โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ไทยรับมือภาษีทรัมป์ พิชัย ดันจ้างงาน ซอฟต์โลน ตั้งศูนย์ช่วย SMEs

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 16 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 19 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สหรัฐเร่งสรุปผลการเจรจาภาษีตอบโต้กับแต่ละประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาประกาศอัตราภาษีที่จะเรียกเก็บกับสินค้านำเข้าของสหราชอาณาจักร 10% , ญี่ปุ่น 15% , สหภาพยุโรป 15% , เกาหลีใต้ 15% , อินโดนีเซีย 19% , ฟิลิปปินส์ 19% , เวียดนาม 20% , อินเดีย 25%

การดำเนินการของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เพื่อต้องการสร้างระเบียบการค้าโลกใหม่ ซึ่งการบังคับใช้ภาษีอัตราใหม่จะเริ่มมีผลในวันที่ 31 ส.ค.2568 โดยที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐประกาศผ่านโซเชียลมีเดีย “ทรูธโซเชียล”

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ข้อเสนอที่ไทยใช้เจรจาต่อรองภาษีกับสหรัฐมีสาระสำคัญ ได้แก่ การลดอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ การเสนอซื้อสินค้าที่ไทยผลิตไม่เพียงพอในประเทศ เพิ่มการลงทุนในสหรัฐ และการแก้ไขอุปสรรคการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers)

“ข้อเสนอที่ไทยได้ยื่นไปคำนึงถึงแนวทางที่เป็นประโยชน์ร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย ผมยังคงใช้คำว่าวิน-วิน ไม่ว่าจะเป็นการลดภาษีนำเข้าอันที่จริงไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะไทยทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศอื่นเกือบทั่วโลก ดังนั้นการลดภาษีนำเข้าให้สหรัฐเพิ่มอีกประเทศจึงไม่แตกต่าง”

สำหรับสินค้าที่ไทยพิจารณานำเข้าจากสหรัฐเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าลดภาษีแล้วต้องซื้อทั้งหมด แต่จะเน้นสินค้าที่ไทยผลิตไม่ได้หรือไม่เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ อีกทั้งการนำเข้าเพิ่มขึ้น และการส่งออกเพิ่มขึ้นจะทำให้ยอดการค้าสูงขึ้น และสัดส่วนการเกินดุลการค้ากับสหรัฐจะลดลง

นอกจากนี้ การลงทุนเพิ่มในสหรัฐได้นำเสนอไปแล้ว และพร้อมสนับสนุนหากสหรัฐสนใจมาลงทุนในไทย ขณะที่ประเทศคู่ค้าอื่นที่ได้อัตราภาษี 15-20% ส่วนใหญ่เสนอเม็ดเงินลงทุนในสหรัฐ 5-6 แสนล้านดอลลาร์นั้น นายพิชัย มองว่าขนาดแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ส่วนไทยเมื่อเทียบกับขนาด และฐานะของประเทศแล้วข้อเสนอไทยดูดีเช่นกัน

ทั้งนี้ จุดสำคัญสุดคือ การแก้ไขอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษี ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องลงรายละเอียดมากเพื่อแก้ปัญหาความล่าช้าของกฎระเบียบที่ซับซ้อน และการอนุมัติล่าช้า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของไทยในเวทีโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่ไทยควรทำอยู่แล้วแม้ไม่มีการเจรจาครั้งนี้

เตรียมมาตรการสู้คู่แข่งขัน

นายพิชัย กล่าวว่า ไม่มีประเทศใดไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงกติกาการค้าครั้งใหม่ ดังนั้น ไทยต้องเตรียมพร้อมและทบทวนสิ่งที่ดำเนินการ โดยต้องเตรียมมาตรการลดต้นทุนการผลิตให้แข่งขันคู่แข่งได้ โดยเฉพาะสำหรับสินค้าที่ไทยต้องพึ่งพาการนำเข้าบางส่วน

รวมทั้ง การเสริมสร้างขีดความสามารถของSME ให้ปรับตัว และแข่งขันได้ และที่สำคัญคือ การแก้ไขกฎเกณฑ์ และกฎระเบียบเพื่อส่งเสริมการค้าให้เกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น

