โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

‘อุ๊งอิ๊ง’ เกมโอเวอร์

ไทยโพสต์

อัพเดต 2 กรกฎาคม 2568 เวลา 5.16 น. • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ยากครับที่ “แพทองธาร” จะกลับเข้าสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกครั้ง

วานนี้ (๑ กรกฎาคม) ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ ๙ ต่อ ๐ รับคำร้อง ๓๖ สว.ไว้พิจารณา

เป็นคำร้องให้ศาลวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๐ วรรคสาม ประกอบมาตรา ๘๒ ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ ตามมาตรา ๑๗๐ วรรคหนึ่ง (๔) ประกอบมาตรา ๑๖๐ (๔) และ (๕)

คือ…ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากคลิปเสียงสนทนากับ “ฮุน เซน”

พร้อมมีมติ ๗ ต่อ ๒ สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว

ให้ส่งคำชี้แจงภายใน ๑๕ วัน

หลังจากนั้นศาลจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาด

ดูแนวโน้มแล้วรอดยากครับ

เทียบกับวันที่ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเกิน ๘ ปี วันนั้นศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ ๙ ต่อ ๐ เสียง เช่นกัน

แต่มีมติปริ่มน้ำ ๕ ต่อ ๔ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย

นี่ไม่ใช่การเทียบบัญญัติไตรยางศ์ แต่เป็นเรื่องความหนักเบาของคดี

กรณีนายกฯ ๘ ปี เป็นปัญหาในข้อกฎหมาย

แต่คลิปเสียงเอาใจ “ฮุน เซน” แสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อแม่ทัพภาคที่ ๒ ของนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทยนั้น เป็นพฤติการณ์สุ่มเสี่ยงสร้างความเสียหายให้ประเทศไทย

อาจไม่ถึงขั้นเสียดินแดน

แต่เสียอำนาจต่อรองกับประเทศกัมพูชา ที่จะลุกลามไปสู่เรื่องอื่นๆ ในอนาคต เพราะความสัมพันธ์สุดพิเศษระหว่าง “ทักษิณ” กับ “ฮุน เซน”

ก่อนมาแตกคอเพราะคลิปเสียงเจ้าปัญหา

ถ้าไม่มีคลิปเสียง คงไม่มีใครรู้หรอกครับว่า ๒ ตระกูลนี้ไปคุยอะไรกันบ้าง

ไม่รู้ประเทศจะเสียหายขนาดไหน หากผลประโยชน์ไม่ขัดกัน

เดชะบุญครับ การเมืองสไตล์เขมรของ “ฮุน เซน” แม้จะดูน่าขยะแขยง แต่กลับทำให้คนไทยตาสว่าง เห็นผู้นำประเทศที่ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถ แต่อยากมีอำนาจต่อ

ฟัง “แพทองธาร” ให้ข่าวหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติแล้ว ไม่ต่างอะไรกับเด็กที่ทำผิดแล้วพยายามแก้ตัวหาทางรอด

“…ดิฉันตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของเรา รักษาชีวิตของกองทัพและทหารทุกคน เพื่อสันติภาพที่จะเกิดขึ้นในประเทศของเรา

ดิฉันมั่นใจในสิ่งนี้มากๆ แต่วิธีการที่ดิฉันทำอาจจะถูกใจและไม่ถูกใจใครหลายๆ คน

แต่อย่างไรก็ตามดิฉันก็จะพยายามพิสูจน์เรื่องนี้ให้ได้ว่าเป็นความตั้งใจ เป็นความพยายามเกิน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ที่จะทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ เจตนาไม่มี ไม่ได้อยากได้อะไรเป็นของตัวเอง

และคิดอย่างเดียวว่าทำอย่างไรไม่ให้เกิดความวุ่นวาย และทำอย่างไรที่จะไม่ต้องสู้รบกัน ทหารไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ เพราะดิฉันเองก็คงรับไม่ได้ ถ้าพูดอะไรกับผู้นำแล้วทำให้เกิดผลเสีย เกิดการทะเลาะ เกิดการโกรธเคือง

ถ้าลองฟังดูจริงๆ ก็จะเข้าใจว่าไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร นี่คือสิ่งที่ตั้งใจและจะใช้เวลาที่สามารถชี้แจงได้ ชี้แจงให้ได้อย่างครบถ้วน ก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ส่งกำลังใจ…”

ลองกลับไปฟังคลิปเสียงตามคำแนะนำแล้วครับ ผลคือมองไม่ออกเลยว่า “แพทองธาร” มีเจตนาดีต่อ “แม่ทัพภาคที่ ๒" ตรงไหน

“…ไม่อยากให้ลุงไปฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา พอไปฝั่งตรงข้ามอย่างพวกแม่ทัพภาคที่ ๒ เป็นคนของฝั่งตรงข้ามหมดเลย พอไปฟังเสร็จ ก็ไม่อยากให้ท่านไม่ชอบใจหรือโกรธ เพราะจริงๆ ไม่ใช่ความตั้งใจของเราเลยค่ะ…”

