‘ช่อ’ แนะโกยหลักฐานทุกเม็ด! ดีเฟนด์ประชาคมโลก ‘เราไม่ผิด’ เขมรเล่นบทเหยื่อ
‘ช่อ’ แนะโกยหลักฐานทุกเม็ด! ดีเฟนด์ประชาคมโลก ‘เราไม่ผิด’ เขมรเล่นบทเหยื่อ
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์พิเศษผ่านทาง รายการ The Politics “รู้ทันฮุนเซน ชนะศึกแพ้สงคราม สนทนา ช่อ พรรณิการ์” ทางมติชนทีวี เมื่อ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยประเด็นหลักได้วิเคราะห์สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าหลังจากนี้รัฐบาลไทยจะเดินอย่างไร? กัมพูชาต้องการอะไร?
ในตอนหนึ่งเมื่อพิธีกรถามว่า สรุปแล้วกัมพูชาต้องการอะไร ?
น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า เป้าหมายของกัมพูชาต้องการนำไปสู่การปะทะ ในขณะที่เราต้องการให้เรื่องคลี่คลายผ่านทวิภาคีมาโดยตลอด ซึ่งการปะทะเขาไม่ต้องการชนะที่ชายแดน แต่ต้องการชนะที่เวทีระหว่างประเทศ เพราะต้องการสู้เอาพื้นที่ปราสาทเป็นของตน เพราะเคยชนะเกมนี้มาแล้วที่ปราสาทพระวิหาร
โดยมองว่า เมื่อไม่รับเขตอำนาจศาลโลก ดังนั้นทางเดียวที่จะทำได้คือทำให้เกิดการปะทะ เพื่อลากเรื่องไปถึง UNSC โดยเชื่อมั่นว่าพยานหลักฐานตนจะชนะคดี เราเคยชนะศึกแล้วแพ้สงครามไปแล้วเมื่อปี 2554 รอบนี้เราอยากซ้ำรอยอีกหรือเปล่า
ข้อสังเกตุที่ 1 ทำไมวันนี้ปะทะที่ปราสาทพระวิหาร ทั้งที่ 2 เดือนที่ผ่านมาจะเอาพื้นที่ ปราสาทตาควาย ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด อาจจะเป็นจุดยุธศาสตร์ทางการทหาร พื้นที่พิพาทเดิม จะบอกว่าไทยละเมิดข้อพิพากษาและเอาเรื่องขึ้นศาลโลกเหมือนเดิมใช่ไหม เพราะฉะนั้นต้องรู้เท่าทัน
“แพ้ศึกไม่เป็นไร แต่ถ้าเรามั่นใจว่าเราชนะศึกที่ชายแดนคนของเราตายมากกว่า เรายังไม่เห็นว่าพลเรือนกัมพูชาตายเท่าไหร่ อาจจะน้อยมาก เพราะการโจมตีของไทยแม่นยำ นำ F16 ไปทิ้งฐานทัพเขาแล้วก็กลับ
“แต่การโจมของกัมพูชาอาวุธพิสัยยิง30- 40 กิโลเมตร คิดถึงประชาชนที่อาศัยอยู่ชายแดน คิดดูว่ากี่แสนคน คุยกับ ส.ส.พื้นที่พนมดงรัก กับกาบเชิง บริเวณที่มีคนเสียชีวิตเยอะ มีประชาชนที่อยู่ในระยะยิงถึง 200,000 คน ยังไม่รวมพื้นที่จังหวัดอื่น ความเสี่ยงของเรามากกว่า เพราะกัมพูชายิงทุกพื้นที่และอาวุธไม่แม่นยำ เนื่องจากเป็นเครื่องยิงจรวด ความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับเด็ก คนแก่ เพราะต่างจังหวัดประชากรกลุ่มนี้จะอาศัยในหมู่บ้านมีปัญหาต่อการอพยพ” น.ส.พรรณิการ์ระบุ
น.ส.พรรณิการ์ยังชี้ด้วยว่า ความสูญเสียครั้งนี้ต่างจากเหตุการณ์ปี 2554 เพราะอาวุธมีการอัพเกรดมากขึ้นจากการช่วยเหลือในบางประเทศ ดีที่สุดของประเทศไทยคืนสถานการณ์กลับสู่การไม่สู้รบ หยุดยิงเป็นประโยชน์กับทางเรามากที่สุด แม้เราได้เปรียบทางศักยภาพทางการรบ แต่เราสูญสียมากกว่า เพราะลักษณะการโจมตีของกัมพูชาที่พลเรือนของไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
“ทั้งหมดนี้ไทยต้องไปเร่งทำความเข้าใจกับประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เราต้องทำให้เขารู้ว่า ‘เราไม่ผิด’ กัมพูชามีหลักฐานมากมาย เพื่อให้เราเหมือนฝ่ายเริ่มก่อน ประเด็นคือรัฐมนตรีต่างประเทศไปพูดกับใครที่ UN” น.ส.พรรณิการ์กล่าว
นอกจากนี้ พิธีกรยังได้สอบถามผู้ชมทางบ้านด้วยว่า
1.รัฐบาลควรแก้วิกฤตความขัดแย้งไทย-กัมพูชาอย่างไร?
