ที่ปรึกษา รมว.กต.เผย กต.นัดถกทูตไทย-ทูตต่างชาติต่อ ตอกย้ำข้อเท็จจริงชี้แจงนานาชาติ ขอประชาชนรอผลประชุมหลัง GBC
ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงความหวังของประชาชนที่อยู่ระหว่างการอพยพตามศูนย์พักพิงต่างๆ ว่า ขึ้นอยู่กับการเจรจาระหว่าง 2 ฝ่าย ในการประชุมที่จะเกิดขึ้นหลังการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ระหว่างไทย-กัมพูชา ที่จะเกิดขึ้นที่ประเทศมาเลเซีย ในวันจันทร์ที่ 4 สิงหาคมนี้
ชยิกา ยังย้ำว่า กระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการชี้แจงเชิงรุกต่อ ภายหลังการนำคณะทูตลงพื้นที่ให้เห็นถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อพลเรือนแล้ว ด้วยการนำข้อมูลข้อเท็จจริงดังกล่าว มาบรรยายชี้แจงข้อเท็จจริงสรุปต่อเอกอัครราชทูต ผู้แทนสถานทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย ในวันจันทร์ที่ 4 สิงหาคมนี้ และภายในสัปดาห์เดียวกัน มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะประชุมทางออนไลน์ร่วมกับเอกอัครราชทูตไทย กงสุลใหญ่ไทย และผู้แทนไทยประจำต่างประเทศทั่วโลก เพื่อย้ำแนวทางของประเทศไทยต่อนานาชาติ และตอบโต้ต่อข้อมูลที่บิดเบือนในพื้นที่ต่างๆ แม้การโจมตีทางทหารหยุดแล้ว แต่การโจมตีด้วยข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนยังไม่หยุด
ชยิการะบุว่า การดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศจะยึดแนวทางการเจรจา 2 ฝ่ายกับกัมพูชา ซึ่งมีกลไกต่างๆ อยู่หลายระดับ และชื่นชมความพยายามของมิตรประเทศ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้เกิดการเจรจา 2 ฝ่ายที่มาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา จนทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงหยุดยิงซึ่งเป็น ‘จุดเริ่มต้นสำคัญ’ ในการนำสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ
กระทรวงการต่างประเทศ จึงได้เชิญประเทศสมาชิกอาเซียน รวมถึงประเทศที่มีบทบาทในการรักษาสันติภาพ และความมั่นคงของโลก อย่างสหรัฐอเมริกา จีน และญี่ปุ่น รวมถึงเชิญสื่อต่างประเทศ รวม 23 สำนักข่าวในภูมิภาคต่างๆ ของโลกไปดูสถานที่จริง
ชยิกายังได้กล่าวคำขอบคุณคณะทูต-ทูตทหาร และพี่น้องสื่อมวลชนทั้งไทย และต่างประเทศทุกคน ที่รับฟังและช่วยนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องจากประเทศไทยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งสิ่งที่ประเทศไทยต้องการสื่อสารถึงประชาคมโลก ผ่านการสร้างความเข้าใจกับคณะทูต-ทูตทหาร และสื่อไทย และต่างประเทศ เพื่อยืนยันว่า:
1) ข้อมูลทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้บนหลักวิทยาศาสตร์
2) การดำเนินการนำคณะทูต-ผู้ช่วยทูตทหาร โปร่งใส ตรวจสอบได้
3) หลักฐานที่นำเสนอ เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ‘กัมพูชาโจมตีสถานที่พลเรือน’ ที่อยู่เขตโซนสีเขียว อย่างปั๊มน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ โรงพยาบาล โรงเรียน จนทำให้พี่น้องประชาชนที่ไม่มีอาวุธ เด็กที่บริสุทธิ์ ต้องเสียชีวิตจริง บาดเจ็บจริง
4) ทหารไทยจึงต้องใช้ ‘สิทธิป้องกันตนเอง’ (Self Defense) เพื่อดำเนินการปกป้องอธิปไตยและพี่น้องประชาชน ไม่ได้ดำเนินการเพื่อรุกราน
ชยิกายังเชื่อว่า “การเจรจาเพื่อนำไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืน ต้องเอาความจริงมาคุยกันบนโต๊ะ” และการนำคณะทูตลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้นั้น จะต้องรอทหารประเมินความปลอดภัยก่อน เพราะคืนก่อนวันเดินทาง 31 กรกฎาคม ยังมีการเก็บกู้ระเบิด หัวกระสุนปืนใหญ่ มาทำลายหลายๆ ลูก และในหลายๆ จุด
ชยิกายังขอขอบคุณทีมกระทรวงการต่างประเทศ ทีมกองทัพไทย ทีมกระทรวงมหาดไทย ทีมสำนักโฆษก และทีมกรมประชาสัมพันธ์ที่ช่วยกันพิสูจน์ความจริงให้เป็นที่ประจักษ์ในสายตาชาวโลก
ภาพ: กระทรวงการต่างประเทศ
อ้างอิง:
- กระทรวงการต่างประเทศ