“เก๋-ชลลดา” ไร้สัญญาณป่วยเยื่อบุสมองอักเสบ ถ้ารักษาช้าอาจจะปากเบี้ยว-อัมพฤกษ์ชั่วคราว
ทำเอาแฟนๆเป็นห่วงหนักมากหลังสาวสวย “เก๋-ชลลดา เมฆราตรี” นักแสดงสาวมากความสามารถ ได้ออกมาโพสต์ภาพขณะแอดมิตอยู่ที่โรงพยาบาล พร้อมเล่าอาการป่วยที่เริ่มต้นจากอาการปวดศีรษะรุนแรงจนคิดว่าเป็นไมเกรนธรรมดา แต่เมื่อตรวจอย่างละเอียดกลับพบว่าป่วยเป็นโรคเยื่อบุสมองอักเสบที่เกิดจากเชื้อไวรัสเริมขึ้นสมอง งานนี้ทำเอาหลายคนอยากรู้หนักมากว่าเธอเป็นโรคนี้จากสาเหตุอะไร ล่าสุดสาวเก๋ไปร่วมงาน TAVO PETS Thailand’s First Launch “Pets Protection Reimagined” เจ้าตัวก็เล่าให้ฟังว่า
‘เก๋ ชลลดา’ ปวดหัวหนักนึกว่าไมเกรน ที่แท้ ‘เยื่อบุสมองอักเสบ’ ไวรัสเริมขึ้นสมอง!
เก๋ เผยว่า “ครั้งนี้ที่ไม่สบายไม่ได้มีสัญญาณอะไรจะป่วยเลย ทำงานปกติ วันที่ไม่สบายยังไปส่งสุนัข 2 ตัวที่ได้บ้านใหม่ไปหาผู้อุปการะ ก็อุ้มเค้าอยู่ดีๆ หันคอแล้วก็รู้สึกเจ็บที่ต้นคอมากๆ ก็เลยรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติแน่เลยก็เลยนั่งพักปรากฏว่ามันวิ่งจากคอขึ้นมาหลังหูแล้วก็มาที่ขมับ ก็เลยรู้สึกว่าอาการป่วยมันไม่น่าปกติแล้ว แต่โชคดีมากๆ ผู้อุปการะน้องหมาเค้าเป็นเวลล์เนสเซ็นเตอร์พอดี เค้าก็เลยปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วก็ให้น้ำเกลือให้เรารู้สึกแข็งแรงขึ้นนิดนึง แล้วก็กลับมาบ้านมาพักผ่อน ก็แบบไม่หายปวดหัวซักทีเป็นการปวดหัวที่แปลกมาก ตอนแรกนึกว่าเป็นไมเกรน ก็ทานยาทุกอย่างนอนไปแล้วไม่รู้สึกดีขึ้นเลย วันรุ่งขึ้นก็ไม่ไหวผิดปกติแล้วก็เลยไปหาคุณหมอ คุณหมอก็เลยบอกว่าโชคดีมากๆ เลยนะจริงๆ แล้วปวดหัวแบบนี้ควรจะมาหาคุณหมอภายใน 6 ชั่วโมง เก๋รอมาตั้ง 19 ชั่วโมง แต่ก็ยังโชคดีที่ภายใน 24 ชั่วโมง อาการปวดหัวคือปวดศีรษะรุนแรงมากๆ แล้วก็เจ็บคอเหมือนคนเมื่อยคอ คอเคล็ดไม่สามารถก้มคอได้ อาการประมาณนั้น แล้วก็มีตาพร่าแล้วก็มีแสงแฟลชในตา เก๋ไม่มีสัญญาณใดๆเลยนะคือจะบอกว่าใช้ชีวิตปกติมาก แล้วอาทิตย์ก่อนที่จะเข้าโรงพยาบาลก็ใช้ชีวิตปกติ ก็มีออกกำลังกายปกติวันที่ไม่สบายก็ยังออกกำลังกายตอนเช้า”
“คุณหมอบอกว่าจริงๆ เยื่อบุสมองอักเสบจริงๆ แล้วมันเป็นโรคที่ไม่ใช่ปกติ อย่างเก๋ถ้ามาช้าอีกนิดนึงคุณหมอก็บอกว่าจะมีอาการปากเบี้ยว หรือเป็นอัมพฤกษ์ชั่วคราว สาเหตุจริงๆ แล้วทุกคนถ้าเกิดใครเคยเป็นอีสุกอีใสอันนี้ของเก๋ ใครเคยเป็นก็จะมีไวรัสตัวนี้อยู่ในตัว ซึ่งไวรัสตัวนี้ก็เป็นตัวเดียวกับโรคเริม ที่เป็นที่ปากเป็นที่มือที่เท้า เพียงแต่ของเก๋มันไม่ได้ขึ้นอย่างนั้นมันไปขึ้นที่เยื่อบุสมองเลย ก็คือเยื่อบุสมองอักเสบ ซึ่งโชคดีที่ไปเร็วถ้าไปช้ามันก็จะเข้าไปที่แกนสมอง สิ่งที่กระตุ้นมันคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็อาจจะนอนน้อยติดต่อกันสามวัน แล้วก็อาจจะทานอาหารไม่ตรงเวลาด้วยเป็นจังหวะ คือเหมือนจังหวะมันนิดเดียวเองแล้วก็คุณหมอบอกว่าสาเหตุโรคนี้จริงๆ เกิดจากภูมิต้านทานตก พักผ่อนไม่เพียงพอ แล้วก็อาจจะมีความเครียด ซึ่งก็บอกคุณหมอว่าเก๋ไม่มีอะไรเครียดเลยนะคะ คุณหมอก็บอกว่าอาจจะเครียดไม่รู้ตัวหรือเปล่า อาจจะไม่รู้ตัว”