นายพิชัย กล่าวว่า สำหรับภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบ จะมีการพิจารณามาตรการเยียวยาหรือรองรับเป็นรายภาคส่วน ซึ่งอาจรวมถึงการส่งเสริมด้านการลงทุนเพื่อปรับเปลี่ยน และเพิ่มประสิทธิภาพ หรือการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล เพื่อเพิ่มความรวดเร็ว และประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

มั่นใจไทยโดนเก็บภาษีเกณฑ์เดียวกับคู่แข่ง

นายพิชัย ระบุว่า ผลกระทบต่อผู้ประกอบการช่วงที่ผ่านมา เกิดจากความไม่แน่นอนของอัตราภาษี ซึ่งทำให้ผู้ผลิต และผู้ส่งออกชะลอการตัดสินใจ แต่เมื่อมีความชัดเจน และอัตราภาษีอยู่ระดับแข่งขันได้ การดำเนินธุรกิจจะเป็นปกติ โดยสุดท้ายแล้วผู้ได้รับผลกระทบคือ “ผู้ซื้อ” หรือคนอเมริกัน

“หากอัตราภาษีที่ไทยได้รับสูงกว่าคู่แข่งอาเซียนมากก็น่ากังวลว่าอาจกระทบการลงทุน แต่เชื่อมั่นว่าอัตราภาษีไทยจะอยู่เกณฑ์เดียวกับคู่แข่ง”

นายพิชัย กล่าวว่า หลังจากทราบผลการเจรจาภาษีแล้ว กระบวนการถัดไปคือ การนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณา และลงรายละเอียดการดำเนินงานต่อไป ก่อนที่จะเสนอสู่สภาในระยะต่อไป

“พิชัย”เตรียมพร้อมมาตรการรับมือ

ในช่วงค่ำวันที่ 31 ก.ค.2568 นายพิชัย ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาญัตติให้สภาฯ การพิจารณาการออกมาตรการ และดำเนินนโยบายเพื่อรับมือข้อตกลงในการเจรจาอัตราภาษีตอบโต้ระหว่างไทย-สหรัฐ โดยนายพิชัย ระบุว่า รัฐบาลมีมาตรการดูแลผลกระทบจากภาษีทรัมป์

ทั้งนี้ส่วนหนึ่งของแผนที่เตรียมไว้ครอบคลุมงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 157,000 ล้านบาท เพื่อทดแทนเศรษฐกิจที่สะดุดในความไม่ชัดเจนเพื่อให้เกิดการจ้างงาน และการก่อสร้าง โดยปัจจุบันเหลืองบประมาณ 42,000 ล้านบาท ที่ส่วนหนึ่งเตรียมนำมารับมือผลกระทบจากภาษีทรัมป์

ส่วนข้อกังวลต่อผลกระทบที่อาจทำให้อุตสาหกรรมในไทยมีความเสี่ยง ทั้งเรื่องต้นทุนที่แพงขึ้น เกษตรกรที่ไม่เข้มแข็ง ตนมองว่าแม้ไม่มีประเด็นภาษีทรัมป์ ประเทศไทยมีปัญหาหลายด้าน ทั้ง ขีดความสามารถการส่งออก การแข่งขัน การเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี และต้นทุนที่สูง รวมถึงปัญหาเชิงโครงสร้าง ด้านประสิทธิภาพของระบบราชการ กฎที่เป็นอุปสรรค กระบวนการอนุมัติที่ล่าช้า

“จะส่งอะไรมาขายหรือจะซื้ออะไร ได้พิจารณารายละเอียดในราคา และคุณภาพสินค้าที่ไม่สูงกว่าที่อื่น ซึ่งทบทวนแล้วพบว่ามีสินค้าที่ราคาถูกกว่าเมื่อซื้อจากสหรัฐ เช่น ราคาพลังงานน้ำมันที่นำเข้า 90% แอลเอ็นจี 50% รวมถึงสินค้าที่ไทยผลิตไม่พอ เช่น ข้าวโพดที่ไทยผลิตได้ 5 ล้านตัน แต่มีความต้องการ 10 ล้านตัน ดังนั้นต้องนำเข้าเพิ่มเติม ซึ่งมีช่องว่างที่สามารถซื้อจากสหรัฐได้” นายพิชัย กล่าว

