โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

แฟชั่น บิวตี้

ร่างกายขาดวิตามิน ดูยังไง ชวนมาลองเช็กตัวเองดูหน่อย

SistaCafe

อัพเดต 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • SistaCafe

เคยเป็นมั้ย ที่รู้สึกว่า บางครั้งร่างกายเรา ก็ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือแบบเงียบ ๆ ผ่านผิว ผม เล็บ หรือแม้แต่อารมณ์ แต่เรามักมองข้าม และคิดว่า “ คงเหนื่อยเฉย ๆ ” ทั้งที่จริงแล้ว อาจเป็นเพราะร่างกายกำลังขาดวิตามินบางชนิดอยู่ก็ได้ การสังเกตสัญญาณเหล่านี้ ช่วยให้เราเติมเต็มสิ่งที่ขาดก่อนจะกลายเป็นปัญหาสุขภาพระยะยาว วันนี้เราจะมาชวนชาวซิสทุกคนมาลองเช็กตัวเองกันดู ร่างกายขาดวิตามิน ดูยังไง วันนี้มาไขข้อข้องใจไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าค่ะ

ร่างกายขาดวิตามิน ดูยังไง ?

เวลาเรารู้สึกเพลีย ๆ ผิวหมอง ผมร่วง หรืออารมณ์แปรปรวน โดยไม่รู้สาเหตุ หลายคนอาจจะคิดว่า เป็นเพราะพักผ่อนน้อย หรือเครียด แต่จริง ๆ แล้ว อีกหนึ่งสาเหตุที่ซ่อนอยู่ก็คือ “ ร่างกายขาดวิตามิน ” นี่แหละค่ะ วิตามินเปรียบเหมือนตัวช่วยเล็ก ๆ ที่คอยหล่อเลี้ยงให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างราบรื่น ขาดไปนิดเดียว ก็ส่งผลให้ร่างกายส่งสัญญาณเตือนออกมาอย่างชัดเจนแล้ว ซึ่งร่างกายสามารถแสดงสัญญาณเตือน เมื่อขาดวิตามินได้หลายอย่าง แต่ละอาการก็จะบ่งบอกถึงชนิดของวิตามินที่ร่างกายกำลังขาดไปค่ะ ลองมาเช็กตัวเองจากสัญญาณเหล่านี้ได้เลย

สัญญาณที่พบบ่อยเมื่อร่างกายขาดวิตามิน

  • อาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย : เป็นสัญญาณที่พบบ่อยที่สุด อาจบ่งบอกถึงการขาด วิตามิน B12 หรือ วิตามิน D
  • แผลในปาก หรือริมฝีปากแห้งแตก : ริมฝีปากแห้งแตก หรือเกิดแผลที่มุมปาก ( โรคปากนกกระจอก ) อาจเป็นสัญญาณของการขาด วิตามิน B2
  • เลือดออกตามไรฟัน : อาการเหงือกบวมหรือเลือดออกง่ายตามไรฟัน เป็นอาการคลาสสิกของการขาด วิตามิน C อย่างรุนแรง ( โรคลักปิดลักเปิด )
  • ผมร่วง : การขาด วิตามิน B6 และ วิตามิน B12 รวมถึงวิตามินบางชนิดอาจทำให้มีปัญหาผมร่วง
  • มองเห็นในที่แสงน้อยไม่ชัด : หรือที่เรียกว่า ตาบอดกลางคืน เป็นสัญญาณหลักของการขาด วิตามิน A
  • ผิวแห้งกร้าน : ผิวแห้ง แตก ลอกเป็นขุย หรือเกิดผื่นผิวหนังอักเสบ อาจเป็นสัญญาณของการขาด วิตามิน A หรือ วิตามิน E
  • อาการชาที่ปลายมือปลายเท้า : การขาด วิตามิน B1 หรือ วิตามิน B12 มักจะทำให้มีอาการชาหรือรู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่ม
  • เป็นตะคริวบ่อย ๆ : อาการปวดกล้ามเนื้อ หรือเป็นตะคริวในตอนกลางคืน อาจเป็นสัญญาณของการขาด วิตามิน D ซึ่งมีผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ
  • แผลหายช้า : เมื่อร่างกายขาด วิตามิน C จะส่งผลให้กระบวนการสมานแผลช้าลง

หากมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ เพื่อตรวจวินิจฉัย และรับการรักษาที่ถูกต้องนะคะ

วิตามินที่ร่างกายต้องการมีอะไรบ้าง ?

อย่างที่เรารู้ ๆ กันว่า วิตามินเป็นสารอาหาร ที่จำเป็นต่อร่างกาย แม้จะต้องการในปริมาณน้อย แต่ก็มีความสำคัญมากจริง ๆ ต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ซึ่งวิตามินที่ร่างกายขิงเราต้แงการนั้น แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ วิตามินที่ละลายในไขมัน และวิตามินที่ละลายในน้ำ มาดูกันว่า มีอะไรบ้าง แล้วแตละตัวมีประโยชน์ยังไง

วิตามินที่ละลายในไขมัน

วิตามินที่ละลายในไขมันคือ กลุ่มวิตามินที่จะละลายในไขมัน หรือน้ำมันเท่านั้น เพื่อดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ไม่สามารถขับออกมาทางปัสสาวะได้ หากได้รับมากเกินจะเก็บสะสมไว้ในร่างกาย วิตามินเหล่านี้ ต้องการไขมันในอาหาร เพื่อช่วยในการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย และจะถูกเก็บสะสมในเนื้อเยื่อไขมัน และตับ หากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป อาจก่อให้เกิดพิษได้ ซึ่งวิตามินที่ว่านี้ ได้แก่ วิตามิน A, D, E, K

🍋วิตามิน A

วิตามิน A มีความสำคัญต่อหลายระบบในร่างกาย โดยเฉพาะการมองเห็น และการสร้างภูมิคุ้มกัน

  • ช่วยในการมองเห็น : มีบทบาทสำคัญในการทำงานของจอประสาทตา ทำให้มองเห็นได้ดีในที่แสงน้อย และป้องกันโรคตาบอดกลางคืน
  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน : ช่วยในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้เป็นปกติ
  • บำรุงผิวพรรณ : ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื่น ลดการเกิดสิว และช่วยฟื้นฟูผิวจากความเสียหาย

🍊วิตามิน D

วิตามิน D มักถูกเรียกว่า " วิตามินจากแสงแดด " เพราะร่างกายสามารถสร้างเองได้ เมื่อได้รับแสงแดดที่เพียงพอ

  • เสริมสร้างกระดูกและฟัน : ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญในการสร้างกระดูก
  • บำรุงระบบภูมิคุ้มกัน : มีบทบาทในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
  • รักษาสมดุลอารมณ์ : ช่วยลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้า และปรับสมดุลอารมณ์

🍋วิตามิน E

วิตามิน E เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพ

  • ต้านอนุมูลอิสระ : ช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสื่อมสภาพของเซลล์
  • บำรุงผิวพรรณ : ช่วยลดริ้วรอย จุดด่างดำ และช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์
  • สมานแผล : มีส่วนช่วยในกระบวนการสมานแผล

🍊วิตามิน K

วิตามิน K มีความสำคัญต่อการแข็งตัวของเลือด และสุขภาพกระดูก

  • ช่วยให้เลือดแข็งตัว : มีบทบาทสำคัญในกระบวนการแข็งตัวของเลือด ช่วยป้องกันการสูญเสียเลือดมากเกินไปเมื่อเกิดบาดแผล
  • บำรุงกระดูก : ช่วยให้ร่างกายนำแคลเซียมไปใช้สร้างกระดูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน

วิตามินที่ละลายในน้ำ

เป็นวิตามินที่ร่างกายจะดูดซึม และนำไปใช้ได้ดีในน้ำ แต่ส่วนเกินจะถูกขับออกทางปัสสาวะ ทำให้ไม่ค่อยสะสมในร่างกาย และมีความเสี่ยงต่อการเกิดพิษต่ำ หากได้รับเกินความต้องการ จะถูกขับออกทางปัสสาวะ จึงควรได้รับอย่างสม่ำเสมอ ได้แก่ วิตามิน B และ C

🍋วิตามิน B (วิตามินบีรวม)

วิตามินบีรวม ประกอบด้วยวิตามินหลายชนิดที่ทำงานร่วมกัน มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ร่างกายสร้างพลังงาน และดูแลการทำงานของระบบประสาท

