ภาษี Reciprocal 19% จากสหรัฐฯ แม้กระทบส่งออกมอเตอร์ไซค์ไทยบางรุ่น แต่คาดยังโตได้ 28%
• ภาษีศุลกากรตอบแทน (Reciprocal Tariff) 19% ที่ไทยได้รับ คาดกระทบต่อการส่งออกมอเตอร์ไซค์ไปสหรัฐฯ เป็นบางรุ่น โดยรุ่นที่อาจเผชิญการแข่งขันมากขึ้น คือ รุ่นขนาดมากกว่า 800 ซีซี และรุ่นขนาดมากกว่า 90 ซีซี แต่ไม่เกิน 190 ซีซี
• ทว่า มอเตอร์ไซค์ส่งออกจากไทยราว 56% ไปสหรัฐฯ ยังแข่งขันด้านราคาได้แม้โดนเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกมอเตอร์ไซค์ปี 2568 คาดว่าจะยังคงขยายตัว 28% (YoY) แม้มีประเด็นภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้น
ไทยเป็นฐานส่งออกมอเตอร์ไซค์โลกอันดับ 5 โดยมีสหรัฐฯ เป็นตลาดหลัก
ปัจจุบัน ไทยอยู่ในสถานะประเทศส่งออกมอเตอร์ไซค์อันดับ 5 ของโลก (ตามมูลค่าส่งออก) ซึ่งปี 2567 ที่ผ่านมาสามารถส่งออกไปถึง 99 ประเทศทั่วโลก โดยมีสหรัฐฯเป็นประเทศที่ไทยส่งออกไปเป็นอันดับ 1 ด้วยมูลค่าส่งออกรวมช่วง 5 เดือนแรกของ ปี 2568 ที่ประมาณ 258 ล้านดอลลาร์ฯ หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 21% ของมูลค่าการส่งออกมอเตอร์ไซค์รวมของไทยที่ 1,220 ล้านดอลลาร์ฯ (รูปที่ 1) โดยรุ่นมอเตอร์ไซค์ที่ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ มากที่สุด คือ มอเตอร์ไซค์รุ่นขนาดมากกว่า 250 ซีซี แต่ไม่เกิน 500 ซีซี (รูปที่ 2)
Reciprocal Tariff กระทบต้นทุนส่งออก แต่มอเตอร์ไซค์ไทยยังพอแข่งได้
หลังการเจรจา สหรัฐฯประกาศเก็บภาษีนำเข้าแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariff) กับไทย 19% ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 ทำให้ต้นทุนมอเตอร์ไซค์ไทยเฉลี่ยที่ส่งไปสหรัฐฯเพิ่มขึ้นทันที ซึ่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งหลักสำหรับการส่งออกมอเตอร์ไซค์ไปสหรัฐฯ ในแต่ละรุ่น เช่น ญี่ปุ่น จีน ประเทศกลุ่มอียู และอินโดนีเซียแล้ว (รูปที่ 3) พบว่า อัตราภาษีนำเข้าของไทยหลังโดนภาษีนำเข้าแบบตอบโต้อยู่ในระดับที่สูงกว่าคู่แข่งหลักส่วนใหญ่ยกเว้นจีน (ตารางที่ 1)
โดยผลในภาพรวมหลังราคานำเข้ามอเตอร์ไซค์จากไทยของสหรัฐฯ ถูกปรับสูงขึ้นจากภาษีนำเข้าใหม่ (รูปที่ 4) พบว่าส่วนใหญ่น่าจะยังแข่งขันได้ดี แต่ก็มีบางรุ่นที่คาดว่าจะต้องเผชิญปัญหาการแข่งขันเพิ่มขึ้นจากปัจจัยลบต่าง ๆ ดังนี้
- มอเตอร์ไซค์รุ่นที่คาดว่าน่าจะยังแข่งขันได้ดี คือ รุ่นขนาดมากกว่า 250 ซีซี แต่ไม่เกิน 800 ซีซี (56% ของมูลค่ามอเตอร์ไซค์ส่งออกจากไทยไปสหรัฐฯ)
- เนื่องจากราคานำเข้าใหม่หลังรวมภาษีนำเข้าแบบตอบโต้ พบว่ายังต่ำกว่าญี่ปุ่นซึ่งเป็นคู่แข่งหลักประมาณ 23% - 32% ขณะที่ของจีนแม้จะมีราคานำเข้าต่ำกว่า แต่ผู้ซื้อมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่าราคา ทำให้มอเตอร์ไซค์จากไทยซึ่งโดยหลักเป็นยี่ห้อตะวันตกและญี่ปุ่นได้รับความนิยมมากกว่า (สังเกตจากที่ผ่านมาจีนมีส่วนแบ่งมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ในตลาดนำเข้าของสหรัฐฯเพียง 8% ตรงข้ามกับไทยที่มีส่วนแบ่ง 38%)
