มติครม.แต่งตั้ง “อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ” เลขาสภาพัฒน์คนใหม่
การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 มีมติแต่งตั้ง นางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ จากตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) มาดำรงตำแหน่ง เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คนใหม่อย่างเป็นทางการ การปรับเปลี่ยนครั้งนี้นับเป็นการจัดทัพข้าราชการระดับสูงในสายเศรษฐกิจ เพื่อรองรับการเดินหน้านโยบายเชิงยุทธศาสตร์ของรัฐบาล
การแต่งตั้งเลขาธิการสภาพัฒน์ถือเป็นตำแหน่งสำคัญในระบบราชการไทย เนื่องจากสภาพัฒน์มีบทบาทหลักในการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งการติดตามและประเมินผลยุทธศาสตร์ชาติ ตลอดจนการให้ข้อเสนอเชิงนโยบายแก่รัฐบาล การโยกย้ายนางสาวอ้อนฟ้า จึงสะท้อนถึงความพยายามของรัฐบาลในการปฏิรูประบบราชการด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยคาดว่าจะมุ่งเน้นการปรับตัวให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกและการพัฒนาเชิงนวัตกรรม
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2568 ครม.เคยมีมติอนุมัติตามที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม เสนอให้ต่ออายุการดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ก.พ.ร. ของนางสาวอ้อนฟ้าออกไปอีก 1 ปี (ครั้งที่ 2) นับตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ถึง 5 กุมภาพันธ์ 2569 การขยับตำแหน่งล่าสุดจึงเป็นไปตามแผนการสับเปลี่ยนเก้าอี้ข้าราชการระดับสูง เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางนโยบายรัฐบาล
นางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ จบการศึกษาระดับเศรษฐศาสตร์บัณฑิต (เศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อด้วย Master of Science in Policy Economics จาก University of Illinois at Urbana-Champaign ประเทศสหรัฐฯ และ Master of Public Policy จาก National Graduate Institute for Policy Studies (GRIPS) ประเทศญี่ปุ่น
เส้นทางราชการเริ่มจากตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านระบบสารสนเทศ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (เมษายน 2553) ก่อนก้าวขึ้นเป็นผู้อำนวยการสำนักวิเคราะห์เรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี (พฤศจิกายน 2557) และที่ปรึกษาประจำสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ตุลาคม 2558)
ต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (กุมภาพันธ์ 2560) และรองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (มกราคม 2562 – กุมภาพันธ์ 2563) จนก้าวสู่เก้าอี้เลขาธิการ ก.พ.ร.
ตลอดการทำงานในสายระบบราชการ นางสาวอ้อนฟ้าโดดเด่นในบทบาทการเสนอแนะและพัฒนานโยบายด้านการบริหารจัดการภาครัฐ เธอเป็นผู้ผลักดันแนวทางการประเมินประสิทธิภาพราชการ การปรับปรุงบทบาทภารกิจของหน่วยงานภาครัฐ และการส่งเสริมธรรมาภิบาลร่วมกับองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD)
นอกจากนี้ยังมีบทบาทในด้านการวิเคราะห์เรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี การจัดทำมติและการติดตามการดำเนินงาน ตลอดจนการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนงานของ ครม.ยังทำหน้าที่อาจารย์พิเศษในสถาบันการศึกษา ทั้งวิชาจริยธรรมองค์การ (NIDA) และเศรษฐศาสตร์มหภาค (มหาวิทยาลัยกรุงเทพ)
การขยับตำแหน่งครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนความเชื่อมั่นของรัฐบาลที่มีต่อนางสาวอ้อนฟ้า หากยังเป็นสัญญาณถึงการเร่งเดินหน้า “ยุทธศาสตร์ชาติ” โดยใช้กลไกสภาพัฒน์เป็นเครื่องมือหลัก ทั้งในด้านการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับใหม่ การปฏิรูประบบราชการให้สอดรับกับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ตลอดจนการประสานงานเชิงนโยบายกับหน่วยงานระหว่างประเทศ
ในเชิงนโยบาย คาดว่านางสาวอ้อนฟ้า จะเป็นกำลังสำคัญในการวางกรอบยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจมหภาค การแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ และการปฏิรูปโครงสร้างสังคมไทย รวมถึงการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างนโยบายรัฐบาลกับการปฏิบัติในระดับหน่วยงานราชการ การเข้ามาของนางสาวอ้อนฟ้า จึงถูกจับตามองว่า จะเป็น “แม่ทัพ” ขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในเวทีโลกได้มากน้อยเพียงใด.