“พาณิชย์” ย้ำจุดยืนผลประโยชน์ชาติ

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมพิจารณาข้อเสนอของไทยที่มีข้อมูลครบทุกมิติ โดยมีจุดยืนที่ชัดเจนดูแลประโยชน์ที่เกิดขึ้นต่อภาพรวมประเทศ ซึ่งหลังวันที่ 1 ส.ค.2568 ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม และภาษีจะปรับขึ้น ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะดูแลผู้ประกอบการทุกขนาด รวมถึงการประสานสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) มาเสริมสภาพคล่องเอกชน

นอกจากนี้ ได้หารือนายพิชัย ในการตั้งศูนย์วันสต็อปเซอร์วิสให้คำปรึกษาภาษีสหรัฐที่ศูนย์บริการส่งออกแบบเบ็ดเสร็จ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ โดยมีทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมารวมจุดนี้เพื่อให้คำปรึกษาครบทุกเรื่องแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อม

รวมทั้งกระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอขอใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหลือเพื่อหาตลาดใหม่ และเจรจาการค้าเพื่อรองรับผลกระทบจากการขึ้นภาษี ตลอดจนการทำโครงการไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย เพื่อส่งเสริมบริโภคสินค้าในประเทศทดแทนการส่งออกที่อาจลดลง

“ทีดีอาร์ไอ” ชี้ภาษีทรัมป์กระทบเศรษฐกิจระยะยาว

นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า แม้ปัจจุบันผลกระทบภาษีตอบโต้ของสหรัฐต่อไทยยังไม่ชัดเจน แต่สิ่งที่เห็นคือทุกประเทศที่ส่งสินค้าไปสหรัฐจะเสียภาษีอย่างน้อย 15-20% ซึ่งหวังว่าไทยจะไม่ถูกอัตราภาษีต่างกับค่าเฉลี่ยของประเทศอื่นมากเกินไป

นอกจากนี้ การที่สหรัฐเรียกร้องเปิดเสรีทำให้สินค้าสหรัฐเข้าตลาดแต่ละประเทศมากขึ้น ซึ่งสินค้าจีนมีแนวโน้มไหลเข้าภูมิภาคนี้ และเข้าไทยมากขึ้นจากที่เดิมเข้ามามากอยู่แล้ว

ทั้งนี้ ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของสหรัฐจะกระทบไทยทั้งภาคเกษตร และภาคอุตสาหกรรม ซึ่งทำให้ไทยใช้อุตสาหกรรมการผลิตเพื่อส่งออกเป็นหัวหอกขับเคลื่อนเศรษฐกิจเหมือนอดีตไม่ได้ เพราะสินค้าจำนวนมากจะไหลเข้าประเทศ เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ หรือแม้กระทั่งสินค้าเกษตรจำนวนมากจะเข้ามาขายมากขึ้นโดยไม่ถูกกำแพงภาษีเหมือนอดีต

ดึงจุดแข็งไทยเพิ่มทางรอดเศรษฐกิจไทย

ดังนั้น ทางรอดไทยต้องใช้จุดแข็งเศรษฐกิจด้านอื่น เช่น ภาคบริการที่ไทยทำได้ดีมากในการท่องเที่ยว โดยหากเข้าไปแก้ปัญหาให้การท่องเที่ยวฟื้นตัว และนักท่องเที่ยวคุณภาพเข้ามามากขึ้นจะสร้างการเติบโตในอนาคต

ส่วนเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์หากรัฐบาลต้องการสร้างเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวต้องศึกษาความเป็นไปได้ และศึกษาข้อมูลทุกด้านอย่างละเอียดค่อยเดินหน้า

