"รังสิมันต์"นำคณะกรรมาธิการฯ ลงพื้นทีสระแก้วแนวชายแดนไทย–กัมพูชาย้ำปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต้องเดินหน้าควบคู่เจรจาระหว่างรัฐ
วันที่ 6 ก.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะ ลงพื้นที่แนวชายแดนบริเวณจังหวัดสระแก้ว โดยตรวจเยี่ยม 4 จุดสำคัญ ได้แก่ บริเวณช่องทางที่เรียกว่า “VIP 2” หรือ “ท่าตาทุย” ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของชาวบ้าน โดยมีป้ามินเป็นเจ้าของ ซึ่งจุดนี้ทางด้านทหารพรานได้มีการนำรั้วลวดหนามหีบเพลงมาขึงเป็น3 ชั้นตลอดแนวชายแดน โดยมีคลองพรหมโหดกั้นกลางระหว่างฝั่งประเทศไทยและกัมพูชา
ส่วนจุดที่ 2 “VIP 1” หรือบ้านโสนน้อย ซึ่งเป็นพื้นที่ของเอกชน จุดนี้ที่มีสภาพภูมิประเทศเป็นป่าไผ่แน่นหนา และมีช่องรอด ระบุพิกัดจากกรรมาธิการทหาร และถูกระบุว่า เป็นจุดที่เคยมีการลักลอบข้ามแดนของกลุ่มคนจากฝั่งกัมพูชามาไทย ส่วนจุดที่ 3 จุดตรวจร่วม 3 ฝ่าย ซึ่งทางคณะกันมาธิการได้รับฟังและตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ ขณะที่จุดสุดท้าย พื้นที่ช่องทางธรรมชาติใกล้กับวัดวังมน ซึ่งจุดนี้เป็นจุดพิกัดที่ทหารพรานจะใช้เรือในการลาดตระเวนในการข้ามแดนของผู้ลักลอบ
ขณะที่นายรังสิมันต์ ระบุว่า พื้นที่เหล่านี้เคยเป็นช่องทางที่ใช้ในการลักลอบข้ามแดน ซึ่งต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดถึงบุคคลหรือขบวนการที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในบริบทของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ไม่ได้เป็นเพียงการหลอกลวงทางการเงินเท่านั้น แต่ยังพ่วงด้วยการค้ามนุษย์ และอาจใช้ทรัพยากรจากฝั่งไทย เช่น ไฟฟ้าและน้ำประปา เป็นองค์ประกอบของอุตสาหกรรมผิดกฎหมายดังกล่าว ซึ่งส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์และความมั่นคงของประเทศไทยในระดับนานาชาติคณะกรรมาธิการฯ เห็นว่าการปราบปรามขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนทั้งกำลังคน เครื่องมือ เทคโนโลยี และงบประมาณจากรัฐบาล เช่น การจัดหาอุปกรณ์ตรวจการณ์ เช่น โดรน กล้อง CCTV และการจัดตั้งระบบตรวจสอบอัจฉริยะตลอดแนวชายแดน แทนการใช้งบประมาณจำนวนมากในการสร้างกำแพงถาวรซึ่งอาจนำไปสู่ข้อพิพาทด้านพรมแดนในอนาคต
นอกจากนี้ นายรังสิมันต์ได้กล่าวถึงข้อกังวลว่า การดำเนินมาตรการปราบปรามอย่างเข้มข้น อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการต่อรองทางการเมืองระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งจำเป็นต้องวางกลไกรองรับผลกระทบอย่างรอบด้าน พร้อมเสนอให้รัฐบาลพิจารณาจัดหางานในประเทศที่เหมาะสมสำหรับผู้มีทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงจากงานสีเทา ซึ่งมักประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์
โดย นายรังสิมันต์ยังได้เน้นว่า แม้ประเทศไทยไม่มีการปิดด่าน แต่ได้มีการควบคุมการเข้าออกเพื่อป้องกันการลักลอบหรือเกี่ยวข้องกับขบวนการผิดกฎหมาย ซึ่งจำเป็นต้องสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชน โดยเฉพาะชาวกัมพูชาที่อาจเข้าใจผิดว่าการควบคุมของไทยเป็นการปิดด่านเพื่อกลั่นแกล้งหรือขัดขวางการค้าขาย
ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า การลงพื้นที่ เป็นการเข้าร่วมสังเกตการณ์ และได้ให้ข้อมูลเสริมว่า ในการตั้งกระทู้ถามสดต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ผ่านมา ได้มีการเปิดเผยภาพถ่ายจุดผ่านแดนหลายแห่ง ซึ่งชี้ชัดว่าในบางกรณีเป็นฝ่ายกัมพูชาที่ตัดสินใจปิดด่านเอง ไม่ใช่ฝ่ายไทย พร้อมกล่าวว่าแนวชายแดนจังหวัดสระแก้วไม่มีข้อพิพาทเรื่องเขตแดน แต่ประเด็นสำคัญในขณะนี้คือการควบคุมขบวนการคอลเซ็นเตอร์ การรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจชายแดน และการรักษาความมั่นคงร่วมกันของทั้งสองประเทศ
นอกจากนี้ นายรังสิมันต์ ยังกล่าวในตอนท้ายว่า ประเทศไทยมีจุดยืนชัดเจนในการสนับสนุนการค้าขายชายแดนที่ถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมปฏิเสธว่าการควบคุมชายแดนในขณะนี้มิได้เป็นการปิดด่านอย่างถาวร แต่เป็นการดำเนินมาตรการเฉพาะจุดเพื่อยับยั้งอาชญากรรมข้ามชาติ หากมีผู้ใดได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว ก็ควรพิจารณาว่าอาจเกี่ยวพันกับขบวนการที่ถูกควบคุมหรือไม่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ จะรวบรวมข้อเสนอแนะและข้อมูลจากการลงพื้นที่ เพื่อเสนอแนวทางการดำเนินนโยบายต่อรัฐบาล พร้อมย้ำว่าการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้าอาชญากรรมข้ามชาติ ต้องอาศัยความร่วมมือเชิงลึกในระดับรัฐต่อรัฐ รวมถึงการผลักดันบทบาทของกระทรวงการต่างประเทศและองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องต่อไป