โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

มาริษบอก ไม่โต้กัมพูชาผ่านโซเชียล ยันแจงโลกต่อเนื่อง เรียกร้อง 2 ฝ่าย กลับสู่กรอบทวิภาคี

MATICHON ONLINE

อัพเดต 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

มาริษบอก ไม่โต้กัมพูชาผ่านโซเชียล ยันแจงโลกต่อเนื่อง เรียกร้อง 2 ฝ่าย กลับสู่กรอบทวิภาคี

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาขณะนี้ว่า ปัจจุบันสถานการณ์ความตึงเครียดลดลงในระดับหนึ่ง ไม่มีการปะทะกัน แต่มีบ้างจากการคงกำลัง และอาวุธบริเวณชายแดน ซึ่งรัฐบาลไทย อยากเห็นการปรับลดกำลังในแนวต่าง ๆ ให้กลับไปอยู่ในช่วงที่ไทย-กัมพูชา มีความสัมพันธ์กันอย่างปกติในช่วงปี 2567 เนื่องจาก รัฐบาลไทยกังวลถึงความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่

นายมาริษยังย้ำถึงการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศ ตามที่มีประชาชนอยากให้ฝ่ายไทยดำเนินการแบบตาต่อตาฟันต่อฟันกับอีกฝ่ายว่า กระทรวงการต่างประเทศ มีบทบาททางการ การสื่อสารต่างๆ จะต้องใช้ช่องทางทางการ หรือช่องทางการทูตในการเจรจา หากไปติดตามจากช่องทางที่ไม่เป็นทางการ โอกาสที่จะมีความไม่เข้าใจกันก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น

ดังนั้น จึงจะต้องพูดคุยในช่องทางทางการกับฝ่ายกัมพูชา พร้อมยอมรับว่า ปัจจุบันโซเชียลมีเดียมีบทบาทมาก และมีหลายมุมมองซึ่งอาจจะถูกต้องบ้าง หรือผิดบ้าง แต่กระทรวงการต่างประเทศมีความเข้าใจ และมอบหมายว่า ใครจะออกมาตอบโต้ประเด็นใด หรือถ้าเป็นประเด็นที่ไม่เกี่ยวกับการทูต ก็อาจจะต้องให้หน่วยงานอื่นเป็นผู้ดำเนินการ

พร้อมย้ำว่า ประเทศไทยและรัฐบาลไทยไม่ต้องการตอบโต้ฝ่ายใดผ่านโซเชียลมีเดีย เพราะไม่ใช่ช่องทางทางการ และจะชี้แจงผ่านช่องทางทางการเท่านั้น และขอให้ใช้วิจารณญาณด้วยว่า เมื่อมีการพูด หรือสื่อสารไปแล้ว จะเกิดผลกระทบอย่างไร ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบ และจริยธรรมของแต่ละคน

ส่วนที่มีการระบุว่า ฝ่ายไทยสื่อสารกับเวทีโลกน้อย จนทำให้ไทยดูเป็นรองในหลายๆ เรื่องหรือไม่นั้น นายมาริษกล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศ ทั้งตนและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้สื่อสารกับประชาคมโลก สังคมไทย และทุกฝ่ายในช่องทางการทูตกับนานาประเทศ มาอย่างต่อเนื่องถึงจุดยืน ความประสงค์ และความถูกต้อง ตามที่ประเทศทั้งสองมีพันธกรณีที่จะต้องมาแก้ไขปัญหาโดยการเจรจาสองฝ่าย

จึงเรียกร้องให้กัมพูชาให้ความสำคัญกับการเจรจาในกรอบทวิภาคีโดยเร็วต่อไป แต่การใช้โซเชียลมีเดีย เป็นสิทธิของแต่ละคน แต่ถ้าเกิดผลกระทบ ก็ควรรับผิดชอบในสิ่งที่จะเกิดขึ้น และต้องพิจารณาว่าจะต้องตอบโต้ในขั้นใด รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศจะต้องรักษาช่องทางทางการและเลือกประเด็นการตอบโต้ เพื่อไม่ให้ลำบากต่อการเจรจาในอนาคต

