‘อุ๊งอิ๊ง’ เกมโอเวอร์
ยากครับที่ “แพทองธาร” จะกลับเข้าสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
วานนี้ (๑ กรกฎาคม) ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ ๙ ต่อ ๐ รับคำร้อง ๓๖ สว.ไว้พิจารณา
เป็นคำร้องให้ศาลวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๐ วรรคสาม ประกอบมาตรา ๘๒ ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ ตามมาตรา ๑๗๐ วรรคหนึ่ง (๔) ประกอบมาตรา ๑๖๐ (๔) และ (๕)
คือ…ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากคลิปเสียงสนทนากับ “ฮุน เซน”
พร้อมมีมติ ๗ ต่อ ๒ สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว
ให้ส่งคำชี้แจงภายใน ๑๕ วัน
หลังจากนั้นศาลจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาด
ดูแนวโน้มแล้วรอดยากครับ
เทียบกับวันที่ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเกิน ๘ ปี วันนั้นศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ ๙ ต่อ ๐ เสียง เช่นกัน
แต่มีมติปริ่มน้ำ ๕ ต่อ ๔ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย
นี่ไม่ใช่การเทียบบัญญัติไตรยางศ์ แต่เป็นเรื่องความหนักเบาของคดี
กรณีนายกฯ ๘ ปี เป็นปัญหาในข้อกฎหมาย
แต่คลิปเสียงเอาใจ “ฮุน เซน” แสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อแม่ทัพภาคที่ ๒ ของนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทยนั้น เป็นพฤติการณ์สุ่มเสี่ยงสร้างความเสียหายให้ประเทศไทย
อาจไม่ถึงขั้นเสียดินแดน
แต่เสียอำนาจต่อรองกับประเทศกัมพูชา ที่จะลุกลามไปสู่เรื่องอื่นๆ ในอนาคต เพราะความสัมพันธ์สุดพิเศษระหว่าง “ทักษิณ” กับ “ฮุน เซน”
ก่อนมาแตกคอเพราะคลิปเสียงเจ้าปัญหา
ถ้าไม่มีคลิปเสียง คงไม่มีใครรู้หรอกครับว่า ๒ ตระกูลนี้ไปคุยอะไรกันบ้าง
ไม่รู้ประเทศจะเสียหายขนาดไหน หากผลประโยชน์ไม่ขัดกัน
เดชะบุญครับ การเมืองสไตล์เขมรของ “ฮุน เซน” แม้จะดูน่าขยะแขยง แต่กลับทำให้คนไทยตาสว่าง เห็นผู้นำประเทศที่ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถ แต่อยากมีอำนาจต่อ
ฟัง “แพทองธาร” ให้ข่าวหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติแล้ว ไม่ต่างอะไรกับเด็กที่ทำผิดแล้วพยายามแก้ตัวหาทางรอด
“…ดิฉันตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของเรา รักษาชีวิตของกองทัพและทหารทุกคน เพื่อสันติภาพที่จะเกิดขึ้นในประเทศของเรา
ดิฉันมั่นใจในสิ่งนี้มากๆ แต่วิธีการที่ดิฉันทำอาจจะถูกใจและไม่ถูกใจใครหลายๆ คน
แต่อย่างไรก็ตามดิฉันก็จะพยายามพิสูจน์เรื่องนี้ให้ได้ว่าเป็นความตั้งใจ เป็นความพยายามเกิน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ที่จะทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ เจตนาไม่มี ไม่ได้อยากได้อะไรเป็นของตัวเอง
และคิดอย่างเดียวว่าทำอย่างไรไม่ให้เกิดความวุ่นวาย และทำอย่างไรที่จะไม่ต้องสู้รบกัน ทหารไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ เพราะดิฉันเองก็คงรับไม่ได้ ถ้าพูดอะไรกับผู้นำแล้วทำให้เกิดผลเสีย เกิดการทะเลาะ เกิดการโกรธเคือง
ถ้าลองฟังดูจริงๆ ก็จะเข้าใจว่าไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร นี่คือสิ่งที่ตั้งใจและจะใช้เวลาที่สามารถชี้แจงได้ ชี้แจงให้ได้อย่างครบถ้วน ก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ส่งกำลังใจ…”
ลองกลับไปฟังคลิปเสียงตามคำแนะนำแล้วครับ ผลคือมองไม่ออกเลยว่า “แพทองธาร” มีเจตนาดีต่อ “แม่ทัพภาคที่ ๒" ตรงไหน
“…ไม่อยากให้ลุงไปฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา พอไปฝั่งตรงข้ามอย่างพวกแม่ทัพภาคที่ ๒ เป็นคนของฝั่งตรงข้ามหมดเลย พอไปฟังเสร็จ ก็ไม่อยากให้ท่านไม่ชอบใจหรือโกรธ เพราะจริงๆ ไม่ใช่ความตั้งใจของเราเลยค่ะ…”
“…เพราะตอนนี้ทางนั้นเขาอยากจะดูเท่ เขาก็จะพูดอะไรออกมา ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ที่เราต้องการคือความสงบสุขให้เกิดขึ้น เหมือนก่อนที่จะเกิดการปะทะกันทางชายแดน บอกให้ท่านฮุน เซน เห็นใจหลานหน่อย เพราะตอนนี้คนในประเทศไทยเขาไล่เราไปเป็นนายกฯ ที่เขมรหมดแล้ว ถ้าท่านอยากได้บอกมาได้เลยค่ะเดี๋ยวจัดการให้…”
ต่างกันหน้ามือเป็นหลังเท้า
“แพทองธาร” ยังมีโอกาสชี้แจงกับศาลรัฐธรรมนูญ แต่อย่างที่บอกพฤติการณ์อันน่าสงสัยมิใช่แค่คำพูดในคลิปเสียง แต่ยังมีท่าทีก่อนจะมีการเผยแพร่คลิปเสียง “แพทองธาร” ไม่มีท่าทีกระตือรือร้นที่จะแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาเลย
ในวันที่ “ฮุน เซน” ขู่จะไปศาลโลก ถ้าไทยไม่ยอมรับ ชายแดนไทย-กัมพูชา จะไม่ต่างไปจากฉนวนกาซา
ฆ่ากันทุกวัน
ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี ยันโฆษกรัฐบาลหนีนักข่าว
ไม่มีใครยอมพูดอะไร
ที่สำคัญทำไม “แพทองธาร” ไม่โทรศัพท์ไปคุยกับ “ฮุน มาเนต” ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยกัน
แต่กลับไปคุยกับประธานวุฒิสภา
หรือเพราะการเมืองไทยกับกัมพูชาเฮงซวยพอกัน นายกรัฐมนตรีไม่ใช่ผู้มีอำนาจที่แท้จริง
เห็นหลายๆ คนออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับศาลรัฐธรรมนูญอ้างเรื่องประชาธิปไตย นายกรัฐมนตรี มาจากประชาชน ฯลฯ
ฉะนั้นศาลรัฐธรรมนูญไม่ควรมีอำนาจถอดถอนนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะประเด็น “จริยธรรม”
ประชาธิปไตยตะกวดอะไรล่ะครับ!
จะมีผู้นำประเทศประชาธิปไตยกี่ประเทศกันครับ ทำตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามกับทหารประเทศตัวเอง ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานที่อาจเกิดการสู้รบบริเวณแนวชายแดนขึ้นได้
กลับกัน ไปเอาใจพ่อผู้นำประเทศฝ่ายตรงข้าม ถึงขนาดอยากได้อะไรให้บอกมา จะจัดให้
ผู้นำประเทศประชาธิปไตยเขาทำกันแบบนี้หรือ
วันนี้ “แพทองธาร” หมดความน่าเชื่อถือที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกต่อไปแล้ว
และมองไม่เห็นทางเลยว่า จะหาข้ออ้างไหนไปชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญ แล้วทำให้ศาลเชื่อว่า เป็นเทคนิคในการเจรจาความเมืองจริงๆ
ถ้าทำเพื่อประเทศจริง รัฐบาลต้องพูดตั้งแต่วันแรกๆ ที่ทหารเขมรรุกล้ำผืนแผ่นดินไทย
แต่ไม่พูดอะไรทั้งนั้น
มาพูดเอาตอนนี้ “ฮุน เซน” เอาคลิปเสียงมาเปิด
แบบนี้เขาไม่ได้เรียกว่าทำเพื่อชาติครับ แต่ทำเพื่อตัวเอง
“แพทองธาร” คงไม่พ้นถูกถอดถอน เพราะไม่มีคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรีมาตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ
การเมืองหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร ไม่ต้องไปวิตกกันเกินเหตุ
ยังมีแคนดิเดตนายกฯ เหลืออยู่ สภาก็เลือกนายกฯ คนใหม่ เลือกแล้วไปต่อไม่ได้ก็ยุบสภา กระบวนการมันมีอยู่แค่นี้ อย่าไปคิดอะไรให้ซับซ้อนจนประเทศเดินหน้าต่อไปไม่ได้
เลือกตั้งใหม่พรรคส้มชนะ ก็ให้ตั้งรัฐบาลไป
ตั้งได้ก็บริหารประเทศ
มีคนบอกว่าจุดแข็งของพรรคส้มคือไม่เคยเป็นรัฐบาล
ถึงเวลานั้นจุดอ่อนจะโผล่มาเต็มไปหมด
แล้วจะเข้าใจหัวอก “อุ๊งอิ๊ง” ว่า การเป็นนายกฯ มันไม่ง่ายเลย
มันยากกว่าพูดเอาสวยเอาหล่อในโซเชียลเยอะ.