  • สร้างพลังงาน : ช่วยเปลี่ยนอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันให้เป็นพลังงาน เพื่อให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นและมีกำลัง
  • บำรุงระบบประสาทและสมอง : มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาท, เพิ่มสมาธิ และลดความเครียด
  • สร้างเม็ดเลือดแดง : มีบทบาทสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง และช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง

🍊วิตามิน C

วิตามิน C เป็นหนึ่งในสารอาหารที่สำคัญที่สุดสำหรับร่างกาย และผิวพรรณ

  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน : เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยลดความรุนแรงของอาการหวัด
  • สร้างคอลลาเจน : เป็นสารตั้งต้นสำคัญในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างผิว, เหงือก, ฟัน และกระดูกให้แข็งแรง
  • บำรุงผิวพรรณ : ช่วยให้ผิวพรรณกระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย และช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ

จะเป็นยังไงถ้าร่างกายได้รับวิตามินไม่พอ ?

เพื่อน ๆ หลายคน อาจจะกำลังตั้งคำถามอยู่ใช่มั้ยว่า แล้วถ้าร่างกายของเราขาดวิตามิน มันจะเป็นยังไง ร่างกายที่ขาดวิตามินจะทำงานผิดปกติ มีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง เหนื่อยง่าย สมาธิสั้น หรือมีภาวะโลหิตจาง นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลต่อผิวพรรณ เช่น ผิวแห้ง ปากแห้ง ลิ้นอักเสบ ริมฝีปากอักเสบ และอาจส่งผลกระทบต่อกระดูก และระบบประสาท ทำให้ปวดเมื่อย ชาตามปลายมือ ปลายเท้า หรือมีอารมณ์แปรปรวนได้ หากขาดวิตามินอย่างรุนแรง อาจนำไปสู่โรคต่าง ๆ เช่น โรคกระดูกพรุน โรคโลหิตจาง หรือภาวะแทรกซ้อน ที่อันตรายถึงชีวิต

ทำไมร่างกายถึงขาดวิตามิน ?

บางคนอาจจะสงสัยว่า แล้วทำไมร่างกายเราถึงได้ขาดวิตามินได้ วันนี้เรารวบรวมคำตอบง่าย ๆ มาแชร์ต่อแล้วค่ะ

  • กินอาหารไม่ครบหมู่ หรือไม่หลากหลาย เช่น คนที่ไม่ค่อยกินผักผลไม้ ก็อาจขาดวิตามิน C หรือใครที่ไม่กินเนื้อสัตว์เลยอาจเสี่ยงขาดวิตามิน B12 ได้
  • ความเครียด และการใช้ชีวิตเร่งรีบ ฮอร์โมนความเครียด ทำให้ร่างกายใช้วิตามินบางชนิด เช่น วิตามินบี และวิตามินซี มากกว่าปกติ
  • พฤติกรรมการกินที่ไม่สมดุล ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือทานอาหารแปรรูปมากไป ทำให้ร่างกายดูดซึมวิตามินได้น้อลง
  • การเจ็บป่วย หรือยาบางชนิด เช่น คนที่มีโรคกระเพาะ หรือลำไส้อักเสบ มักดูดซึมวิตามินได้ไม่เต็มที่ หรือยาปฏิชีวนะบางตัวอาจทำให้ขาดวิตามิน K ได้
  • อายุ และการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายอาจผลิตเอนไซม์ หรือสารบางอย่างน้อยลง ส่งผลต่อการดูดซึมวิตามินโดยตรง

🍋🍊🍋🍊🍋🍊🍋🍊🍋🍊🍋🍊🍋🍊🍋

อาการแบบนี้ร่างกายขาดวิตามินอะไร ?

เราเป็นคนนึงที่มักจะสงสัยตลอดว่า เอ๊ะ ! ร่างกายตอนนี้มันเป็นอะไร มันแปลก ๆ นะ เพื่อน ๆ เคยมีความคิดแบบนี้กันบ้างมั้ย รู้มั้ยว่า ร่างกายของเราเปรียบเหมือนเครื่องจักรที่ต้องการ “ เชื้อเพลิงคุณภาพดี ” ในการทำงาน วิตามินจึงเปรียบเสมือนชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่ช่วยให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายหมุนเวียนไปได้อย่างราบรื่น ถึงแม้มันจะไม่ใช่สารอาหารที่ให้พลังงานโดยตรงเหมือนโปรตีน คาร์โบไฮเดรต หรือไขมัน แต่เชื่อไหมคะว่า ถ้าขาดวิตามินเพียงตัวเดียว ระบบในร่างกาย ก็อาจสะดุด และส่งสัญญาณเตือนออกมาให้เราเห็นได้เลยนะ