ส่วนภาคเกษตรและอาหาร ถือเป็นอีกภาคส่วนที่แข็งแรง และต่อยอดเป็นสินค้ามูลค่าสูงเหมือนการเกษตรในญี่ปุ่นที่มีผลิตภัณฑ์ได้รับการยอมรับคุณภาพทำให้ขายราคาสูง เช่น นมฮอกไกโด เนื้อวากิว สตรอว์เบอร์รี โดยใช้เทคโนโลยีการเกษตร และนวัตกรรม ซึ่งลดอุตสาหกรรมแบบพึ่งพาการส่งออกได้

นอกจากนี้การบริการทางสุขภาพที่ไทยมีจุดขายเป็นศูนย์กลางทางสุขภาพ และการแพทย์ภูมิภาค แต่ต้องระวังไม่ให้การให้บริการทางสุขภาพสร้างการกระจุกตัวของการรักษาพยาบาลคุณภาพดีเฉพาะในเขตพื้นที่เมือง

“ภาษีทรัมป์ทำให้ไทยต้องเผชิญความไม่แน่นอน และมีการเปลี่ยนแปลงจากภายนอก คนไทยจำนวนมากจะทำมาหากินแบบเดิมไม่ได้ เพราะบริบทเปลี่ยนแปลงไปต้องมีทักษะใหม่รองรับกับการเปลี่ยนแปลง และผลกระทบที่จะเกิดขึ้น”

สร้างระเบียบการค้าโลกใหม่

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศข้อตกลงการค้าหลายฉบับก่อนเส้นตาย 1 ส.ค.2568 มาถึงด้วยหวังสร้างระเบียบการค้าโลกใหม่

เมื่อวันพุธ (30 ก.ค.68) ตามเวลากรุงวอชิงตัน ทรัมป์ประกาศผ่านทรูธโซเชียล

จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากอินเดียในอัตรา 25% มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.โดยให้เหตุผลว่าอินเดียมีภาษีนำเข้าในอัตราสูง มีอุปสรรคทางการค้าที่เข้มงวด และยังเป็นประเทศที่ซื้อทั้งพลังงานและยุทโธปกรณ์จากรัสเซียทั้งที่สหรัฐเคยเตือนไปแล้ว พร้อมชี้ช่องว่าอาจจะดำเนินมาตรการลงโทษเพิ่มเติมในเรื่องนี้

ทรัมป์ระบุว่า อินเดียเป็นประเทศที่มีอัตราภาษีนำเข้าสูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลกและยังมี “อุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (NTB) ที่เข้มงวดและน่ารำคาญที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ”

ต่อมาทรัมป์ประกาศว่า ได้บรรลุข้อตกลงการค้า“ฉบับสมบูรณ์” กับเกาหลีใต้กำหนดอัตราภาษีนำเข้าแบบเหมารวมสำหรับสินค้าส่งออกของเกาหลีใต้ไปยังสหรัฐไว้ที่ 15% จากที่เคยขู่ไว้ 25% ในจดหมายแจ้งอัตราภาษีที่ส่งถึงรัฐบาลโซลเมื่อต้นเดือนก.ค.

ภาษีนำเข้าทองแดง 50% จากทั่วโลก

ในวันเดียวกันทรัมป์ยังลงนามคำสั่งขึ้นภาษีนำเข้าทองแดง 50% จากทั่วโลก เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 1 ส.ค. นับเป็นสินค้าเซ็กเตอร์ล่าสุดที่ถูกเรียกเก็บภาษีต่อจากรถยนต์ และเหล็กกับอะลูมิเนียม หลังจากที่เคยมีคำสั่งให้กระทรวงพาณิชย์สอบสวนเรื่องการขึ้นภาษีด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงภายใต้มาตรา 232ไปแล้วก่อนหน้านี้

การขึ้นภาษีนำเข้าทองแดงในครั้งนี้ จะครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์ทองแดงกึ่งสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ใช้ทองแดงปริมาณมาก รวมถึงผลิตภัณฑ์ทองแดงบางรายการ เช่น ท่อทองแดง สายไฟ แท่งทองแดง สายเคเบิล ขั้วต่อ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

