรือน 273,770 ครัวเรือน (คิดเป็นประชากร จำนวน 817,885 คน )
- ผู้บาดเจ็บ 38 ราย
- เสียชีวิต 15 ราย
รายละเอียดการอพยพ
- ศูนย์พักพิงฯ จำนวน 768 ศูนย์
- ผู้อพยพ จำนวน 191,345 คน
การประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน จำนวน 7 จังหวัด ครอบคลุมพื้นที่ 36 อำเภอ 238 ตำบล 2,702 หมู่บ้าน
ด้านสหภาพแพทย์ผู้ปฏิบัติงาน ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจกับทุกความสูญเสียที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฏาคม ที่ผ่านมา เป็นความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ประชาชนของทั้งสองประเทศต้องบาดเจ็บล้มตาย คนต้องพลัดถิ่น ทิ้งบ้านเพื่อความปลอดภัย แม้เหตุการณ์จะสงบลงแล้ว แต่บาดแผลความหวาดกลัว จะยังทิ้งแผลในจิตใจของคนในพื้นที่และคนทั้งสองประเทศ
อย่างแรกสหภาพแพทย์ผู้ปฏิบัติงานยืนยันว่า โรงพยาบาลต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัย บุคลากรทางการแพทย์จะต้องไม่ถูกเป็นเป้าหมายของการโจมตี ตามกฏหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
ที่สำคัญ “เหตุผลทางมนุษยธรรม”สหภาพฯ ขอประณามอย่างสูงสุด ต่อทุกการการโจมตีที่เกิดขึ้นกับโรงพยาบาล ทุกความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ป่วยในการดูแลของเรา ไม่ใช่เพียงแต่เหตุการณ์ที่ผ่านมา แต่ทุกเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก
เมื่อเหตุการณ์ความขัดแย้งสงบลง หลังการเจรจาหยุดยิงอย่างไม่มีเงื่อนไข สหภาพฯ ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่รักษา เยียวยา ยืนยันที่จะปฏิบัติตามหน้าที่และจริยธรรมวิชาชีพ เคารพในความเป็นมนุษย์อย่างไร้เงื่อนไข ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยชาวไทย ชาวกัมพูชา หรือสัญชาติใดก็ตาม เราจะให้ความดูแลทางการแพทย์เพื่อช่วยเหลือชีวิตโดยไม่เลือกปฏิบัติ ไม่สร้างความเกลียดชัง เพราะเราเข้าใจว่าความเป็นมนุษย์ในวินาทีแห่งความเป็นความตายไม่เกี่ยวข้องกับสถานที่เกิด
สหภาพแพทย์ผู้ปฏิบัติงาน ขอเรียกร้องให้ผู้นำทั้งสองประเทศ เร่งเยียวยาความสูญเสียที่เกิดขึ้น และมุ่งการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการทางสันติ เพื่อที่จะไม่เกิดความสูญเสียเพิ่มเติม เราต้องการให้ต่อจากนี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ นำไปสู่ชีวิตของประชาชนที่ดีขึ้น ผ่านกระบวนการทางประชาธิปไตย
“เพราะชีวิตคือสิ่งที่มีค่าสูงสุด” สหภาพแพทย์ผู้ปฏิบัติงาน 29 กรกฏาคม 2025.
อ่านข่าวเพิ่มเติม