‘เฉลิมชัย’ ยันส่งคนนั่งรมต. ทำตามข้อบังคับ ‘ประชาธิปัตย์’
เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ น.ต.สุธรรม ระหงษ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นเรื่องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่ากรณีที่แต่งตั้งบุคคลดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ไม่ผ่านมติของที่ประชุมร่วมระหว่าง สส.กับคณะกรรมการบริหารพรรคฯ ตามข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ได้มีการเรียกประชุม สส.และกรรมการบริหารพรรค เมื่อวันที่ 29 ส.ค.2567 ซึ่งมีมติในการเข้าร่วมรัฐบาล ส่วนการประชุมกรรมการบริหารพรรค เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.2568 ได้มีเรียกประชุมเพื่อพูดคุยถึงสถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งในการพูดคุยมีความเห็นเป็นหลายฝ่าย แต่มีการนำเสนอว่าเพื่อให้ได้ข้อยุติ ปรากฏว่ากรรมการบริหารพรรคได้มีฉันทามติตามที่แถลงการณ์ว่าให้ร่วมรัฐบาลต่อ
นายเฉลิมชัย กล่าวอีกว่า ตนพูดในที่ประชุมว่า ถ้ากรณีที่กรรมการบริหารพรรคไม่มีมติเปลี่ยนแปลงเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2567 ถือว่ามติดังกล่าวยังสมบูรณ์ ตนก็จะดำเนินการตามกระบวนการนั้น ซึ่งใครที่ยังไม่เห็นข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์ ขอยกตัวอย่าง ข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์ หมวด 26 ข้อ 134 ในเรื่องของการตีความระเบียบข้อบังคับต่างๆ และยกเว้นข้อบังคับ ข้อใดข้อหนึ่งก็ได้ กรรมการบริหารพรรคสามารถใช้เสียง 3 ใน 5 เพื่อยกเว้นข้อบังคับได้เลยข้อบังคับหนึ่งได้ ซึ่งหมายความว่าสามารถดำเนินการโดยไม่ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนบางอย่างได้ แต่ตนไม่ทำ ตนเลือกที่จะให้ทุกคนแสดงความคิดเห็น แล้วบอกทุกคนว่า ตนไม่ได้เรียกทุกคนมาเพื่อลงมติ แม้กรรมการบริหารพรรคบางคนบอกว่าตนเรียกมาเพื่อลงมติ แต่ตนพูดถึง 3 ครั้ง และเอาหนังสือเรียกมาให้ดูว่าเรียกมาไม่ได้เรียกเพื่อมาลงมติ เพราะรัฐบาลยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร นายกรัฐมนตรียังเป็นคนเดิม ซึ่งตนได้ชี้แจงว่าเรามาพูดคุยถึงสถานการณ์การเมือง แต่เมื่อทุกคนมีความคิดเห็นต่างกันใช้มติที่ประชุมว่าเราจะทำอย่างไร
“ถ้าวันนั้นมีมติว่าให้ถอนตัว ผมจะต้องเรียกประชุมใหม่ เพื่อให้มีการประชุมกรรมการบริหารพรรค และประชุมร่วมกับ สส. เพื่อที่จะขอมติครั้ง เพราะเราไม่สามารถจะดำเนินการได้หากจะเปลี่ยนมติเดิม ขณะนี้มติวันที่ 29 ส.ค.2567 ยังสมบูรณ์อยู่ นี่คือกระบวนการของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งผมพยายามอธิบายว่าเดินตามข้อบังคับพรรคทั้งที่สามารถยกเว้นข้อบังคับได้ แต่ไม่ทำ” นายเฉลิมชัย กล่าว
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ตนได้บอกที่ประชุมว่าในเมื่อมติยังสมบูรณ์ และสถานการณ์การเมืองไม่นิ่ง ตนจึงขออนุญาตใช้มติที่ประชุมร่วมเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2567 ดำเนินการไป และได้แจ้งให้ที่ประชุม สส. รับทราบผลของการตัดสินใจ และส่งรายชื่อนายชัยชนะ เดชเดโช ให้กับนายกรัฐมนตรี สำหรับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า คนพูดไม่รู้เรื่องว่าจะไปเกี่ยวพันกับนายกฯ ตนได้ทำหนังสือว่ามีการประชุม กก.บห. เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. และมีมติร่วมรัฐบาลต่อ และมติการประชุมร่วมกับ สส.ยังคงอยู่ ตนก็เสนอชื่อนายชัยชนะไปให้นายกฯ ไม่ใช่อยู่ดีๆ นายกฯ แต่งตั้งส่งเดช ยืนยันว่าไม่กระทบรัฐบาล และเมื่อทุกฝ่ายมีการทำหนังสือมาถึงตนว่า คิดว่ามติตรงนี้ดำเนินการไม่ถูกต้อง อยากจะขอแก้ไขให้ถูกต้อง ตนก็เรียนฝ่ายกฎหมายว่า มั่นใจว่าตนดำเนินการถูกต้อง และเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ได้มีการพูดคุยกันถ้าเป็นเรื่องการตีความข้อบังคับ ตนสามารถตีความได้ ซึ่งได้ให้ฝ่ายกฎหมายไปดูแล้ว เพราะตนอยากให้เกิดความเป็นเอกภาพในพรรคฯ ว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจ และให้ทุกคนเห็นตรงกันว่าถูกต้อง ซึ่งฝ่ายกฎหมายของพรรคไปดูแล้วว่าเมื่อ ปี 2562 เราเคยมีการให้สัตยาบัน ตนจึงบอกว่าถ้าถูกต้องและทุกฝ่ายสบายใจ ก็ให้ดำเนินการ จึงได้ให้มีการเรียกประชุมอีกครั้ง และเป็นมติของการให้สัตยาบันว่า เป็นการดำเนินการถูกต้อง
“ผมขอเรียนว่าไม่ใช่ให้สัตยาบันในสิ่งที่ไม่ถูกต้องเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ผมมั่นใจว่ามันถูกต้องอยู่แล้ว แต่เพื่อให้เกิดความสบายใจของกก.บห.พรรคทุกคน แม้วันนี้จะมีแค่ 1 หรือ 2 คน ผมก็ไม่ต้องการให้เกิดความเข้าใจผิด และเพื่อให้ทุกคนเกิดความสบายใจ จึงเกิดการเรียกประชุมและให้สัตยาบัน พร้อมกับการประชุมร่วม กก.บห.กับ สส.ด้วย” นายเฉลิมชัย กล่าว