ทรัมป์ปัดข่าว สหรัฐให้ท้ายยูเครนยิงขีปนาวุธโจมตีกรุงมอสโก
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 16 ก.ค. ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เผชิญกับคำถามจากผู้สื่อข่าว ว่าควรปล่อยให้ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน โจมตีทางทหารไกลถึงกรุงมอสโกของรัสเซียหรือไม่ ทรัมป์ตอบว่า "กรุงมอสโกไม่ควรเป็นเป้าหมายทางทหาร"
ทั้งนี้ เดอะ ไฟแนนเชียล ไทม์ส รายงานเมื่อไม่นานมานี้ โดยเป็นการอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าว ว่าทรัมป์สนทนาทางโทรศัพท์กับเซเลนสกี เกี่ยวกับการที่สหรัฐจะมอบความสนับสนุนทางทหารให้แก่ยูเครน เป็นขีปนาวุธที่สามารถโจมตีได้ไกลถึงกรุงมอสโก
อีกด้านหนึ่ง นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวถึงการที่ทรัมป์ประกาศ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ให้เวลารัฐบาลมอสโกเป็นเวลา 50 วัน เพื่อบรรลุข้อตกลงสันติภาพกับยูเครน มิเช่นนั้นจะมีการขึ้นภาษีรอง หรือภาษีทุติยภูมิในอัตรา 100% กับประเทศที่ยังคงค้าขายกับรัสเซีย ว่าเป็น "แถลงการณ์ที่จริงจัง" และรัฐบาลมอสโกต้องใช้เวลาวิเคราะห์และตีความ
อย่างไรก็ตาม เปสคอฟกล่าวว่า รัสเซียไม่เคยปิดโอกาสการเจรจา และแสดงความพร้อมมาตลอด โดยตอนนี้รอเพียงข้อเสนอจากยูเครน สำหรับการเจรจารอบที่สามร่วมกันในปีนี้ หลังการเจรจาสองครั้งก่อนหน้านั้น ซึ่งเกิดขึ้นที่เมืองอิสตันบูลของตุรกี แทบไม่มีการบรรลุข้อตกลงหรือส่งผลให้เกิดความคืบหน้าอันใดที่เป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ทั้งนั้น โฆษกทำเนียบเครมลินยืนยัน ว่ารัสเซีย "มีความพร้อมตลอดเวลา" ในเรื่องนี้ และเตือนว่า หากมองอีกมุมหนึ่ง การประกาศของทรัมป์ อาจกลายเป็นอุปสรรคต่อความพยายามสร้างสันติภาพ เพราะเป็นการกระตุ้นให้ยูเครนต้องทำสงครามต่อไป.
เครดิตภาพ : AFP