นายมาริษยังกล่าวถึงการเจรจาเส้นเขตแดนว่า ไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่มีใครต้องการให้ประเทศสูญเสียอธิปไตย จึงเป็นการยากและต้องใช้เวลาในการถกเถียง พร้อมตอกย้ำและยืนยันว่า ไทยจะปกป้องอธิปไตยแน่นอน จึงขอให้สังคมมั่นใจ และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ไม่ต้องการให้เกิดการสูญเสียใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น จะต้องหลีกเลี่ยงการเกิดความสูญเสีย และทำให้ประชาชนบริเวณชายแดนได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสันติ และสงบสุข หลีกเลี่ยงผลกระทบจากความตึงเครียด

ส่วนกรณีที่ฝ่ายกัมพูชายังคงพยายามนำข้อพิพาทพื้นที่ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลโลกนั้น นายมาริษกล่าวว่า ประเทศไทยไม่ได้รับเขตอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ปี 2503 เช่นเดียวกับหลายๆ ประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศมหาอำนาจ ดังนั้น ศาลโลกจึงไม่มีอำนาจพิจารณาในเรื่องนี้ และด้านอื่นๆ อย่างแน่นอน จึงไม่ได้กังวลใดๆ แต่กระทรวงการต่างประเทศก็ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาติดตามเพื่อเตรียมความพร้อม

พร้อมย้ำว่า การประชุมคณะกรรมาธิการ JBC เมื่อวันที่ 14-15 มิถุนายนที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จในการวางกรอบการทำงานด้านเทคนิคของเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝ่ายในการจัดทำหลักเขตแดนร่วมกันต่อไป ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กลไกทวิภาคียังสามารถทำงานต่อไปได้ และสร้างความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาเขตแดน

สำหรับกรณีที่ผู้นำกัมพูชาได้กล่าวในลักษณะเรียกร้อง และอยากจะเห็นการเปลี่ยนผู้นำรัฐบาลไทย นายมาริษกล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศเห็นว่าการแสดงความเห็นของผู้นำกัมพูชาในเรื่องนี้ ที่กระทำผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ มีเนื้อหาแทรกแซงกิจการภายในของไทย อันเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎบัตรอาเซียน กฎบัตรสหประชาชาติ และกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ไม่เป็นผลดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ จึงได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศมุ่งสื่อสารกับประชาคมโลกในช่องทางที่เหมาะสมถึงการกระทำดังกล่าวที่ไม่ถูกต้อง และไม่ปราถนาให้ตอบโต้กันในสื่อสังคมออนไลน์ตามที่เป็นกระแส เนื่องจากไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาระหว่างกัน

นายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงถึงกรณีที่มีผู้ที่มอง MOU43 ทำให้ไทยเสียเปรียบในการเจรจา เสี่ยงเสียดินแดน และอธิปไตยว่า MOU43 ยังเป็นกลไกทวิภาคี ที่ยังได้ใช้ และเป็นพันธะกรณีต่อทั้ง 2 ฝ่ายที่ต้องดำเนินการ เนื่องจาก เป็นสนธิสัญญาอย่างหนึ่ง ที่ทำขึ้นระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งคู่สัญญาจะต้องปฏิบัติตามที่สัญญาไว้ และย้ำว่า ใน MOU43 กำหนดให้มีคณะกรรมาธิการ JBC ไทย-กัมพูชา ซึ่ง JBC สามารถกำหนดประเด็นเร่งด่วนในการเจรจาได้

และหากฝ่ายกัมพูชาเห็นว่า 4 พื้นที่เป็นข้อกังวล ก็สามารถนำมาเร่งกระบวนการปักปันเขตแดนได้ ซึ่งผลการประชุม JBC เมื่อ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา ฝ่ายไทยก็สามารถดำเนินการได้สำเร็จในระดับหนึ่ง ทำให้ขณะนี้ ทราบว่า หลักเขตแดน 73 หลักที่ได้ดำเนินการมากว่า 100 ปี อยู่ในจุดใดบ้าง และมีจุดใดที่เห็นตรงกัน หรือขัดแย้งกัน

พร้อมยังตกลงที่จะใช้โดรนในการจัดทำแผนที่ เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการปักปันเขตแดน และทั้ง 2 ฝ่ายจะงดเว้นการดำเนินการใด ๆ ที่จะไปเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิประเทศ รวมถึงการระงับข้อพิพาท-ความตึงเครียดต่าง ๆ ก็จะต้องดำเนินการอย่างสันติผ่านการเจรจาทวิภาคี 2 ฝ่าย

อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมายย้ำว่า MOU43 เป็นการตีกรอบการเจรจา และการดำเนินการเพื่อให้เกิดแผนที่ที่มีความชัดเจน ไม่ได้ทำให้เสียดินแดนใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งแผนที่ที่ได้ก็จะต้องเสนอต่อคณะรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีจะต้องเสนอให้รัฐสภาพิจารณา

ส่วนกระแสข่าวก่อนหน้านี้ที่ระบุฝ่ายไทย ยอมรับแผนที่ 1 : 200,000 ของกัมพูชานั้น นายเบญจมินทร์กล่าวว่า การประชุม JBC ไม่มีประเด็นดังกล่าวในการหารือ ซึ่งฝ่ายไทยก็แปลกใจว่าเหตุใดจึงมีการสื่อสารในลักษณะนี้ออกมา แต่ก็มองเป็นเทคนิคของฝ่ายหนึ่งในการส่งสัญญาณผิดๆ ต่อมวลชนภายในของอีกฝ่าย พร้อมย้ำว่า เป้าหมายสุดท้ายคือการเกิดแผนที่ร่วมของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งจากการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยและประธานาธิบดีฝรั่งเศส ทางฝรั่งเศสก็พร้อมสนับสนุนเอกสารเพิ่มเติม

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : มาริษบอก ไม่โต้กัมพูชาผ่านโซเชียล ยันแจงโลกต่อเนื่อง เรียกร้อง 2 ฝ่าย กลับสู่กรอบทวิภาคี

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก MATICHON ONLINE

ล่าตัว นักโทษซอยจุ๊ แหกคุก ระหว่างรอดำเนินคดี ขโมยวัวเชือด ใช้ผ้าห่มต่อกันข้ามกำแพง

11 นาทีที่แล้ว

สมปอง เผยความในใจหลังสึก จากถูกไหว้กลายเป็นโดนด่า เล่าวีรกรรมนอกใจแฟน

23 นาทีที่แล้ว

วราวุธ ย้ำ หยุดให้เงินขอทาน ทั้ง ไทย-ต่างด้าว ไม่สนับสนุนการทำผิดกฎหมาย

29 นาทีที่แล้ว

เวิลด์แบงก์ ปรับลด GDP ปีนี้โต 1.8% ผลกระทบสงครามการค้า

43 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความต่างประเทศอื่น ๆ

ปัดสร้างฐานทัพ จีนยันเปล่าขยายอิทธิพลแปซิฟิกผ่านเกาะฟิจิ

Khaosod

‘Microsoft’ ประกาศเลิกจ้างพนักงานอีก 9,000 คนทั่วโลก เร่งปรับตัวรับยุค AI

Khaosod

‘รัสเซีย’ อ้างยึด ‘ภูมิภาคลูฮันสก์’ ของยูเครนได้ทั้งหมดแล้ว

กรุงเทพธุรกิจ

เผยแล้ว สาเหตุที่แท้จริงทำ “ดิโอโก้ โชต้า” เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ

Thaiger

สาวไต้หวันไม่รู้จัก'พนมเปญ'ไม่รู้ด้านมืดกัมพูชา ถูกลวงไปเป็นทาสแรงงานธุรกิจสีเทา

The Better

ฮุนเซน วอนขอ ปั๊ม ปตท. ในกัมพูชา เลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย ทั้งที่เป็นบริษัทไทย

Thaiger

เปิดโพสต์ล่าสุด ภรรยา “ดิโอโก้ โซต้า” เผยโมเมนต์ความสุขวันแต่งงาน ยากที่จะลืม

Thaiger

ขีปนาวุธอิหร่านถล่มศูนย์วิทย์ฯ อิสราเอลยับ แฉเบื้องลึก!! เป็นสถาบันวิจัยหนุนไซออนิสต์ตั้งแต่ปี 1948

THE STATES TIMES

ข่าวและบทความยอดนิยม

มาริษบอก ไม่โต้กัมพูชาผ่านโซเชียล ยันแจงโลกต่อเนื่อง เรียกร้อง 2 ฝ่าย กลับสู่กรอบทวิภาคี

MATICHON ONLINE

ทักษิณ มาศาลนัดสืบพยานคดี 112 วันที่ 3 ทนายเผยไม่หนักใจ ยันเป็นเหยื่อการเมือง

MATICHON ONLINE

สันติธาร ชี้ 5 ข้อไทยต้องตอบตัวเอง หลังเวียดนามดีลภาษีจบ อาจเป็นมาตรฐานใหม่ให้ประเทศอื่น

MATICHON ONLINE
ดูเพิ่ม
Loading...