สธ.ตรวจวัดพระบาทน้ำพุ พบศพผู้ป่วยเอดส์กว่า 20 ศพถูกดองโชว์

สธ.ตรวจวัดพระบาทน้ำพุ พบศพผู้ป่วยเอดส์กว่า 20 ศพถูกดองโชว์มานานหลายสิบปี ล่าสุดพระอลงกตยินยอมให้เผาศพแล้ว

นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบวัดพระบาทน้ำพุ นานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนจะเปิดเผยว่า ในการตรวจสอบครั้งนี้มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แบ่งทีมดูแลกัน เบื้องต้นสถานชีวาภิบาลที่มีผู้ป่วยอื่นๆที่ไม่ใช่ HIV จากการตรวจสอบ ยังไม่มีอะไรที่ผิดปกติ เว้นแต่มีข้อแนะนำบางส่วน ว่าให้ทางวัดจัดหาพื้นที่หรือทำเป็นมูลนิธิหรือหาอาคารสักหนึ่งหลัง จดทะเบียนเป็นสถานพยาบาล หรือคลินิกแยกส่วนออกมา

ส่วนอาคารคนอวดผี ที่เป็นอาคารรักษาผู้ป่วย HIV ก็ไม่พบความผิดปกติ เรื่องยาก็ให้ทาง อย.ตรวจแล้ว ทราบว่าเป็นยาที่รับมาจากโรงพยาบาลพระนารายณ์จริง และมีรายชื่อของผู้ป่วยตรงนั้นจริง

ส่วนเรื่องอาคารเมตตาธรรม จากข้อสังเกตมีลักษณะคล้ายกับสถานพยาบาล จึงจะต้องตรวจสอบว่าจะเข้าข่ายความผิดหรือไม่อย่างไร

จากการตรวจสอบพบว่า มี ศพผู้ป่วยเอดส์กว่า 20 ศพ ถูกเก็บรักษาไว้ใน อาคารพิพิธภัณฑ์ หรือที่เรียกว่า ศาลาธรรมสังเวช ของวัด เพื่อให้เป็นสถานที่สำหรับนักท่องเที่ยวและผู้มาเยือนได้เยี่ยมชมและปลงอนิจจัง มาเป็นเวลาหลายสิบปี ซึ่ง นายธนกฤต ระบุว่า การกระทำนี้ ไม่ถูกสุขลักษณะ และขัดต่อ พ.ร.บ.สุสานและฌาปนสถาน พ.ศ.2528 ที่กำหนดให้การจัดการศพต้องเป็นไปตามกฎหมาย เช่น การฝังหรือเผาศพภายในระยะเวลาที่กำหนด

ย้ำว่า ศพต้องไปฌาปนกิจ หน้าที่ของการดูแลศพเป็นท้องถิ่น เอาไว้อย่างนี้ไม่ได้ ส่วนเรื่องตึกร้างก็เข้าข่ายเป็นสถานพยาบาลเดี๋ยวจะต้องดูและรวบรวมพยานหลักฐานก่อน หากพบความผิดก็จะดำเนินคดี ใครที่เป็นผู้บริหารในนี้ก็จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตอารีรัตน์ ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนหลังจากที่เข้าพบหลวงพ่ออลงกตว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ตนได้พบทางหลวงพ่อ ขณะที่ตนเข้าไปพบนั้นหลวงพ่อมีความกังวลเล็กน้อย เพราะท่านยังไม่รู้ว่าตนพร้อมคณะจะพูดคุยเรื่องอะไรบ้าง โดยตนและคณะได้มีการพูดคุย ในเรื่องอาคารธรรมะสังเวช ที่มีร่างของผู้เสียชีวิตเก็บดองไว้ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าไปดูเพื่อเลาะสังขารนั้น ทางกรมอนามัยมองว่าไม่ถูกสุขลักษณะเพราะคนที่ป่วยมีเชื้อโรค และบางคนเป็นวัณโรคก่อนจะเสียชีวิต ทำให้ผู้คนจะเข้าไปรับชมสามารถติดเชื้อโรคได้ เมื่อพูดคุยเรื่องประเด็นนี้เสร็จหลวงพ่ออลงกต ยืนยันว่าหลังจากนี้จะดำเนินการนำร่างของผู้เสียชีวิตไปฌาปนกิจให้ถูกต้อง