เพื่อน ๆ อาจไม่ทันสังเกต เพราะอาการที่เกิดขึ้นมักจะค่อย ๆ สะสม ไม่ได้มาแบบปุ๊บปั๊บ แต่จริง ๆ แล้วสัญญาณเล็ก ๆ ที่ร่างกายส่งออกมา เช่น ผมร่วงง่าย เหนื่อยบ่อย หรือแม้แต่เล็บแตกง่าย ก็เป็นเหมือน “ เสียงกระซิบ ” ที่บอกว่า เฮ้ ! ร่างกายกำลังขาดอะไรบางอย่างนะ รีบ ๆ เติมเข้ามาเร็ว ! ลองมาดูกันว่า แต่ละอาการบ่งบอกถึงการขาดวิตามินอะไร และควรแก้ไขอย่างไร

🍋อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย

อาการอ่อนเพลีย และเหนื่อยง่าย เป็นอาการที่พบได้บ่อยมากในชีวิตประจำวัน อาจมีสาเหตุมาจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ, ความเครียดสะสม หรือภาวะขาดสารอาหารบางอย่าง

  • ขาดวิตามิน B12 และ วิตามิน D : วิตามินเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการสร้างพลังงาน และดูแลการทำงานของระบบประสาท นอกจากนี้ การขาด ธาตุเหล็ก ก็เป็นสาเหตุสำคัญของโรคโลหิตจาง ซึ่งทำให้ร่างกายไม่สามารถลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ
  • กินจากไหนได้บ้าง :

✅วิตามิน B12 : พบมากในเนื้อสัตว์, ไข่, นม และอาหารทะเล

✅วิตามิน D : ได้จากแสงแดดในตอนเช้า, ปลาที่มีไขมันสูง ( เช่น ปลาแซลมอน ), ไข่แดง และนม

  • ต้องทำยังไง แก้ยังไง :

✅วิตามิน B12 : รับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์, ไข่ หรือผลิตภัณฑ์จากนมให้มากขึ้น หากเป็นมังสวิรัติอาจจำเป็นต้องทานอาหารเสริม

✅วิตามิน D : ควรออกไปรับแสงแดดอ่อน ๆ ในตอนเช้าประมาณ 15 - 20 นาที และรับประทานอาหารที่มีวิตามิน D เพิ่มขึ้น

🍊แผลในปาก ริมฝีปากแห้งแตก

อาการแผลในปาก และริมฝีปากแห้งแตก เป็นอาการที่พบบ่อย อาจเกิดจากหลายสาเหตุ รวมถึงการขาดสารอาหารบางชนิดค่ะ

  • ขาดวิตามิน B2 ( ไรโบฟลาวิน ) และอาจรวมถึง วิตามิน B12 : วิตามิน B2 ( ไรโบฟลาวิน ) มีบทบาทสำคัญในการบำรุงสุขภาพผิวและเยื่อบุช่องปาก หากขาดจะทำให้เกิดอาการแห้ง แตก และอักเสบได้ และถ้าขาดวิตามิน B12 ( โคบาลามิน )ด้วย ก็อาจจะทำให้เกิดแผลในปากหรืออาการเจ็บลิ้นได้
  • กินจากไหนได้บ้าง :

✅วิตามิน B2 : พบในนม, ไข่, ผักใบเขียว, เนื้อสัตว์ และถั่ว

✅วิตามิน B12 : เนื้อสัตว์, ไข่, นม และอาหารทะเล

ต้องทำยังไง แก้ยังไง:

เพิ่มการรับประทานอาหารที่มีวิตามิน B2 ให้หลากหลายมากขึ้น นอกจากเรื่องอาหารแล้ว การดูแลตัวเองก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ดื่มน้ำให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง ไม่ควรเลียหรือเม้มริมฝีปากบ่อย ๆ เพราะจะยิ่งทำให้อาการแย่ลง

