ผู้เชี่ยวชาญเผย เดินวันละ 10,000 ก้าว ผอมจริงมั้ย แนะ 4 เทคนิค เผาผลาญไขมัน

ผู้เชี่ยวชาญเผย เดินวันละ 10,000 ก้าว ผอมลงจริงมั้ย ควรเดินครบในครั้งเดียว หรือแบ่งเป็น 2 ช่วง แนะ 4 เทคนิค เผาผลาญไขมัน

การลงรถเมล์ก่อนหนึ่งป้าย เดินไปร้านสะดวกซื้อที่ไกลกว่า เดินเล่นหลายรอบในช่วงพักกลางวันก่อนกลับออฟฟิศ พฤติกรรม "แอบเดินเพิ่มก้าว" ในชีวิตประจำวันใช้ได้จริง! แต่คุณรู้ไหมว่าการเดินวันละ 1 หมื่นก้าว "ไม่เท่ากับ" จะผอมแน่นอน

รายงานจาก Women's Health ของอังกฤษชี้ให้เห็นว่า หากต้องการลดน้ำหนักด้วยการเดิน ไม่ใช่แค่ "เดินเยอะ" แต่ต้อง "เดินให้ถูก" ด้วย! โดยโจแอนนา ฮอลล์ (Joanna Hall) โค้ชเดินออกกำลังกายชาวอังกฤษ เผยความลับว่า

หากต้องการให้การเดิน 1 หมื่นก้าวต่อวันกลายเป็นการฝึกเผาผลาญไขมันที่มีประสิทธิภาพสูง มี 4 สิ่งที่ต้องทำตามลำดับ ไม่เช่นนั้นอาจเดินไปทั้งวันโดยเปล่าประโยชน์ และแคลอรี่ยังคงอยู่กับตัวเราต่อไป โดยทั่วไป การเดิน 1 หมื่นก้าวจะเท่ากับการเดิน 7 - 8 กิโลเมตร ซึ่งสามารถเผาผลาญแคลอรีได้เฉลี่ย 400 - 500 แคลอรี่

แต่โค้ชโจแอนนาเตือนว่า"นี่ไม่ใช่ตัวเลขที่รับประกันได้ แต่เป็นค่าอ้างอิง" เนื่องจากมีปัจจัยมากมายที่ส่งผลต่อการเผาผลาญพลังงาน เช่น น้ำหนัก ความเร็วในการเดิน ความเข้มของการออกกำลังกาย ระยะเวลาที่ใช้ เป็นต้น ดังนั้น การพึ่งพาจำนวนก้าวที่ครบเป้าเพียงอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอ สิ่งสำคัญคือวิธีการเดินและการมีส่วนร่วมของร่างกาย

หลายคนสงสัยว่า "1 หมื่นก้าวต้องเดินให้จบในครั้งเดียว หรือแบ่งเป็น 2-3 ช่วง?" ผู้เชี่ยวชาญตอบว่า ถ้าเดินให้ครบจำนวนก้าวภายในวันเดียว ไม่ว่าจะแบ่งเป็นกี่ช่วงก็ไม่แตกต่างกันมาก แต่หากเพิ่มความเร็วในระยะทางสั้น ๆ หลายครั้ง กลับจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการเดินระยะไกลครั้งเดียว!

นพ.โรบินสัน ที่ปรึกษาด้านเวชศาสตร์การกีฬา เสริมว่า การเดินทันทีหลังอาหารช่วยคงระดับน้ำตาลในเลือดให้เสถียรและลดการสะสมไขมัน เนื่องจากกล้ามเนื้อจะช่วยนำน้ำตาลในเลือดไปใช้เป็นพลังงาน ซึ่งเท่ากับการป้องกันเหตุการณ์ "กินเสร็จก็อ้วน" โดยตรง

เดินเยอะไม่เท่ากับเดินเก่ง! อยากเผาผลาญแคลอรี่มากขึ้น ทำตาม 4 ขั้นตอนนี้

ขั้นตอนที่ 1: เปลี่ยนวิธีเดิน หากรู้สึกว่าการเดินไม่ได้ผลในการออกกำลังกาย จริง ๆ อาจไม่ได้ใช้กล้ามเนื้อที่ควรใช้ ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า วิธีเดินที่ถูกต้องต้องใช้กล้ามเนื้อใหญ่เผาผลาญไขมัน เช่น กล้ามเนื้อก้นใหญ่ กล้ามเนื้อขาหลัง ซึ่งไม่ใช่พึ่งพาแค่กำลังของกล้ามเนื้อน่อง