เก๋ เล่าต่อว่า “จริงๆ โชคดีมากที่เก๋เนี่ยคุณหมอเอะใจได้เร็ว พอไปแอดมิตหนึ่งคืนไม่ดีขึ้นไข้ขึ้นตอนกลางคืน เช้ามาคุณหมอก็ให้ยาฆ่าเชื้อ ยาต้านไวรัสเลย รักษาทุกโรคเลย พอประมาณช่วงบ่ายโมงก็เจาะไขสันหลังเพื่อดูว่าเป็นอะไร ก็เลยเจอโรคไวรัสเฉพาะ คือเป็นไวรัส HSV ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่มียาเฉพาะทาง มันก็เป็นยากว้างๆ ของการต้านไวรัส ซึ่งคุณหมอก็ช่วยเต็มที่ ถามว่าหายขาดไหม จริงๆ แล้วตั้งแต่วันแรกที่ให้ยามันไม่มียาที่รักษาโดยตรง มันจะเป็นยาฉีดเข้าทางสายน้ำเกลือ ซึ่งเก๋แอดมิตมาประมาณเจ็ดวันแล้วเส้นมันแตก เจาะหลายที่แล้วไม่มีเส้นให้ได้ คุณหมอก็เลยให้กลับมาทานยาที่บ้าน ซึ่งจริงๆ แล้วต้องทานยาไปถึง 10 วัน ซึ่งเมื่อวานเพิ่งหมดวันที่ 10 แล้ววันนี้วันที่ 11 ก็เลยมาทำงาน แล้วก็ยังตอบไม่ได้ว่ามันหายจริงหรือเปล่า ร่างกายตอนนี้เก๋ จริงๆ ยังไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์มาก เมื่อกี้ตอนอยู่บนเวทีแล้วอากาศร้อนรู้สึกเลยมันเหมือนตัวหนักๆ คือโรคนี้เค้าบอกว่าต้องระวังเส้นเลือดมากๆ คุณหมอก็เลยบอกว่าช่วงนี้อย่าเพิ่งทำงานกลางแจ้งนะคะ อย่าเพิ่งโดนแดด ตอนนี้คิดว่าเรื่องนี้ ก็คงเป็นสัญญาณเตือนนะคะอย่างที่เก๋บอกในไอจีของเก๋ อุตส่าห์ดีใจว่า 10 ปีไม่ได้เข้าโรงพยาบาลเลย บริษัทประกันคงรักเก๋มากๆ ไม่ได้ใช้เลย พูดปัปได้เข้าโรงพยาบาลเลย ถือว่าเป็นสัญญาณเตือนภัยแล้วกันให้เราไม่ประมาท คือเราต้องรู้ลิมิตร่างกายตัวเอง ฝากเตือนไปถึงเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคนด้วยนะคะจริงๆ แล้วอะไรก็ตามที่ผิดปกติจากที่เราเคยเป็นให้ไปพบแพทย์เลยนะคะ คือมันผิดปกติแสดงว่ามันไม่ใช่แล้ว อย่าคิดว่าปวดหัวแค่นี้กินยาแล้วหาย จริงๆ แล้วมันอาจจะไม่ได้ช่วยโดยตรงก็ได้เก๋ว่าพบแพทย์ดีที่สุดค่ะ”
“สามีของเก๋คือวันที่ไม่สบายโชคร้ายนิดนึงคือเค้าไม่อยู่ประเทศไทยพอดี ตอนแอดมิตก็ยังไม่อยากบอกกลัวเค้าเป็นห่วงเพราะเค้าต้องไปประชุม เค้าโทรมาตอนดึกก็เลยต้องบอกว่าตอนนี้อยู่โรงพยาบาล เค้าก็ตกใจแล้วยิ่งพอเล่าว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับสมองทุกคนก็เป็นห่วงหมด ครอบครัวก็เป็นห่วงมากๆ ก็มาดูกันไปหมดเลย หลังจากนี้ก็ต้องรู้จักลิมิตของตัวเอง ฟังร่างกายจริงๆ บางทีรู้สึกว่าเหนื่อยนะแต่ไม่เป็นไรอีกนิดเดียวอึดได้ แต่เราต้องรู้จักลิมิตของตัวเอง แล้วหลังจากนี้จะไม่ฝืนแล้วเรียกว่าช่วงนี้ก็ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเลยเดี๋ยวอาทิตย์หน้าคุณหมอนัดตรวจเลือด เพราะยาที่ให้ก็แอบเป็นยาที่ค่อนข้างแรง ก็เป็นห่วงเรื่องไต”