ทรัมป์ เรียกภาษีนำเข้ารอบใหม่ 7 ประเทศ ฟิลิปปินส์ 20%, บรูไน, มอลโดวา 25% อีก 4 ชาติโดน 30%
ทรัมป์ ร่อนจดหมายเรียกภาษีเพิ่ม 7 ฉบับ 7 ประเทศ ฟิลิปปินส์ โดน 20% บรูไน , มอลโดวา 25% ส่วน แอลจีเรีย อิรัก ลิเบีย และศรีลังกา 30% เตรียมบังคับใช้พร้อมกัน 1 ส.ค.นี้
เมื่อเช้าวันพุธที่ 9 กรกฎาคม 2568 ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐอเมริกาโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เผยแพร่ภาพจดหมายแจ้งอัตราภาษีต่างตอบแทนชุดใหม่อีก 7 ฉบับ ส่งไปยัง 7 ประเทศ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ บรูไน มอลโดวา แอลจีเรีย อิรัก ลิเบีย และศรีลังกา การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เมื่อวันจันทร์ได้มีการส่งจดหมายลักษณะเดียวกันไปแล้วถึง 14 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย
จดหมายฉบับล่าสุดซึ่งมีเนื้อหาเกือบจะเหมือนกันทั้งหมด ได้ระบุรายละเอียดอัตราภาษีที่เรียกเก็บ โดยสินค้าทุกชนิดจาก ฟิลิปปินส์ ที่ส่งเข้าสหรัฐฯ จะถูกตั้งกำแพงภาษีในอัตรา 20% ขณะที่ บรูไน และ มอลโดวา จะโดนภาษี 25% ส่วน แอลจีเรีย อิรัก ลิเบีย และ ศรีลังกา ถูกตั้งกำแพงภาษีที่ 30% เท่ากันทั้งหมด โดยอัตราภาษีใหม่นี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป
ในจดหมายอ้างถึงการขาดดุลการค้าและนโยบายกีดกันสินค้าอเมริกันเป็นเหตุผลหลักในการตัดสินใจตั้งกำแพงภาษีต่างตอบแทนครั้งนี้ พร้อมทั้งขู่ว่าหากประเทศใดตั้งกำแพงภาษีตอบโต้ สหรัฐฯ จะเพิ่มอัตราภาษีระดับเดียวกันทบเข้าไปบนอัตราภาษีที่ประกาศล่าสุด
ก่อนหน้านี้เมื่อวันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม สหรัฐฯ ได้ส่งจดหมายแจ้งอัตราภาษีต่างตอบแทนให้ประเทศต่างๆ ไปแล้ว 14 ประเทศ โดยส่วนใหญ่เป็นชาติในเอเชีย รวมถึงคู่ค้าสำคัญอย่าง ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ ซึ่งถูกตั้งกำแพงภาษีที่ 25% เท่ากัน
สำหรับ ประเทศไทย ถูกตั้งกำแพงภาษีที่ 36% เท่ากับ กัมพูชา ขณะที่ เมียนมา และ ลาว เผชิญอัตราภาษีสูงถึง 40%
ทั้งนี้ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา นายทรัมป์ได้ประกาศนโยบายภาษีต่างตอบแทน ซึ่งจะเก็บภาษีจากสินค้านำเข้าจากประเทศหุ้นส่วนเกือบ 60 ประเทศ ในอัตราสูงสุดถึง 50% ก่อนจะมีการเลื่อนการบังคับใช้ไปเป็นวันที่ 2 กรกฎาคม เพื่อเปิดช่องทางสำหรับการเจรจากับประเทศต่างๆ
อย่างไรก็ตาม จนถึงปัจจุบัน สหรัฐฯ สามารถทำข้อตกลงได้เพียง 3 ฉบับเท่านั้น ก่อนที่เส้นตายจะถูกเลื่อนออกไปอีกครั้งเป็นวันที่ 1 สิงหาคม