“…เพราะตอนนี้ทางนั้นเขาอยากจะดูเท่ เขาก็จะพูดอะไรออกมา ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ที่เราต้องการคือความสงบสุขให้เกิดขึ้น เหมือนก่อนที่จะเกิดการปะทะกันทางชายแดน บอกให้ท่านฮุน เซน เห็นใจหลานหน่อย เพราะตอนนี้คนในประเทศไทยเขาไล่เราไปเป็นนายกฯ ที่เขมรหมดแล้ว ถ้าท่านอยากได้บอกมาได้เลยค่ะเดี๋ยวจัดการให้…”

ต่างกันหน้ามือเป็นหลังเท้า

“แพทองธาร” ยังมีโอกาสชี้แจงกับศาลรัฐธรรมนูญ แต่อย่างที่บอกพฤติการณ์อันน่าสงสัยมิใช่แค่คำพูดในคลิปเสียง แต่ยังมีท่าทีก่อนจะมีการเผยแพร่คลิปเสียง “แพทองธาร” ไม่มีท่าทีกระตือรือร้นที่จะแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาเลย

ในวันที่ “ฮุน เซน” ขู่จะไปศาลโลก ถ้าไทยไม่ยอมรับ ชายแดนไทย-กัมพูชา จะไม่ต่างไปจากฉนวนกาซา

ฆ่ากันทุกวัน

ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี ยันโฆษกรัฐบาลหนีนักข่าว

ไม่มีใครยอมพูดอะไร

ที่สำคัญทำไม “แพทองธาร” ไม่โทรศัพท์ไปคุยกับ “ฮุน มาเนต” ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยกัน

แต่กลับไปคุยกับประธานวุฒิสภา

หรือเพราะการเมืองไทยกับกัมพูชาเฮงซวยพอกัน นายกรัฐมนตรีไม่ใช่ผู้มีอำนาจที่แท้จริง

เห็นหลายๆ คนออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับศาลรัฐธรรมนูญอ้างเรื่องประชาธิปไตย นายกรัฐมนตรี มาจากประชาชน ฯลฯ

ฉะนั้นศาลรัฐธรรมนูญไม่ควรมีอำนาจถอดถอนนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะประเด็น “จริยธรรม”

ประชาธิปไตยตะกวดอะไรล่ะครับ!

จะมีผู้นำประเทศประชาธิปไตยกี่ประเทศกันครับ ทำตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามกับทหารประเทศตัวเอง ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานที่อาจเกิดการสู้รบบริเวณแนวชายแดนขึ้นได้

กลับกัน ไปเอาใจพ่อผู้นำประเทศฝ่ายตรงข้าม ถึงขนาดอยากได้อะไรให้บอกมา จะจัดให้

ผู้นำประเทศประชาธิปไตยเขาทำกันแบบนี้หรือ

วันนี้ “แพทองธาร” หมดความน่าเชื่อถือที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกต่อไปแล้ว

และมองไม่เห็นทางเลยว่า จะหาข้ออ้างไหนไปชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญ แล้วทำให้ศาลเชื่อว่า เป็นเทคนิคในการเจรจาความเมืองจริงๆ

ถ้าทำเพื่อประเทศจริง รัฐบาลต้องพูดตั้งแต่วันแรกๆ ที่ทหารเขมรรุกล้ำผืนแผ่นดินไทย

แต่ไม่พูดอะไรทั้งนั้น

มาพูดเอาตอนนี้ “ฮุน เซน” เอาคลิปเสียงมาเปิด

แบบนี้เขาไม่ได้เรียกว่าทำเพื่อชาติครับ แต่ทำเพื่อตัวเอง

“แพทองธาร” คงไม่พ้นถูกถอดถอน เพราะไม่มีคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรีมาตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ

การเมืองหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร ไม่ต้องไปวิตกกันเกินเหตุ

ยังมีแคนดิเดตนายกฯ เหลืออยู่ สภาก็เลือกนายกฯ คนใหม่ เลือกแล้วไปต่อไม่ได้ก็ยุบสภา กระบวนการมันมีอยู่แค่นี้ อย่าไปคิดอะไรให้ซับซ้อนจนประเทศเดินหน้าต่อไปไม่ได้

เลือกตั้งใหม่พรรคส้มชนะ ก็ให้ตั้งรัฐบาลไป

ตั้งได้ก็บริหารประเทศ

มีคนบอกว่าจุดแข็งของพรรคส้มคือไม่เคยเป็นรัฐบาล

ถึงเวลานั้นจุดอ่อนจะโผล่มาเต็มไปหมด

แล้วจะเข้าใจหัวอก “อุ๊งอิ๊ง” ว่า การเป็นนายกฯ มันไม่ง่ายเลย

มันยากกว่าพูดเอาสวยเอาหล่อในโซเชียลเยอะ.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

‘เลอ ม็องส์ 24 ชั่วโมง’ สนามพิสูจน์สมรรถนะ ประสิทธิภาพ และนวัตกรรมจากมิชลิน

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กะหรี่ขายอุดมการณ์?

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความยอดนิยม