เจ้าคณะกระสังเฉียบ! สั่งขับ “หลวงตาสุจย์” พ้นวัด เซ่นปมเข้าข้างเขมร
เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระครูถาวรวีระชัย เจ้าอาวาสวัดป่าหนองแคร่ และเจ้าคณะตำบลกระสัง อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นต้นสังกัดของ พระมหานริรธร ปสนฺโน หรือ หลวงตาสุจย์ พระนักเทศน์ชื่อดังในเขตอีสานใต้ ได้ออกหนังสือแจ้งการลงนิคหกรรม ที่ 001/2568 ลงวันที่ 19 มิถุนายน 2568 เพื่อตำหนิโทษและสั่งให้ หลวงตาสุจย์ พ้นจากการสังกัดวัดป่าหนองแคร่แล้ว โดยให้เหตุผลว่าละเมิดข้อวัตรปฏิบัติ สร้างความเสียหายต่อความสงบเรียบร้อยของวัดและศาสนา และยุยงให้พุทธศาสนิกชนเกิดความแตกแยกในระดับประเทศ ซึ่งถือเป็นอาบัติและเป็นที่ติเตียนของสังคม
ทำความรู้จัก ‘หลวงตาสุจ’ พระนักเทศน์อีสานใต้ ที่กลายเป็น ‘ขวัญใจคนเขมร’
การดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจาก หลวงตาสุจย์ ได้ไลฟ์สดหลายครั้ง สร้างความไม่พอใจให้กับชาวบุรีรัมย์ และ สุรินทร์ โดยเฉพาะการตำหนิชาวจังหวัดสุรินทร์ และแสดงความเห็นที่อยากให้กัมพูชายิงปืนใหญ่มาที่จังหวัดนี้ นอกจากนี้ยังมีการประกาศว่าจะไม่มาเหยียบผืนแผ่นดินไทยอีก และจะขอไปตายในฝั่งเขมร
ท่าทีของ หลวงตาสุจย์ ได้รับการตอบรับจากผู้นำกัมพูชา โดย สมเด็จฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้ประกาศอ้าแขนรับให้ไปพำนักที่กัมพูชา ต่อมา สมเด็จฮุน เซน ยังได้ไลฟ์สดเป็นภาษาไทย มีใจความว่า "รัฐบาลไทยได้ถอดถอนสัญชาติของหลวงตาสุจย์ พระภิกษุชาวไทย เพียงเพราะพูดเข้าข้างกัมพูชา แต่รัฐบาลกัมพูชาพร้อมจะให้สัญชาติ ให้ที่พำนักอาศัย ดูแลเป็นอย่างดี ผมขอกราบบังคมเชิญ" และปิดท้ายด้วยการร้องเพลงกันตรึม "จ๊าบยุมละหวืยๆ" ที่ หลวงตาสุจย์ เคยร้องตอนไปเทศน์ที่กัมพูชา ซึ่งแปลว่า "นกร้องหิวเหยื่อ" การกระทำของ หลวงตาสุจย์ ที่สร้างความเสื่อมเสียแก่คณะสงฆ์อย่างมาก ทำให้เจ้าคณะตำบลต้องลงนิคหกรรมดังกล่าว