‘กมธ.มั่นคง’ถกหาข้อเท็จจริง 2 คลิปเสียงเอี่ยวกัมพูชา
เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ที่รัฐสภา น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุมหาข้อเท็จจริง 2 คลิปเสียง ทั้งกรณีบทสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฮุน เซน และคลิปที่มีการสั่งติดตามคนกัมพูชาบนผืนแผ่นดินไทย ที่มีข้อสงสัยว่าจะเกี่ยวพันกับผู้มีอำนาจที่อยู่ในกัมพูชา
โดย น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ประเด็นที่ถูกพูดถึงในที่ประชุมวันนี้มากที่สุดคือกรณีคลิปเสียงคล้ายสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา สั่งการให้นายเคลียง ฮวด ไล่ล่าชาวกัมพูชาที่มีความเห็นต่างในประเทศไทย โดย กมธ.ได้เชิญนายพร พันนา นักเคลื่อนไหว ที่มีชื่อปรากฏอยู่ในคลิปเสียง ซึ่งปัจจุบันลี้ภัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกา และนายสวน จำเริญ ที่ลี้ภัยอยู่นิวซีแลนด์ วิดีโอคอนเฟอเรนซ์มาให้ข้อมูล ว่า ถูกทำร้ายหลังลี้ภัยมาประเทศไทย สอดคล้องกับคลิปเสียงที่ต้องการให้นายเคลียง ฮวด ไล่ล่าชาวกัมพูชาผู้ที่เห็นต่างในไทย
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ขณะเดียวกันยังได้รับข้อมูลจาก น.ส.พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ นักสิทธิมนุษยชน ว่า มีความเป็นไปได้ที่มีการแลกเปลี่ยนการจับกุมตัวผู้ลี้ภัยระหว่างทางการไทยและกัมพูชา และนายเคลียง ฮวด อาจมีบัตรประชาชนหรือสัญชาติไทย หรือทรัพย์สินอยู่ในประเทศไทยซึ่ง กมธ.จะติดตามตรวจสอบต่อไป
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวต่อด้วยว่า กมธ.เห็นว่านอกจากจะดำเนินการกับสมเด็จฮุน เซน ด้วยกฎหมายระหว่างประเทศแล้ว ยังสามารถเอาผิดตามหมวด 3 ของกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นความผิดต่อความมั่นคงนอกราชอาณาจักร ทำให้อำนาจอธิปไตยส่วนหนึ่งส่วนใด สูญเสียให้รัฐบาลต่างชาติ ทำให้ผู้นำต่างชาติเข้ามามีปฏิบัติการในประเทศไทย และนอกจากผิดกฎหมายอาญาแล้ว ยังเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ซึ่งต้องดำเนินการกับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในคดีนี้ด้วยหรือไม่
เมื่อถามถึงการดำเนินการในระดับกฎหมายระหว่างประเทศกับสมเด็จฮุน เซน น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ผู้แทนของกระทรวงการต่างประเทศ ยอมรับว่ามีการศึกษาพิจารณากันอยู่ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่ในคลิป ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยอมรับแล้วว่า จะนำคลิปเสียงไปตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ ว่าเป็นเสียงของสมเด็จฮุน เซนจริงหรือไม่ เพื่อนำเข้าสู่สำนวนคดีต่อไป ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่า ไม่เคยมีความเกี่ยวข้องหรือร่วมมือกับนายเคลียง ฮวด แต่ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติยอมรับว่า มีปฏิบัติการของต่างชาติเข้ามาเป็นภัยคุกคาม ตามล่าคนสัญชาติเขาในประเทศไทยจริง เรื่อง สมช.มองว่าเป็นภัยคุกคาม แต่ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากพอ จึงไม่รู้ว่าปฏิบัติการเหล่านี้มีความร่วมมืออย่างไม่เป็นทางการกับหน่วยงานราชการของไทยหรือไม่
เมื่อถามถึงกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่างสมเด็จฮุน เซนและน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า กมธ. ไม่แน่ใจว่า จะมีคลิปสนทนาส่วนตัวของ น.ส.แพทองธาร กับผู้นำต่างชาติอื่นอีกหรือไม่ หากมี ต้องแจ้งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบรับทราบ เพื่อเตรียมความพร้อม เนื่องจาก กมธ. มีความไม่สบายใจอย่างยิ่ง ว่าอาจมีคลิปเสียงที่กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือกระทบความมั่นคงระหว่างประเทศ ที่เกิดจากการดำเนินการทางการทูตที่ไม่ถูกต้องของนายกรัฐมนตรี โดยกำหนดที่การได้รับข้อมูลเพิ่มเติมว่าการสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีฝรั่งเศสไม่ได้เป็นไปตามทางการทูตเช่นเดียวกัน
ด้านนายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคประชาชน เลขานุการ กมธ. กล่าวว่า จะส่งข้อมูลไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ให้หาข้อเท็จจริงเรื่องของนายเคลียง ฮวด ว่า เป็นคนไทย มีบัตรประชาชนและทรัพย์สินในไทยหรือไม่ พร้อมขอข้อมูล บันทึกการเข้าออกประเทศของนายเคลียง ฮวด ด้วย แล้วจะขยายผล หาข้อเท็จจริงการถูกทำร้ายร่างกายของชาวกัมพูชาที่มาให้ข้อมูลต่อกับกรรมาธิการวันนี้ รวมไปถึงการเสียชีวิตของนายลิม กิมยา พร้อมจะทำหนังสือเชิญถึงนายกรัฐมนตรี มาชี้แจงต่อกรรมาธิการอีกครั้ง เพราะกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฮุน เซน ไม่สามารถมีใครชี้แจงแทนได้.