‘ทรัมป์’ เตรียมเก็บภาษีนำเข้า ‘ยา-ชิป’ อาจพุ่งแตะ 200% อินเดียเจ็บหนัก!! อุตสาหกรรมยาส่งออกไปสหรัฐฯ เป็นอันดับ 1
(16 ก.ค. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เผยว่า สหรัฐฯ เตรียมเริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้ากลุ่มยาและเซมิคอนดักเตอร์ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม โดยจะเริ่มจากอัตราต่ำและค่อยๆ ปรับเพิ่มในปีถัดไป เพื่อเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนย้ายฐานผลิตกลับประเทศ โดยในอนาคต อัตราภาษีอาจสูงถึง 200% พร้อมกันนี้ สหรัฐฯ จะเริ่มใช้ “ภาษีตอบโต้” กับสินค้านำเข้าหลายรายการในวันที่ 1 ส.ค. ตามแนวทาง “America First” ที่มุ่งลดการพึ่งพาต่างประเทศและส่งเสริมการผลิตในประเทศ
มาตรการดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งของกรอบ “ภาษีการค้าตอบโต้” ที่ทรัมป์ริเริ่มมาตั้งแต่เดือนเมษายน โดยเคยประกาศภาษีสูงถึง 50% สำหรับสินค้าทองแดง และเสนอเก็บภาษีนำเข้ายา 25% โดยตั้งเป้าให้อัตราภาษีสะท้อน “ความเป็นธรรม” ทางการค้า ขณะเดียวกันก็ส่งสัญญาณชัดเจนถึงบริษัทข้ามชาติ เช่น Pfizer, Merck, Apple และ Samsung ที่มีฐานผลิตในต่างประเทศ ว่าอาจเผชิญต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งอาจกระทบราคาสินค้าในสหรัฐฯ
อุตสาหกรรมยาของอินเดียเป็นหนึ่งในกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 คิดเป็น 36.6% ของมูลค่ายาส่งออกทั้งหมด หรือราว 9.8 พันล้านดอลลาร์ในช่วง เม.ย. 2024 - ก.พ. 2025 และเติบโตขึ้น 16% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า หากภาษีนำเข้าถูกปรับขึ้นจริง อาจกระทบรายได้อย่างรุนแรง
สำหรับบริษัทยาอินเดียหลายแห่งมีรายได้ส่วนใหญ่มาจากตลาดสหรัฐฯ เช่น Biocon (44%), Lupin (37%), Sun Pharma (32%) และ Laurus Labs (17%) ขณะที่บริษัทใหญ่อื่นๆ อย่าง Dr Reddy’s, Aurobindo, Zydus และ Gland Pharma ก็อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเช่นกัน ทำให้หลายบริษัทเริ่มวางแผนกระจายตลาด หลีกเลี่ยงผลกระทบจากนโยบายการค้าสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มเจรจากับหลายประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากภาษี โดยกรณีอินโดนีเซียถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน หลังสามารถเจรจาลดภาษีนำเข้าได้จาก 32% เหลือ 19% โดยแลกกับการนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ มูลค่ากว่า 19,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจเป็นแนวทางที่อินเดียและประเทศอื่นๆ นำไปปรับใช้ในการเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ ต่อไป