ขั้นตอนที่ 2: ขยายการก้าวขาให้กว้างขึ้น เคลื่อนไหวข้อสะโพกให้ก้าวยาวขึ้นตามธรรมชาติ ก้าวเฉลี่ยประมาณ 60 เซนติเมตร ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ตั้งเป้าที่ 75 เซนติเมตร เพื่อให้เดินไกลขึ้นและเผาผลาญมากขึ้นในแต่ละก้าว

ขั้นตอนที่ 3: เพิ่มจังหวะการเดิน (แต่แนะนำให้ทำเป็นอันสุดท้าย) หลายคนเริ่มต้นด้วยการเดินเร็วทันที ผลคือเข่าและบาดเจ็บ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ปรับจังหวะเดินเป็นขั้นตอนสุดท้าย จัดการท่าทางและความยาวก้าวให้เรียบร้อยก่อน แล้วจึงเพิ่มความเร็วเพื่อความปลอดภัย

ขั้นตอนที่ 4: ใช้เสื้อกั๊กถ่วงน้ำหนักหากต้องการความท้าทายมากขึ้น โดยลองใส่เสื้อกั๊กถ่วงน้ำหนักเพื่อเพิ่มความต้านทานและการเผาผลาญแคลอรี่ แต่ระวังอย่าเพิ่มมากเกินไป ไม่เช่นนั้นจะทำลายเข่า

นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญไขมัน ดังนี้

1. เพิ่มน้ำหนักถ่วง งานวิจัยพบว่า การใส่เสื้อกั๊กถ่วงน้ำหนักที่เท่ากับ 66% ของน้ำหนักตัว สามารถเพิ่มการเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่า 40%! แต่ต้องมีท่าทางที่ถูกต้องและการเคลื่อนไหวที่แม่นยำ

2. เพิ่มความเร็ว ข้อมูลชี้ให้เห็นว่า ความเร็วในการเดินที่ 4.8 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป จะให้ผลการเผาผลาญไขมันได้ถึง 3 เท่าของการหยุดนิ่ง เดินเร็วขึ้นไม่เพียงแต่ผอมเร็ว แต่ยังอาจมีอายุยืนขึ้นด้วย!

3. เพิ่มความชัน ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ตั้งความชันที่ 3.5% ร่วมกับการเดินช้า ๆ ก็ยังเผาผลาญไขมันได้

4. ปรับเปลี่ยนเทคนิคการเดิน ตามงานวิจัย WalkActive พบว่า การเรียนรู้วิธีเดินที่ถูกต้องทำให้ผู้เข้าร่วมเพิ่มความเร็วในการเดินได้ 23% ภายใน 4 สัปดาห์ ซึ่งเท่ากับการเพิ่มการเผาผลาญแคลอรี่ในอัตราเดียวกัน

หากต้องการผอมด้วยการเดิน ไม่ใช่เดินเยอะ แต่ต้องเดินให้ถูก! โค้ชกล่าวตรงไปตรงมาว่า "การลดน้ำหนักไม่จำเป็นต้องเดินวันละ 1 หมื่นก้าว" นักเรียนของเธอบางคนเดินเพียง 7,500 ก้าว แต่ถ้าเดินถูกวิธีและใช้กล้ามเนื้อที่ถูกต้อง ก็ยังได้ผลการออกกำลังกายเหมือนกัน!

อีกทั้งการเดินยังคงเคยได้ง่ายกว่าการวิ่ง เพราะการวิ่งมีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บสูง ทุกปีมีนักวิ่ง 5 ใน 10 คนได้รับบาดเจ็บ เมื่อเทียบกับการเดินที่ปลอดภัยและง่าย ความสามารถในการดำเนินต่อไปได้นานต่างหากที่เป็นกุญแจสำคัญของการลดน้ำหนัก

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ผู้เชี่ยวชาญเผย เดินวันละ 10,000 ก้าว ผอมจริงมั้ย แนะ 4 เทคนิค เผาผลาญไขมัน

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th