- มอเตอร์ไซค์รุ่นที่คาดว่าจะต้องเผชิญปัญหาการแข่งขันเพิ่มขึ้นจากปัจจัยลบต่าง ๆ คือ รุ่นขนาดมากกว่า 800 ซีซี และรุ่นขนาดมากกว่า 90 ซีซี แต่ไม่เกิน 190 ซีซี (27% และ 9% ของมูลค่ามอเตอร์ไซค์ส่งออกจากไทยไปสหรัฐฯ ตามลำดับ)
- รุ่นขนาดมากกว่า 800 ซีซี พบราคานำเข้าจากไทยขยับสูงขึ้นกว่าญี่ปุ่นคู่แข่งสำคัญ แม้ที่ผ่านมาจะเคยต่ำกว่า ทำให้มอเตอร์ไซค์ที่สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยรุ่นนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยี่ห้อตะวันตก อาจต้องเจอการแข่งขันมากขึ้นจากมอเตอร์ไซค์นำเข้าจากญี่ปุ่น
- รุ่นขนาดมากกว่า 90 ซีซี แต่ไม่เกิน 190 ซีซี พบราคานำเข้าจากไทยหลังขึ้นภาษีสูงกว่าผู้นำตลาดอย่างจีนถึง 3 เท่า อาจทำให้กลุ่มผู้ซื้อที่มีความอ่อนไหวต่อราคาสูงหันไปซื้อมอเตอร์ไซค์จีนมากขึ้นได้ อย่างไรก็ดี มอเตอร์ไซค์นำเข้าจากไทยรุ่นนี้ส่วนใหญ่เป็นยี่ห้อญี่ปุ่นซึ่งคู่แข่งทางตรงคืออินโดนีเซียที่ราคาสหรัฐฯนำเข้ายังสูงกว่าไทย จึงอาจส่งผลให้มีการนำเข้าจากไทยเพิ่มขึ้นและชดเชยส่วนแบ่งตลาดที่ไทยเสียไปให้จีนได้บ้าง
คาดการณ์มูลค่าส่งออกมอเตอร์ไซค์ไทยไปสหรัฐฯยังขยายตัว 28%
จากผลของการที่สหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariff) กับไทยดังกล่าว แม้มอเตอร์ไซค์ไทยจะได้รับผลกระทบในบางรุ่น แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่ามูลค่าการส่งออกมอเตอร์ไซค์จากไทยไปยังสหรัฐฯในปี 2568 จะยังคงเพิ่มขึ้นประมาณ 28% (YoY) คิดเป็นมูลค่า 523 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยนอกจากจะเป็นผลมาจากการเร่งส่งออกในช่วงก่อนถึงกำหนดเริ่มเก็บภาษีตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2568 แล้ว ยังมีประเด็นที่บางยี่ห้อเพิ่งย้ายฐานผลิตเพื่อส่งออกมอเตอร์ไซค์ขนาดมากกว่า 800 ซีซี บางรุ่นมาไทยในช่วงปลายปีก่อน จึงทำให้ปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในปีนี้ อย่างไรก็ดี การส่งออกมอเตอร์ไซค์จากไทยไปสหรัฐฯ ยังมีประเด็นที่ต้องติดตามต่อในอนาคต ดังนี้
- หลังการเปิดใจยอมรับมอเตอร์ไซค์ราคาถูกจากจีนในสหรัฐฯมากขึ้น โดยเฉพาะในรุ่นขนาดมากกว่า 250 ซีซี แต่ไม่เกิน 800 ซีซี ที่ปัจจุบันแม้จีนจะมีส่วนแบ่งตลาดนำเข้าของสหรัฐฯเพียง 8% แต่เมื่อพิจารณาถึงการเติบโตของการนำเข้ามอเตอร์ไซค์จีนรุ่นนี้ของสหรัฐฯ ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 กลับพบว่าเติบโตถึง 77% (YoY) ขณะที่ไทยซึ่งเป็นผู้นำตลาดเติบโตเพียง 5% (YoY)
- การแข่งขันกับมอเตอร์ไซค์ที่ผลิตเองในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น เมื่อราคานำเข้าจากไทยแพงขึ้น โดยเฉพาะรุ่นใหญ่ขนาดเกิน 800 ซีซี อาจเป็นปัจจัยกดดันให้มอเตอร์ไซค์ที่ผลิตจากไทยส่งไปต้องขยับราคาขายขึ้นเข้าใกล้มอเตอร์ไซค์ที่ผลิตเองในสหรัฐฯ ส่งผลให้ผู้บริโภคมีโอกาสเปลี่ยนขยับไปซื้อรุ่นที่ผลิตในประเทศมากขึ้น อย่างไรก็ดี ประเด็นนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของค่ายมอเตอร์ไซค์ในการตั้งราคาขายของมอเตอร์ไซค์แต่ละรุ่นด้วย ทั้งที่นำเข้าจากไทยและผลิตในประเทศ