รองอธิบดีอัยการสอบสวนระบุ ยังไม่ดำเนินคดีใครปมคลิปเสียงฮุนเซน ส่งอสส.ชี้ขาด เป็นความผิดหรือไม่
รองอธิบดีอัยการสอบสวนระบุ อาจเชิญนายก ให้ปากคำปมคลิปเสียง ยันยังไม่ดำเนินคดีใคร อยู่ระหว่างหารืออสส.ชี้ขาด เป็นความผิดหรือไม่
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (1 ส.ค.) นายวัชรินทร์ ภานุรัตน์ รองอธิบดีสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ได้นัดประชุมหารือกับตำรวจไซเบอร์ กรณีคลิปเสียงของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ สมเด็จฮุน เซน เพื่อหารือกำหนดแนวทางการสอบสวน โดยมีพล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 และรองโฆษก ตร.ร่วมประชุมหารือ
นายวัชรินทร์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ร้องทุกข์กับทาง บช.สอท. เรื่องคลิปเสียงการสนทนาระหว่างสมเด็จฮุนเซน กับนายกรัฐมนตรี ซึ่งในชั้นพิจารณาการสอบสวนของตำรวจ ยังมีข้อกฎหมายที่สงสัยว่าเป็นความผิดในประเทศหรือความผิดนอกราชอาณาจักรทางตำรวจจึงส่งสำนวนคดีนี้มาให้อัยการตรวจสอบ เสนอให้อัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณา ทั้งนี้อัยการสอบสวนได้รับสำนวนจาก อัยการสูงสุด มาพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นคดีนอกราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายยาและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20 เมื่อเป็นคดีนอกราชอาณาจักรจึงเป็นอำนาจของอัยการสูงสุดในการตั้งคณะทำงาน โดยทางอัยการสูงสุดมอบหมายให้ ผบก.สอท.1 เป็นผู้รับผิดชอบและมีอัยการสำนักงานการสอบสวนมาร่วมสอบสวน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20 โดยให้อัยการเข้าไปทำหน้าที่ในการให้คำแนะนำ วันนี้จึงได้เชิญตำรวจ สอท.1 มาร่วมประชุมและให้ความเห็นเพื่อให้อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งคดีต่อไป ว่าคดีมีมูลพอฟ้องหรือไม่
การประชุมวันนี้เพื่อกำหนดทิศทางและแนวทางสอบสวนว่าจะเรียกพยานคนไหนเข้ามาสอบปากคำบ้าง รวมถึงการพิจารณาเรียกนายกรัฐมนตรีเข้ามาสอบด้วยเช่นกัน แต่การสอบปากคำสมเด็จฮุนเซน โอกาสที่จะเรียกมานั้นยาก
นายวัชรินทร์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่ดำเนินคดีกับใครเพราะเป็นเพียงแค่มีการกล่าวหามาเท่านั้น โดยพนักงานอัยการและคณะทำงานจะต้องพิจารณาว่า ข้อกล่าวหาตามความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 นั้นมีความผิดตามหลักเกณฑ์หรือไม่ หากขั้นตอนในการพิจารณาเสร็จสิ้นว่ามีมูลหรือไม่จะต้องส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาในการสั่งคดี หากอัยการสูงสุดสั่งฟ้องก็จะต้องดำเนินการในการเอาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินการส่งตัวฟ้องต่อศาลและจะต้องส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งจะได้ตัวหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่หากอัยการสูงสุดพิจารณาแล้วไม่เข้าไม่ผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ก็สั่งไม่ฟ้องคดีก็เป็นอันยุติ
ทีมงานยังคำนึงถึงว่าจะนำตัวผู้กระทำความผิดมาได้หรือไม่ ขณะนี้แค่จะพิจารณาสำนวนให้รอบคอบละเอียดที่สุดก่อน ส่วนการจะเชิญใครมาทำการสอบสวนบ้างจะต้องมีการหารือประชุมกันก่อน พนักงานอัยการและพนักงานสอบสวนจะทำงานในการพิจารณาหลักฐานคดีนี้เช่นเดียวกับคดีอาญาทั่วไปเพื่อไม่ให้กดดัน คดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนสนใจคณะทำงานจะใช้ความละเอียดรอบคอบในการพิจารณาและมีปัญหาพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อนำเสนอต่ออัยการสูงสุดว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอหรือไม่อย่างไรในการดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหา
ด้าน พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า ได้มาหารือกับทางอัยการสอบสวนว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรเพิ่มเติมหรือรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องโดยคณะทำงานพนักงานสืบสวนสอบสวน บก.สอท.1 มาร่วมประชุมและหาทางในการปฏิบัติต่อไป จะมาพิจารณาในข้อกฎหมายว่า มีการกระทำความผิดอย่างไร โดยพนักงานสอบสวนพร้อมดำเนินการตามกฎหมายซึ่งเป็นอำนาจของทางอัยการสูงสุด
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ อีกกล่าวว่า สำหรับสำนวนคดีที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีต ผบ.ตร. ร้องเรียนกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวหาเรื่องคลิปเสียงอีกสำนวนหนึ่งนั้นวันนี้ก็จะได้มีการนำมาหารือกับทางอัยการสอบสวนแล้วก็จะส่งสำนวนการสอบสวนภายในสัปดาห์หน้า
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO