'แรงงานกัมพูชา'กลับประเทศ โจทย์ใหญ่รัฐบาลต้องแก้เกม
สถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างและดูเหมือนยังไม่มีทีท่าจะสงบลงในเร็ววัน หนึ่งในปมปัญหาใหญ่ที่ไม่ควรมองข้าม แรงงานกัมพูชาเดินทางกลับประเทศจำนวนมาก รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยเร็ว
เนื่องจากงานยังค้างอยู่เป็นจำนวนมากเห็นได้จาก ภาคเกษตร การเก็บเกี่ยวลำไยในจังหวัดจันทบุรี เพียงจังหวัดเดียว ขาดแรงงาน มากถึงกว่า 3 หมื่นคน ที่นายจ้างต้องเพิ่มค่าจ้างเป็นแรงจูงใจทั้งแรงงานไทย
รวมถึงประเทศอื่นทดแทนและลุกลามไปยังแรงงานภาคอุตสาหกรรม ภาคผลิต ส่งออก ประมง ภาคก่อสร้าง ภาคเกษตร รวมถึงบริการ ซึ่งภาคเอกชนมองว่า ต้องการให้รัฐ ลดขั้นตอนต่างๆ ลงเพื่อแก้วิกฤต ปรับโครงสร้างแรงงานต่างชาติใหม่เข้ามา และพัฒนาทักษะ ให้เทียบเท่าหรือใกล้เคียงกลุ่มแรงงานเก่าที่ทยอยออกไป
แม้ว่านายภูมิธรรม เวชยชัยรักษาการนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงนามขยายเวลา อนุญาต แรงงานกัมพูชาอยู่ไทยได้ 6 เดือน โดยไม่ต้องข้ามแดนไปต่ออายุ ด้วยเหตุผลมนุษยธรรม และเผยแพร่ในเว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษาที่ผ่านมา เพื่อเป็นแรงจูงใจ
ในทางตรงกันข้ามการเดินทางกลับของแรงงานชาวกัมพูชารอบนี้ไม่ธรรมดาเพราะเป็นช่วงศึกสงครามความไม่สงบระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งพวกเขามีความเกรงกลัวต่อผู้นำกัมพูชา ที่ออกนโยบายข่มขู่ยึดบ้านยึดที่ดินอาจมีผลถึงคนในครอบครัว จึงเป็นเหตุให้กลุ่มคนเหล่านี้ต้องแห่เดินทางกลับบ้าน หากจะเดินทางกลับทำงานใหม่ย่อมยากขึ้น
โจทย์ใหญ่ของรัฐบาล ปรับโครงสร้างแรงงานทั้งระบบของไทย ที่ต้องเร่งแก้ไขจุดอ่อน คือ
1.ขาดยุทธศาสตร์แรงงานระยะยาว เนื่องจากระบบแรงงานไทยยังเน้น “การนำเข้าแรงงานต่างชาติแบบเร่งด่วน” มากกว่า “การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์” เช่น ประเทศเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น หรือแม้แต่เวียดนาม ที่เริ่มมีการวางแผนระยะยาวเพื่อจ้างแรงงานต่างชาติในภาคส่วนที่ขาดแคลน พร้อมระบบฝึกอบรมภาษาหรือทักษะที่ชัดเจน
2. ระบบเอกสาร-ขั้นตอนราชการล้าหลัง ปัจจุบันแรงงานกัมพูชาที่จะเข้ามาทำงานในไทยต้องผ่านกระบวนการที่ซับซ้อน ทั้งผ่านนายหน้า เอกสารวีซ่า พาสปอร์ต การขึ้นทะเบียน และการต่ออายุที่มีต้นทุนสูง ซึ่งผลักภาระไปที่แรงงานจน “ไม่คุ้มอยู่” ขณะที่แรงงานผิดกฎหมายกลับหาทางลัดได้ง่ายกว่าในหลายกรณี
3. ช่องว่างค่าจ้าง และสวัสดิการไม่เป็นธรรม แรงงานต่างด้าวในไทยยังเผชิญปัญหาค่าจ้างต่ำ ไม่มีสวัสดิการ หรือเข้าถึงประกันสังคมได้เพียงบางส่วน แม้จะทำงานเทียบเท่าหรือหนักกว่าแรงงานไทยในหลายกรณี ปัญหานี้ส่งผลให้แรงงานรู้สึกว่าไทยไม่ใช่ “บ้านหลังที่สอง” แต่เป็นเพียงทางผ่าน
4. การพึ่งพาแรงงานราคาถูกอย่างไม่มีแผนสำรองไทยยังคงพึ่งพาแรงงานจากเพื่อนบ้านในภาคการผลิต การก่อสร้าง และการบริการจำนวนมาก โดยไม่มีแผนพัฒนาแรงงานภายในประเทศเพื่อทดแทนในระยะยาว เช่น การส่งเสริมเทคโนโลยี การอัตโนมัติ หรือการยกระดับแรงงานไทยเองให้มีทักษะสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทางออกเชิงระบบ ที่จะช่วยให้มีแรงงานในระบบที่ดี 1.ตั้ง “ศูนย์บริหารแรงงานข้ามชาติ” ที่รวมศูนย์จากหลายหน่วยงาน บูรณาการการออกใบอนุญาต ตรวจคนเข้าเมือง สวัสดิการแรงงาน และการประสานกับประเทศต้นทาง
2.ยกระดับสวัสดิการและคุณภาพชีวิตแรงงานต่างด้าวส่งเสริมให้แรงงานต่างด้าวเข้าสู่ระบบประกันสังคมแบบเต็มรูปแบบ มีสิทธิ์รักษาพยาบาล และที่พักอาศัยที่ได้มาตรฐาน
3.ใช้เทคโนโลยีบริหารจัดการแรงงานจัดทำระบบทะเบียนแรงงานดิจิทัล ตรวจสอบสถานะออนไลน์ ลดบทบาทนายหน้า
4.ทำข้อตกลงระดับรัฐกับประเทศต้นทางสร้าง MOU ที่จริงจังและยืดหยุ่น รวมถึงพัฒนา “โครงการแรงงานหมุนเวียน” (Circular Migration Program)
และ5.วางแผนพัฒนาทักษะแรงงานไทยทดแทนปรับหลักสูตรอาชีวศึกษา สนับสนุนเทคโนโลยี และลดการพึ่งแรงงานราคาถูกในระยะยาว
แรงงานกัมพูชากลับบ้าน แม้ไม่มีผลกระทบมากนัก เพราะสามารถหาแรงงานทดแทน พัฒนาทักษะได้ แต่เป็นบทเรียนครั้งสำคัญที่เตือนไทยว่าต้องเตรียมความพร้อมและปรับโครงสร้างแรงงานคนต่างชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
วิเคราะห์ หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,123 วันที่ 17 - 20 สิงหาคม พ.ศ. 2568