‘Birkin’ ไอเท็มกระเป๋าในตำนานของ Hermès ที่ข้ามพ้นแฟชั่นไปสู่การลงทุน
LSA Thailand
อัพเดต 26 สิงหาคม 2568 เวลา 18.20 น. • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Lifestyle Asia Thailandปฏิเสธไม่ได้ว่ากระเป๋า Birkin จาก Hermès คือหนึ่งในปรากฏการณ์ที่ก้าวข้ามจากความเป็นเพียงแค่แฟชั่นไอเท็มไปสู่การเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบ
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นอย่างบังเอิญในปี 1984 เมื่อ “Jane Birkin” นักแสดงและนักร้องชาวฝรั่งเศสได้พบกับ Jean-Louis Dumas ประธานของ Hermès บนเครื่องบิน และบ่นว่าหากมีกระเป๋าที่ทั้งใช้งานได้จริงและหรูหราสำหรับผู้หญิงยุคใหม่ก็คงจะดี จึงกลายเป็นจุดกำเนิดของ “Birkin Bag” ที่ออกแบบให้ทั้งกว้างขวาง สวยงาม และมีรายละเอียดงานฝีมือขั้นสูงที่ Hermès ยึดถือมาตลอด แต่สิ่งที่ทำให้ Birkin ไม่ใช่แค่กระเป๋าใบหนึ่งกลับไม่ใช่เพียงงานคราฟต์ที่ต้องใช้เวลาหลายสิบชั่วโมงต่อใบในการทำด้วยมือ แต่คือกลยุทธ์การควบคุมความหายากที่ Hermès ตั้งใจสร้างขึ้นมา
Birkin ไม่เคยถูกวางขายอย่างง่ายดายในร้าน Hermès ทั่วไป การได้มาครอบครองจึงไม่ใช่เรื่องของเงินเพียงอย่างเดียว แต่คือการสร้างความสัมพันธ์กับบูติกและที่ปรึกษาการขาย ความยากในการเข้าถึงนี้เองที่ทำให้ Birkin กลายเป็นวัตถุแห่งความปรารถนา การรอคิวเป็นปีๆ หรือแม้แต่การถูกปฏิเสธก็ยิ่งเพิ่มแรงดึงดูด เพราะยิ่งหายาก มูลค่าก็ยิ่งสูงขึ้น จนในที่สุด Birkin ก็เปลี่ยนสถานะจากเครื่องประดับแฟชั่นไปเป็น “Currency of Desire” หรือสกุลเงินแห่งความปรารถนาในความหมายที่แท้จริง
ในเชิงเศรษฐกิจ Birkin กลายเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีการลงทุนสูงสุดในโลกของการรีเซล ผลตอบแทนจากการขายต่อของบางรุ่นสูงกว่าในการลงทุนในทองคำหรือหุ้นซะอีก โดยเฉพาะรุ่นที่ทำจากหนังเอ็กโซติกหรือสีหายากที่ผลิตเพียงไม่กี่ใบทั่วโลก ราคาสามารถพุ่งขึ้นหลายร้อยเปอร์เซ็นต์จากราคาป้ายเดิม กระเป๋า Birkin จึงไม่ใช่เพียงการซื้อเพื่อสะสมหรือใช้ แต่คือการซื้อเพื่อเก็บมูลค่าและเก็งกำไรซึ่งเป็นสิ่งที่น้อยแบรนด์นักจะทำได้
ในโลกของป๊อปคัลเจอร์ Birkin ยังกลายเป็นสัญลักษณ์ที่ถูกพูดถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งในซีรีส์ Sex and the City ที่มีประโยคอมตะว่า “It’s not a bag, it’s a Birkin” ไปจนถึงการปรากฏในเพลงของศิลปินฮิปฮอปและแร็ประดับโลกอย่าง Jay-Z, Cardi B หรือ Drake ที่ใช้ชื่อ Birkin เป็นตัวแทนความสำเร็จ อำนาจ และความหรูหรา เมื่อไหร่ที่มีการกล่าวถึง Birkin ผู้ฟังย่อมเข้าใจทันทีว่ากำลังสื่อถึงความเอ็กซ์คลูซีฟที่อยู่เหนือการเข้าถึงของคนส่วนใหญ่
และถึงแม้กระแสแฟชั่นในปัจจุบันจะหันไปหาความเรียบง่ายอย่าง “Quiet luxury” แต่ Birkin ก็ไม่เคยเสื่อมความนิยม ตรงกันข้ามมันยิ่งตอบโจทย์เพราะไม่จำเป็นต้องมีโลโก้ใหญ่โตให้เห็นแต่ไกล คนที่เห็นก็จะรู้ทันทีว่า Birkin คือรหัสของความหรูหราที่แฝงพลังในตัวเอง สำหรับคนรุ่นใหม่อย่าง Gen Z ที่ให้คุณค่ากับความยั่งยืน ความหมาย และการเลือกครอบครองสิ่งที่อยู่เหนือกาลเวลา Birkin จึงยิ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนภาพลักษณ์ความลักชัวรีอย่างชัดเจน
กว่า 40 ปีผ่านไป Birkin ยังคงเป็นมากกว่ากระเป๋าใบหนึ่ง เพราะมันคือการผสมผสานของงานฝีมือ การเล่าเรื่องราว กลยุทธ์การตลาด และความหายากที่ทำให้เกิดมูลค่าในตัวเอง ปรากฏการณ์ Birkin แสดงให้เห็นว่าความลักชัวรีไม่ได้ถูกนิยามด้วยราคาเท่านั้น แต่ถูกสร้างขึ้นจากความปรารถนา ความฝัน และการยอมทุ่มเทกับสิ่งที่ไม่ใช่ใครก็ครอบครองได้ และนี่คือเหตุผลว่าทำไม Birkin ถึงยังคงเป็น “ตำนานที่มีชีวิต” มาจนถึงทุกวันนี้
Note : The information in this article is accurate as of the date of publication.