🍋เลือดออกตามไรฟัน

เลือดออกตามไรฟัน เป็นอาการที่พบบ่อย และสามารถบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดวิตามิน และแร่ธาตุบางชนิดค่ะ

  • ขาดวิตามิน C : ทำให้หลอดเลือดเปราะบาง และเหงือกอ่อนแอลง ส่งผลให้เลือดออกได้ง่าย นอกจากนี้ยังอาจนำไปสู่โรคลักปิดลักเปิดได้ในที่สุด
  • กินจากไหนได้บ้าง :

✅วิตามิน C : พบมากในผลไม้ตระกูลส้ม, ฝรั่ง, กีวี และผักใบเขียว ( เช่น บรอกโคลี )

  • ต้องทำยังไง แก้ยังไง:

เพิ่มการรับประทานผัก และผลไม้สดที่อุดมไปด้วยวิตามิน C อย่างสม่ำเสมอ พร้อมแปรงฟันให้ถูกวิธี อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกำจัดคราบพลัคที่สะสมตามซอกฟัน

🍊ตาบอดกลางคืน ( มองไม่เห็นในที่แสงน้อย )

ตาบอดกลางคืน หรืออาการมองเห็นได้ไม่ชัดในที่แสงน้อย เป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกว่า ร่างกายกำลังขาดวิตามินที่จำเป็นต่อการทำงานของดวงตา

  • ขาดวิตามิน A : วิตามินเอมีส่วนในการทำงานของจอประสาทตา โดยเป็นส่วนประกอบของโรดอปซิน (Rhodopsin) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยให้ดวงตาสามารถมองเห็นได้ดีในที่แสงน้อย หากขาดวิตามินชนิดนี้ การผลิตโรดอปซินจะลดลง ส่งผลให้เกิดอาการตาบอดกลางคืน
  • กินจากไหนได้บ้าง :

✅วิตามิน A : พบในผักผลไม้ที่มีสีส้ม และสีเหลือง ( เช่น แครอท, ฟักทอง, มะละกอ ), ผักใบเขียวเข้ม, ตับ, และไข่แดง

  • ต้องทำยังไง แก้ยังไง:

เพิ่มอาหารที่มีวิตามิน A เข้ามาในมื้ออาหารแต่ละวัน และหากมีความจำเป็นอาจปรึกษาแพทย์ เพื่อรับวิตามินเสริม

🍋ผิวแห้งกร้าน

ผิวแห้งกร้าน เป็นปัญหาผิวที่ทำให้รู้สึกไม่สบายผิว อาจมีอาการคัน หรือลอกเป็นขุยได้ สาเหตุหลักอย่างหนึ่งของปัญหานี้ มาจากการขาดวิตามินบางชนิด ที่จำเป็นต่อสุขภาพผิวค่ะ

  • ขาดวิตามิน A และ วิตามิน E : วิตามิน A มีส่วนช่วยในการซ่อมแซม และบำรุงเซลล์ผิว ให้ผิวมีความชุ่มชื้น และแข็งแรง ส่วนวิตามิน E จะช่วยเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายจากสิ่งแวดล้อม และช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว
  • กินจากไหนได้บ้าง:

✅วิตามิน A: พบในแคร์รอต, ฟักทอง, ผักโขม และมะม่วง

✅วิตามิน E: พบในน้ำมันพืช, ถั่วชนิดต่าง ๆ และเมล็ดพืช

  • ต้องทำยังไง แก้ยังไง:

รับประทานอาหารที่มีวิตามิน A และ E ควบคู่กันไป และควรดื่มน้ำให้เพียงพอด้วย นอกจากนี้ สามารถแก้ได้ด้วยใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของเซราไมด์ หรือไฮยาลูรอนิก เพื่อช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว และล็อกความชุ่มชื้น สำคัญคือ ลดการอาบน้ำอุ่นจัด และหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่รุนแรง เพราะจะยิ่งทำให้ผิวแห้งมากขึ้น

🍊เป็นตะคริวบ่อย ๆ

อาการเป็นตะคริวบ่อย ๆ โดยเฉพาะตอนกลางคืน อาจเป็นสัญญาณว่าร่างกายขาดวิตามิน และแร่ธาตุบางชนิด ที่จำเป็นต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ และระบบประสาทค่ะ