ก.ใช้กำลังทหารเป็นหลัก ข.ใช้กลไกการเจรจาเป็นหลัก
เริ่มจากข้อมูลคนไทยที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากกรณีดังกล่าว บริเวณพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และบุรีรัมย์ ยึดข้อมูลจาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุข ที่ได้แถลงไว้
จ.สุรินทร์มีประชาชนเสียชีวิต 2 ราย หนึ่งในนั้นเป็นเด็กอายุ 8 ขวบ บาดเจ็บสาหัส 1 ราย บาดเจ็บปานกลาง 3 ราย เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 3 ราย บาดเจ็บปานกลาง 1 ราย และบาดเจ็บเล็กน้อย 1 ราย
จ.อุบลราชธานี มีประชาชนเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 4 ราย
จ.ศรีสะเกษมีประชาชนเสียชีวิต 8 ราย หนึ่งในนั้นเป็นเด็กอายุ 15 ปี 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 3 ราย บาดเจ็บปานกลาง 8 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 4 ราย เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 2 ราย
ขณะที่ จ.บุรีรัมย์ มีประชาชนบาดเจ็บปานกลาง 1 ราย
รวมแล้วมีประชาชนพลเรือนและเจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิตทั้งสิ้น 11 ราย ซึ่งข้อมูลจะมีการอัปเดตเป็นระยะ
ในขณะที่ความเคลื่อนไหวจากกองทัพมี 2 ส่วน
1.พลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ ได้รับมอบหมายเป็นผู้บัญชาการเหตุการตอบโต้เปิดเหตุการณ์ ยุธบดินทร์ทั้งทางบกและทางอากาศ
2.ทางฝั่งพลตรีวิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีการประเมินตามแผนถ้ายังหยุดเขมรไม่ได้ทางกองทัพอาจยกระดับกำลังเพิ่มขึ้นประกอบด้วย 2 ขั้นคือ ขั้นปกติและขั้นปฏิบัติการซึ่งเราอยู่ขั้นปฏิบัติการคือใช้อาวุธยิงสนับสนุนกองทัพภาคที่ 2 และยิงสนับสนุนทางอากาศจากกองทัพทางอากาศโดยเป้าหมายคือที่ตั้งฝั่งกองกำลังทหารฝ่ายกัมพูชา เพื่อระงับเหตุการณ์ โดยไม่ได้ใช้อาวุธกับฝ่ายพลเรือชนแต่อย่างใด
ด้าน ความเคลื่อนไหวกระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงประนามกองทัพกัมพูชาแล้วลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต
ในส่วนของ นายรังสิมันต์ โรม ประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ ระบุว่าการที่กัมพูชาพุ่งเป้าโจมตีพื้นที่ชุมชนและพลเรือน ถือว่าเข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม และไม่แปลกใจที่กัมพูชายื่นเรื่องสู่สหประชาชาติอย่างรวดเร็ว เพราะเชื่อว่ามีการเตรียมไว้ล่วงหน้าเพื่อเล่นบทเหยื่อและลากไทยเข้าสู่กระบวณการของศาลโลก สำหรับ ปฏิบัติการทางการทหารของกัมพูชาประเทศไทยต้องรวมหลักฐานทั้งหมด ไม่ใช่เพียงการพุ่งเป้าการโจมตีพลเรือน แต่ใช้ปราสาทพระวิหารเป็นเกราะกำบัง เพื่อนำเสนอขอมูลที่ชัดเจนต่อประชาคมโลก
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ‘ช่อ’ แนะโกยหลักฐานทุกเม็ด! ดีเฟนด์ประชาคมโลก ‘เราไม่ผิด’ เขมรเล่นบทเหยื่อ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th