คนไม่ไว้ใจ “รัฐบาลอิ๊งค์” นักการเมืองสู้ศึกเขมร?
อุณหภูมิการเมืองในประเทศไทยร้อนทะลุปรอทตีคู่ไปพร้อมกับ “สงครามชายแดน” ระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ยังอยู่ในสภาพการณ์ไม่น่าไว้วางใจ “หน้างาน” แม้พรุ่งนี้(4 ส.ค.)จะมีการนัดประชุม GBC ระหว่างไทย-เขมร ที่ประเทศมาเลเซีย กับ “สัญญานการเมือง”ภายในประเทศไทยเอง ที่ส่งเป็นแรงกดดัน ไปยัง “ศูนย์อำนาจ”
และ ฝ่ายการเมือง จาก “ประชาชน” ที่ห่วงใยสถานการณ์สงครามจะลุกลาม ต่อกระแส “ชาตินิยม”ที่ไว้ใจและให้กำลังใจกองทัพ แต่ไม่ไว้ใจรัฐบาล และไม่ไว้ใจฝ่ายการเมือง ผ่าน เนื้อหาท่าทีจากเวที การชุมนุมใหญ่ครั้งที่2ของ“ม็อบรวมพลังแผ่นดิน”ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเมื่อวาน (2 ส.ค.) ที่เชื่อใจและสนับสนุนให้กำลังใจกองทัพในการทำหน้าที่”หน้างาน”ปกป้องอธิปไตยชาติ
อย่างที่ “ตู่ -จตุพร พรหมพันธ์”ปราศรัยกลางดึกเมื่อคืน(2ส.ค.) ว่า ในยุทธภูมิทั้ง 11 ที่ ทหารไทยได้สู้ และพลีชีพพร้อมกับประชาชน เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ และเป็นโศกนาฏกรรมของประเทศ ที่ “รักษาการนายกฯอ้วน” “ภูมิธรรม เวชยชัย”ไปร่วมโต๊ะเจรจาที่มาเลเซีย(28ก.ค.)ที่มีทั้งสหรัฐและจีนอเมริกาและจีน ทั้งที่เราทักท้วงแต่ต้นอย่าให้ประเทศที่3เข้ามายุ่ง ตนพูดเสมอว่าเขมรรู้เห็นกับมาเลเซียและสหรัฐ
ซึ่งข้อตกลง 3 ข้อ ข้อแรกเป็นข้อที่เสียหายมากที่สุด มีการต่อรองเจรจาหยุดยิงตอน 24.00 น.ที่“นายภูมิธรรม” ไปตกลงโดยไม่ได้ถามทหารก่อนว่าทั้ง 11 ยุทธภูมิ ที่ไหนมีความสุ่มเสี่ยง ซึ่งท้ายที่สุด ด้วยเวลาที่ไม่เพียงพอ และความเจ้าเล่ห์ของกัมพูชา เขาก็ได้ยึดปราสาทตาควาย การไปหยุดยิงโดยเสียเปรียบเสียโง่กัมพูชา ทำให้ไม่มีสภาพที่จะเป็นคนไทยได้อีกต่อไป และว่าเราไม่รู้ว่า คดีของ น.ส.แพทองธาร ไม่รู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะขยายเวลาให้อีกถึงเมื่อไหร่ แต่รู้ว่ายิ่งนานเท่าไหร่ ประเทศที่เสียหายมากเท่านั้น
ถ้าคนไทยไม่ลุกขึ้นมา นักรบที่อยู่แนวหน้าต้องได้รับกำลังใจและกำลังหนุนจากแนวหลัง วันนี้ภารกิจของเราคือการสำแดงพลัง ขณะที่วันนี้ “พรรคเพื่อไทย”ได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธกระแสข่าวว่า “ภูมิธรรม” สั่งถอนกำลังจนเป็นเหตุให้ไทยเสียดินแดน
ด้าน “เทพไท เสนพงษ์”โพสFB (3ส.ค.) ว่า ต้องยอมรับความจริงว่า รัฐบาลไทยขาดศรัทธา และความน่าเชื่อถือจากประชาชนคนไทย กองทัพเป็นผู้ที่ได้รับความน่าเชื่อถือมากที่สุด ได้รับการยอมรับทั้งกองทัพ ในขณะที่ฝ่ายการเมืองล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ตั้งแต่ตัวรัฐบาล กระทรวงที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคง ขาดความน่าเชื่อถือ ส่วนพรรคการเมือง ไม่มีพรรคการเมืองใดได้คะแนนนิยม ได้เครดิตจากสถานการณ์นี้เลย