  • ขาดวิตามิน D และแร่ธาตุ แคลเซียม : วิตามิน D มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ร่างกายดูดซึม แคลเซียม หากขาดวิตามิน D การดูดซึมแคลเซียมก็จะไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้กล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ และเกิดอาการตะคริวได้ นอกจากนี้
  • กินจากไหนได้บ้าง:

✅วิตามิน D: ได้จากแสงแดด, ปลาแซลมอน และไข่แดง

✅แคลเซียม: พบในนม, โยเกิร์ต, ชีส และผักใบเขียว

  • ต้องทำยังไง แก้ยังไง:

ออกไปรับแสงแดด และเพิ่มอาหารที่มีแคลเซียม และวิตามิน D เข้ามาในมื้ออาหาร นอกจากนี้ ควรออกกำลังกาย และยืดกล้ามเนื้อด้วย จะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และลดโอกาสการเกิดตะคริวได้ รวมไปถึงดื่มน้ำให้เพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายรักษาสมดุลของแร่ธาตุที่สำคัญต่อการทำงานของกล้ามเนื้อได้

**ข้อควรระวัง : ข้อมูลนี้ เป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้นเท่านั้น หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีความรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย และรับการรักษาที่ถูกต้องนะคะ

ร่างกายขาดวิตามิน อาจดูเหมือนเรื่องเล็ก แต่ส่งผลกับทุกระบบในร่างกาย เช่น ขาดวิตามินซี ทำให้ภูมิตก และแผลหายช้า, ขาดวิตามินดี ทำให้กระดูก และกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือขาดไบโอติน ทำให้ผมร่วงง่าย วิธีดูง่าย ๆ คือ ฟังร่างกายตัวเอง เช่น มีอาการเหนื่อยเรื้อรัง อารมณ์แปรปรวน ผิวหมอง หรือแผลในปากบ่อย ๆ หากพบว่า มีหลายอาการร่วมกัน ควรปรับอาหารให้หลากหลาย เน้นผัก ผลไม้ โปรตีนดี หรือปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจเลือด และเสริมวิตามินอย่างเหมาะสม เพราะการดูแลให้ครบตั้งแต่วันนี้คือ การลงทุนสุขภาพที่คุ้มค่าที่สุดค่ะ !

ขอขอบคุณภาพจากเว็บไซต์ : freepik และข้อมูลจากเว็บไซต์ : 5 วิตามินและแร่ธาตุที่ร่างกายไม่ควรขาด / 5 อาการของอาการขาดวิตามิน! / นั่นแหละ ! วิตามินที่มีความสำคัญอย่างไร ?

🍋🍊🍋🍊🍋🍊🍋🍊🍋🍊🍋🍊🍋🍊🍋

บทความแนะนำเพิ่มเติม

อ่านบทความต้นฉบับได้ที่: SistaCafe.com ครบเครื่องเรื่องบิวตี้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก SistaCafe

แต่งหน้าออกงาน How to แต่งยังไงให้ปัง เหมาะสมกับงาน

43 นาทีที่แล้ว

เมื่อใกล้เจอเนื้อคู่ตอนนั้นชีวิตเป็นยังไง Pick A Card ข้อความถึงคนที่พบ!

22 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความแฟชั่น บิวตี้อื่น ๆ

แต่งหน้าออกงาน How to แต่งยังไงให้ปัง เหมาะสมกับงาน

SistaCafe

โรเซ่ คอลแลบ PUMA สู่สไตล์สปอร์ตตี้ผสานสตรีตแวร์

Manager Online

เพราะใบหน้าทุกใบไม่ควรมีสูตรสำเร็จ เปิดมุมมองและความคิด น.พ.ชัยรัตน์ เสริมศิลป์ แห่ง Fiora Clinic กับการออกแบบรูปหน้าแบบ “อิ่มฟูอย่างละเมียดละไม”

Hello Magazine Thailand

เซเลบฮ่องกงสวม Chaumet ถ่ายทอดความงามฉบับเมซง

Manager Online

‘Birkin’ ไอเท็มกระเป๋าในตำนานของ Hermès ที่ข้ามพ้นแฟชั่นไปสู่การลงทุน

LSA Thailand

Dow เปิดตัว ‘ซิลิโคนแว็กซ์’ คุณภาพเยี่ยม ตอบโจทย์เครื่องสำอางยุคใหม่

The Bangkok Insight

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...