อย่างไรก็ดี ภาษีนี้จะยกเว้นให้กับสินค้าทองแดงบางประเภท เช่น เศษทองแดงและวัสดุนำเข้าทองแดง รวมถึงทองแดงบริสุทธิ์ (Refined Copper) ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ ส่งผลให้ราคาทองแดงร่วงลงอย่างหนักเป็นประวัติการณ์และจะทำให้ผู้ค้าที่เร่งตุนสินค้าก่อนหน้านี้ต้องขาดทุนไปตามๆ กัน

ไม่เพียงเท่านั้นสหรัฐกำลังจะยกเลิกการยกเว้นกฎ de minimis ที่อนุญาตให้สินค้าเชิงพาณิชย์มูลค่าต่ำสามารถส่งเข้ามาในสหรัฐได้โดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า

ภายใต้คำสั่งที่ลงนามโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. เป็นต้นไป พัสดุเชิงพาณิชย์ที่มีมูลค่า 800 ดอลลาร์หรือต่ำกว่า ที่ถูกส่งมายังสหรัฐโดยไม่ผ่านระบบไปรษณีย์ระหว่างประเทศ จะต้องถูกเก็บภาษีนำเข้าทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ กฎหมายภาษี และการใช้จ่ายฉบับใหม่ที่ทรัมป์เพิ่งลงนามไป ยังได้ยกเลิกพื้นฐานทางกฎหมายทั้งหมดที่เคยสนับสนุนการยกเว้นภาษีแบบ “de minimis” ทั่วโลก โดยการเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลบังคับใช้อย่างสมบูรณ์ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2570

พิสูจน์อักษร….สุรีย์ ศิลาวงษ์

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

ดาวโจนส์เปิดตลาดร่วงลงแรง จ้างงานสหรัฐต่ำ กำแพงภาษีทรัมป์ฉุด

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

GULF มอบ 18 ล้าน หนุนรพ.จุฬาฯ หาเทคโนโลยีส่องกล้อง ทำลายเนื้องอกตับอ่อนไร้แผล

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สมาพันธ์ปศุสัตว์ มองสัญญาณบวก ภาษีสหรัฐเหลือ 19 % มุ่งเดินหน้า การค้า2 ประเทศ

6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

'ผู้ตรวจการแผ่นดิน' ชงสภาฯ แก้ พ.ร.บ.ปิดช่องโหว่ นอมินีต่างชาติ

7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

“ประสิทธิ์” ซีอีโอ CPF ชื่นชม “ทีมไทยแลนด์” ปิดดีลภาษีสหรัฐ 19% มั่นใจเสริมศักยภาพแข่งขัน

ข่าวหุ้นธุรกิจ

3 ยักษ์ใหญ่ขนส่ง Flash Express & SCGJWD & ไปรษณีย์ไทย ผนึกจุดแข็ง ส่ง Fuze Post บุกตลาด Cold Chain

สยามรัฐ

“ดาวโจนส์” รูด 700 จุด วิตกจ้างงานสหรัฐ ซบเซา-ทรัมป์รีดภาษี กดดันเศรษฐกิจโลก

ข่าวหุ้นธุรกิจ

“ตลท.”คุมชอร์ตเซล THAI หลังรีซูมเทรด 4 ส.ค.! รอประเมินความผันผวน-สภาพคล่อง

ข่าวหุ้นธุรกิจ

STECON คว้า 2 โปรเจกต์ “มอเตอร์เวย์ M7-ก่อสร้างถังเก็บน้ำ” รวมมูลค่า 3.6 พันล้าน

ข่าวหุ้นธุรกิจ

ภาษี Reciprocal 19% จากสหรัฐฯ แม้กระทบส่งออกมอเตอร์ไซค์ไทยบางรุ่น แต่คาดยังโตได้ 28%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

จีนให้เงินอุดหนุนค่าเลี้ยงบุตรทั่วประเทศเป็นครั้งแรก เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย และสนับสนุนการมีบุตรของประชากร

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

ไทยบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ได้รับอัตราภาษีฯ ดีขึ้นที่ 19% หนุนมุมมองเศรษฐกิจไทยปี 2568 โต 1.5%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...