ชีวิตรันทด! 3 แม่ลูกไร้บัตรประชาชน 77 ปี เผาถ่าน-รับจ้าง เลี้ยงชีพไร้สิทธิรัฐ
เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานเรื่องราวสะเทือนใจของครอบครัวยากจน 3 ชีวิตในจ.เพชรบุรี ได้ถูกเปิดเผยขึ้น เมื่อ นายแก้ว คงวงศ์ นายอำเภอชะอำ พร้อมด้วยทีมงานจากหลายภาคส่วน ได้แก่ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองศาลา, สมาชิก อบต.หนองศาลา น.ส.นิตยา นกเทียน, พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเพชรบุรี น.ส.จารุวรรณ เชิงชาญวิชญ์, นักพัฒนาชุมชน อบต.หนองศาลา น.ส.อรอุมา ทองมา, ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6, คณะ อสม.หนองศาลา, อพม.อำเภอชะอำ, เจ้าหน้าที่ อปท. และ ผอ.สถานศึกษา ได้ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 44 ริมคลองชลประทาน หมู่ 6 บ้านสถานีรถไฟ ต.หนองศาลา อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี
เมื่อไปถึงพบเป็นบ้านหลังเล็กๆ สภาพทรุดโทรม เป็นที่พักพิงของนางอัมพร หรือ ยายแอ๊ด โสภาพ วัย 77 ปี ชาว อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี พร้อมด้วยลูกชายสองคนคือ นายรสสุคนธ์ สุดสาคร วัย 42 ปี และนายปัญญา หลงน้อย วัย 31 ปี ซึ่งทั้งหมดเป็นชาว จ.ลพบุรี มีอาชีพรับจ้างเลี้ยงวัว และ เผาถ่านขาย บริเวณหน้าบ้านเพื่อประทังชีวิต โดยมีรายได้ไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับกำลังที่ทำไหว ซึ่งถ่านหนึ่งกระสอบขายได้เพียง 130 บาท และยังต้องดูแลหลานสาววัย 10 ขวบอีกหนึ่งคน
นางอัมพร เล่าด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยายว่า ตนไม่มี บัตรประชาชน มาตั้งแต่เกิด ตลอด 77 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีเอกสารแสดงตน แม้ร่างกายจะแข็งแรงไม่เคยเจ็บป่วยถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล แต่ก็เสียสิทธิพื้นฐานที่ควรจะได้รับไปมากมาย เช่นเดียวกับนายรสสุคนธ์ ลูกชายคนรอง ที่ไม่มีบัตรประชาชนมานาน 42 ปี ทำให้ไม่ได้รับสวัสดิการของรัฐหรือสิทธิการรักษาพยาบาลใดๆ เลย
ยายแอ๊ด ยังเผยว่า เคยพยายามไปขอทำบัตรประชาชนที่ว่าการอำเภอชัยบาดาล จ.ลพบุรี พร้อมกับพี่สาว 2-3 ครั้ง แต่พี่สาวได้รับบัตรไปแล้ว ส่วนของตนกลับไม่ได้รับเพราะไม่ได้ส่งเรื่องไปพร้อมกัน หลังจากนั้นก็พยายามติดต่อกำนันในพื้นที่ชัยบาดาล แต่ยังไม่สามารถหาเบอร์ติดต่อได้ ครอบครัวปรารถนาอย่างยิ่งที่จะมี บัตรประชาชน เพื่อจะได้เข้าถึงสวัสดิการของรัฐและสิทธิการรักษาพยาบาล ซึ่งปัจจุบันการไปหาหมอก็เป็นเรื่องยากลำบาก รวมถึงไม่ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตามสิทธิ
ส่วนนายปัญญา ลูกชายคนเล็ก วัย 31 ปี ก็ไม่มี บัตรประชาชน เช่นกัน โดยมีเพียงสูติบัตรที่ถูกพ่อเผาทิ้งไปเมื่อตอนอายุประมาณ 16 ปี ทำให้ชีวิตของทั้งสามคนต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างยิ่ง โชคดีที่ยังมีหน่วยงานในพื้นที่คอยเข้ามาดูแลความเป็นอยู่ให้แก่ครอบครัวนี้อยู่เสมอ