ต่อมายังได้พูดคุย เรื่องสถานชีวาภิบาล โดยแจ้งกับทางหลวงพ่อว่าไม่อนุญาตให้มีแพทย์ประจำในสถานชีวาภิบาลได้ รวมถึงไม่อนุญาตให้มีแพทย์อาสาเข้ามายังจุดดังกล่าวได้ หากต้องการให้มีแพทย์เข้ามาประจำสถานที่ตรงนั้นต้องทำการ ติดต่อไปยังสาธารณสุขจังหวัด เพื่อจัดตั้งเป็นคลินิกหรือสถานพยาบาล เพราะพื้นที่ดังกล่าวนั้นเป็นพื้นที่ที่สามารถ ดูแลผู้ป่วยและทำการส่งต่อได้เท่านั้น ในจุดนี้ทางด้านหลวงพ่อก็รับปากว่าจะดำเนินการแก้ไขให้ด้วยเช่นเดียวกัน

ในส่วนของอาคารคนทำดีอวดผี ที่ใช้เป็นสถานที่ดูแลผู้ป่วย ทางกระทรวงสาธารณสุขก็ได้ให้คำแนะนำถึงวิธีการเก็บรักษาและนำยาให้กับผู้ป่วย เนื่องจากว่าหลังจากที่เข้าไปตรวจสอบนั้น พบว่ายังจัดเก็บไม่เรียบร้อย และควรจัดทำเป็นล็อกแต่ละรายชื่อผู้ป่วย เพื่อความสะดวกและเป็นระเบียบในการจัดยาให้ผู้ป่วยแต่ละราย แม้จะเป็นผู้ป่วยในลักษณะเดียวกันก็ตาม

ในส่วนของอาคารเมตตาธรรม ที่มีความสกปรกมากและมีข้อสันนิษฐานว่าเป็นอาคารที่น่าจะเคยใช้เป็นสถานพยาบาลมาก่อน เพราะหลังจากที่ขึ้นไปสำรวจก็พบกับวัตถุพยานบางอย่างที่บ่งบอกว่าเป็นสถานพยาบาลมาก่อน ตรงจุดนี้ จึงคาดว่าน่าจะเป็นจุดที่ผิดกฎหมาย จึงสั่งการให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ในการร้องทุกข์กล่าวโทษกับทางวัดพระบาทน้ำพุว่าเป็นการกระทำความผิด ซึ่งตอนนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เข้ามาให้คำแนะนำกับหลวงพ่ออลงกตแล้วว่าส่วนไหนถูกต้องและส่วนไหนที่ไม่ถูกต้อง ส่วนเรื่องของการทำบุญและมูลนิธิต่างๆ หลวงพ่ออลงกตเปิดเผยว่าจะเข้าไปสู้คดีในส่วนต่างๆหากเกิดขึ้น แล้วยืนยันว่ายังคงจำวัดอยู่ที่วัดพระบาทน้ำพุเหมือนเดิม เพราะตอนนี้ตนได้ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสเท่านั้น

นอกจากนี้ พบว่าหลวงพ่ออลงกต หลังได้พูดคุยกับคณะก็มีหน้าตาที่แจ่มใสมากขึ้นผิดจากช่วงแรก และได้เปิดเผยว่ามีความประสงค์จะทำให้จุดดังกล่าวเป็นโรงพยาบาลที่ยกให้เป็นสาธารณสมบัติต่อไป และพร้อมให้ไปอยู่ในการดูแล ของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งนายกองตรี ดร.ธนกฤต เผยว่า หากเป็นเช่นนั้นจะต้องมีการส่งแบบแปลนให้กับทางกรมสนับสนุนบริการสุขภาพก่อนจะมีการก่อสร้างว่าจะต้องมีการออกแบบทั้งหมดกี่เตียง สถานพยาบาลกี่ห้อง ในการรองรับผู้ป่วย ไม่ใช่ว่าสร้างขึ้นมาแบบใดก็ได้

สุดท้ายผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามอีกว่า หากกรณีวัดไม่ได้ไปต่อการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อ ทางกระทรวงสาธารณสุขจะต้องดำเนินการอย่างไร นายกองตรี ดร.ธนกฤต เปิดเผยว่า ก็จะได้ขออนุญาตนำผู้ป่วยไปดูแลต่อ ซึ่งต้องเป็นหน้าที่ของโรงพยาบาลในพื้นที่ เนื่องจากว่ากระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมการตรงนี้ไว้แล้ว ส่วนสิทธิ์ในการรักษาก็สามารถใช้สิทธิ์ 30 บาทในการรักษาได้