ทลายแก๊งแฮกเกอร์จีนดูดบัตรเครดิตข้ามชาติ สั่งผ่านเทเลแกรม-ฟอกเงินผ่านคริปโต
เมื่อวันที่ 8 ส.ค. พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.ภานพ วรนัชชากุล ผบก.สส.สตม. สั่งการ พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.สอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม., พร้อมด้วย พ.ต.ท.ภูริศ คำหมื่น, พ.ต.ต.โกเมน วรรณบวร, พ.ต.ต.ภาณุวัฒน์ สวาสดิ์นา, ร.ต.อ.รณกฤต เกษสังข์ และ ร.ต.อ.นนทวัฒน์ สนแจ้ง นำกำลังเข้าตรวจค้นก่อนจับกุม นายยูเป็ง อัน (YUPENG AN) อายุ 35 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาในคดีสำคัญ พร้อมนำหมายค้นศาลอาญามีนบุรี เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 63/5 ซอยพระยาสุเรนทร์ 9 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ หลังได้รับข้อมูลว่ามีการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นในลักษณะน่าสงสัย สามารถยึดของกลางข้อมูลบัตรเครดิตของบุคคลอื่นกว่า 5,000 รายการ, โทรศัพท์มือถือหลายเครื่อง, ทองคำแท่ง, เงินสด, คริปโตเคอร์เรนซี และรถยนต์หรู
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ผบช.สตม.ได้มีคำสั่งให้ชุดสืบสวน บก.สส.สตม. เร่งขยายผลเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติ หลังพบเบาะแสการนำข้อมูลบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นไปใช้โดยมิชอบ กระทั่งพบข้อมูลเชื่อมโยงไปยังบุคคลสัญชาติจีนรายหนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านหรูใกล้เคียง จากนั้นจึงขยายผลเข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายและสามารถจับกุม นายยูเป็ง อัน ได้ในที่สุด
จากการตรวจสอบพบว่า นายยูเป็ง อัน ใช้แอปพลิเคชัน Telegram เป็นช่องทางสื่อสารกับเครือข่าย โดยสั่งการให้ผู้อื่นใช้ข้อมูลบัตรเครดิตผู้อื่นสั่งซื้อโทรศัพท์มือถือ (iPhone 16 Pro Max) และทองคำ ทางออนไลน์ ก่อนนำไปขายที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ย่านปทุมวัน จากนั้นนำเงินสดไปแปลงเป็นสกุลเงินดิจิทัล (USDT) และโอนกลับไปยังกลุ่มผู้ร่วมขบวนการ
เบื้องต้นคาดว่าทรัพย์สินทั้งหมดมีมูลค่านับสิบล้านบาท และเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน นอกจากนี้ขบวนการยังเชื่อมโยงเหยื่อหลายประเทศ จากการตรวจสอบข้อมูลยังพบว่า ข้อมูลบัตรเครดิตที่ใช้ในการกระทำผิด มีที่มาจากหลายประเทศ เช่น จีน, ไต้หวัน, สิงคโปร์, มาเลเซีย และประเทศไทย
สอบสวน นายยูเป็ง อัน ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยระบุว่าได้รับข้อมูลบัตรเครดิตผ่านกลุ่ม Telegram จริง เบื้องต้นจึงถูกแจ้งข้อหา “ใช้และมีไว้เพื่อใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 269/5 และ 269/6 และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางชัน ดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมเตรียมประสานธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยเพื่อขยายผลและติดตามเครือข่ายร่วมขบวนการต่อไป.