‘สคก.’ เปิดรับฟังความเห็นร่าง กม.โซลาร์รูฟท็อป จนถึงวันที่ 20 ส.ค. นี้ ก่อนส่ง ‘ครม.’ ไฟเขียวอีกรอบ
(12 ส.ค. 68) จากกรณีที่เมื่อวันที่ 29 ก.ค.2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการ ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงพลังงาน เสนอ และให้ส่งร่างกฎหมายไปให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน นั้น
เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ได้เปิดรับฟังความคิดเห็น ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ. … เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาในชั้นสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เมื่อ สคก.ตรวจพิจารณาร่าง พ.ร.บ. เสร็จแล้ว จะส่งกลับไปให้ ครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป โดย สคก.จะเปิดรับฟังความคิดเห็น ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ไปจนถึงวันที่ 20 ส.ค.2568
สำหรับ ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ. … ของกระทรวงพลังงาน ประกอบด้วย 32 มาตรา มีสาระสำคัญ ดังนี้
หมวด 1 บททั่วไป (ร่างมาตรา 6 และร่างมาตรา 7)
-กำหนดวัตถุประสงค์ของ พ.ร.บ. ได้แก่ เพื่อสนับสนุนส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับใช้ในที่อยู่อาศัย หรือในสถานประกอบกิจการ หรือสถานที่ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด เพื่อประโยชน์ในการลดภาระค่าไฟฟ้าของประชาชนและผู้ใช้ไฟฟ้าเพื่อให้การติดตั้งอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์เป็นไปด้วยความปลอดภัย สะดวก และรวดเร็ว เพื่อกำกับดูแลการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นไปโดยถูกต้อง และเพื่อประโยชน์ในการรวบรวมข้อมูล สถิติ และจำนวนผู้ใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (ร่างมาตรา 6)
-กำหนดให้การผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับใช้ในที่อยู่อาศัย หรือในสถานประกอบกิจการ หรือสถานที่ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ไม่ถือเป็นการประกอบกิจการพลังงานตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการพลังงาน และไม่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยโรงงาน กฎหมายว่าด้วยการผังเมือง กฎหมายว่าด้วยการพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน และไม่ถือเป็นการดัดแปลงอาคารตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร (ร่างมาตรา 7)
หมวด 2 การติดตั้งอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (ร่างมาตรา 8 ถึงร่างมาตรา 17)
-กำหนดหลักเกณฑ์การติดตั้งอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ โดยให้เจ้าของสถานที่ติดตั้งแจ้งการติดตั้งอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ต่ออธิบดีล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน และไม่ต้องขออนุญาตจากหน่วยงานของรัฐ เช่น การขออนุญาตเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้า โดยต้องแจ้งอธิบดีทราบถึงวันที่จะติดตั้งอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ที่อยู่ของพื้นที่ที่ทำการติดตั้ง และข้อมูลของอุปกรณ์ดังกล่าว (ร่างมาตรา 8 ถึงร่างมาตรา 13)
-กำหนดให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เจ้าพนักงานท้องถิ่น หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ มีอำนาจตรวจสอบการติดตั้งอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ โดยต้องแจ้งอธิบดีทราบ เพื่อสั่งการให้มีการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และต้องแจ้งให้เจ้าของสถานที่ติดตั้งทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วัน
หากตรวจสอบพบว่าการติดตั้งอุปกรณ์ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ใน พ.ร.บ.นี้ ให้มีอำนาจสั่งให้เจ้าของสถานที่ติดตั้งแก้ไขความบกพร่อง หรือความไม่ปลอดภัย หรือการที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ตาม พ.ร.บ.นี้ รวมทั้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งให้รื้อถอนอุปกรณ์ดังกล่าวภายในระยะเวลาที่กำหนดได้ (ร่างมาตรา 14 และร่างมาตรา 15)
-กำหนดให้ใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ได้เฉพาะภายในกิจการของสถานที่ติดตั้งเท่านั้น และห้ามการจำหน่ายหรือให้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จากสถานที่ติดตั้ง เว้นแต่เป็นการจำหน่ายแก่การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือองค์กรอื่นที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด หรือแก่บุคคลที่อยู่อาศัยหรือประกอบกิจการในสถานที่ติดตั้ง โดยการจำหน่ายหรือให้ไฟฟ้าแก่การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือองค์กรอื่นให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในบทบัญญัติแห่งกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
สำหรับการจำหน่ายหรือให้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แก่บุคคลที่อยู่อาศัยหรือประกอบกิจการในสถานที่ติดตั้ง ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราไฟฟ้าที่อธิบดีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี โดยอัตราค่าไฟฟ้าต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (ร่างมาตรา 16 และร่างมาตรา 17)
หมวด 3 การกำกับติดตามอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์และซากอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (ร่างมาตรา 18 และร่างมาตรา 19)
-กำหนดหลักเกณฑ์การกำกับติดตามอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี โดยให้มีการดำเนินการร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือองค์กรที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด (ร่างมาตรา 18)
-กำหนดห้ามการถอดแยกชิ้นส่วนซากอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ เว้นแต่การถอดและประกอบกลับเข้าตามเดิม การซ่อมแซมเพื่อนำกลับมาใช้ซ้ำ การดำเนินการ เพื่อการศึกษา ทดลอง และวิจัย การถอดแยกของสถานกำจัดซากอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์หรือลักษณะอื่นใดตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ทั้งนี้ หากมีของเสียจากการถอดแยกชิ้นส่วนดังกล่าวเกิดขึ้นจะต้องนำของเสียนั้นไปกำจัดให้ถูกต้อง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสุขอนามัยของประชาชน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด (ร่างมาตรา 19)
หมวด 4 พนักงานเจ้าหน้าที่ (ร่างมาตรา 20 ถึงร่างมาตรา 24)
-กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าไปในสถานที่ที่ติดตั้งอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ในกรณีที่ทราบหรือได้รับแจ้งเหตุว่าการติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวอาจไม่เป็นไปตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้ หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสาธารณะหรือสถานที่ใกล้เคียง รวมทั้งมีอำนาจออกหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำหรือให้ส่งข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้ง หรือให้ส่งวัตถุใดมาเพื่อประกอบการพิจารณาตรวจสอบได้ (ร่างมาตรา 20)
-กำหนดให้พนักงานท้องถิ่นที่จะปฏิบัติการตามหมวดนี้ต้องได้รับ การแต่งตั้งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ และให้บุคคลที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ รวมทั้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา (ร่างมาตรา 21 ถึงร่างมาตรา 24)
หมวด 5 บทกำหนดโทษ (ร่างมาตรา 25 ถึงร่างมาตรา 31)
-กำหนดโทษทางอาญาและโทษปรับเป็นพินัยสำหรับผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ รวมทั้งกำหนดโทษทางอาญาของผู้แทนนิติบุคคล
บทเฉพาะกาล
กำหนดให้ พ.ร.บ.นี้ ใช้บังคับกับการขออนุญาตติดตั้งอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ที่ดำเนินการมาก่อน พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับและยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้นด้วย (ร่างมาตรา 32)