ตั้งแต่ พรรคเพื่อไทย หรือ พรรคประชาชน และพรรคการเมืองอื่น ๆ ล้มเหลวหมด ความรู้สึกของประชาชนทีชุมนุมเมื่อคืน คือเชิดชูกองทัพ ขับไล่รัฐบาล ไม่ให้ราคารัฐบาล ปัญหาตอนนี้ นอกเหนือจาก ความขัดแย้งชายแดน ที่เป็นปัญหาหลักแล้ว ยังมีปัญหาของรัฐบาล ผู้นำประเทศด้วย ถ้าหากว่าเปลี่ยนรัฐบาล นายกฯรับผิดชอบทางการเมืองด้วยการลาออกไป จะทำให้สถานการณ์ชายแดนดีขึ้น อยากให้ฝ่ายการเมืองได้คิด และฟังความรู้สึกของประชาชนตอนนี้
เช่นเดียวกับ “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” อดีตสส.พัทลุง โพสต์FBเฟซบุ๊กว่า จับอาชญากรสงคราม ที่สังหารพลเรือนไทย ระบุว่า ไม่พอใจรัฐบาล และนักการเมือง ที่ไม่ทุ่มเทความพยายามดำเนินคดี
กับศัตรูของชาติที่ทำร้ายและฆ่าพลเรือนไทยในข้อหา อาชญากรสงคราม ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ(ICC) แต่กลับพยายามที่จะใช้ทรัพยากรทุกชนิด ตำรวจ,อัยการ ,ศาล ปกป้องนายกฯที่ถูกศัตรูของชาติด่าคนไทย อย่าให้เพื่อนร่วมชาติตายฟรี ตนติดใจมาก
หากรัฐบาลและนักการเมือง ไม่นำ ฮุนเซน และ ฮุน มาเนต ขึ้นศาลICC “นายกแพทองธาร” สส.และ สว. วันนี้ก็อยู่ตรงกันข้ามกับตนและคนไทยผู้รักชาติ ที่ความเห็นนี้สอดรับกับผลสำรวจของ “ซุปเปอร์โพล” ที่พบว่า คนไทย 94.6% รู้สึกโศกเศร้า 89.2% สะเทือนใจกับความสูญเสีย และ 87.3% โกรธเจ็บปวด และมีเสียงสนับสนุนจากประชาชนให้รัฐบาลฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) พุ่งสูงถึง 95.7%
ขณะที่ “ไพศาล พืชมงคล”โพสFBเตือนให้ทหารเตรียมรับศึกเขมรครั้งใหม่ ที่อาจใหญ่ และรุนแรงกว่าเดิม หลังจากกัมพูชาเสียหายอย่างหนัก กลายเป็นความสูญเสียและความอัปยศอย่างยิ่งใหญ่ ที่ฝ่ายเขมร โดยเฉพาะ “ฮุนเซน”ต้องแบกรับ ไม่แปลกที่ ฝ่ายเขมรต้องการจะเอาคืน ขณะนี้มีการเคลื่อนย้ายกำลังพลและยุทโธปกรณ์ขนาดใหญ่ของฝ่ายเขมรเข้ามาใกล้พื้นที่ชายแดนอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงการส่งโดรนและหน่วยลาดตระเวนเข้ามา สอดส่องความเคลื่อนไหวของทหารไทย ซึ่งในบริบททางทหาร การเตรียมกำลัง การเคลื่อนกำลัง การวางกำลัง และการลาดตระเวนเพื่อตรวจหาเป้าหมาย ล้วนเป็นสัญญาณชัดเจนว่าสงครามอาจใกล้ปะทุ ขอเตือนพี่น้องทหารไทยทุกนาย—อย่าประมาท ในการรับมือกับภัยคุกคามนั้น ไม่จำเป็นต้องรอให้ฝ่ายตรงข้ามเปิดฉากยิงก่อน หากมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายคุกคาม
และเป็นอันตรายชัดเจน กำลังพลทหารไทยมีสิทธิ์ใช้มาตรการตอบโต้เพื่อป้องกันตัวได้ทันที เพราะหลักพื้นฐานของสงครามคือ“ปกป้องตนเองก่อน – ทำลายข้าศึกเพื่อรักษาชีวิต”การเปิดฉาก
โจมตีเพื่อป้องกันตัว จึงไม่ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ หากเป็นการป้องกันที่ชอบธรรม.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews