“โอปอล สุชาตา” ดีใจกลับไทยแม้เพียง 7 วัน ลุยโครงการ Opal For Her เตรียมทัวร์ยาวต้องดูแลตัวเองให้เฟรซอยู่เสมอ
“โอปอล สุชาตา” บินกลับไทย ลุยโครงการ Opal For Her สร้างความตระหนักรู้เรื่องมะเร็งเต้านม กระจายข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ดีใจได้กลับเมืองไทย แม้แค่ 7 วันก็ตาม โอดไปต่างประเทศ 1 เดือน แต่รู้สึกนานมาก แฮปปี้ได้ใช้เวลากับคุณแม่ เตรียมไปคุยงานต่อที่อินเดีย รับรอบนี้ทัวร์ยาว พยายามดูแลตัวเองให้เฟรซอยู่เสมอ
เพิ่งกลับจากการปฏิบัติภารกิจในสหราชอาณาจักร “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” มิสเวิลด์ 2025 ก็สานต่อพันธกิจ ลุยงานต่อทันทีกับโครงการ Opal For Her เพื่อรณรงค์สร้างความตระหนักรู้เรื่องมะเร็งเต้านม และกระจายข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้ผู้คนได้กว้างขวาง พร้อมอยู่เคียงข้างผู้ป่วยแบบสุดพลัง
โดยวันนี้ (16 ส.ค.) โอปอลได้ร่วมมือกับมูลนิธิกาญจนบารมี เพื่อสานต่อโครงการพระราชดำริด้านสาธารณสุขของในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่ทรงให้การดูแลผู้ป่วยมะเร็งทั่วประเทศ โดยมุ่งเน้นช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ขาดโอกาส ผ่านการให้บริการตรวจคัดกรองด้วยรถตรวจมะเร็งเต้านมเคลื่อนที่ พร้อมเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการป้องกัน การตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มแรก และแนวทางการรับมือ ซึ่งโอปอลเผยถึงการมาร่วมงานในครั้งนี้
“ดีใจค่ะ เป็นครั้งแรกที่ได้มาร่วมงาน ศึกษาดูงานของกาญจนบารมี ดีใจมากๆ คิดว่าเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยแทกโก้มะเร็งเต้านมในประเทศไทย
วันนี้หลักๆ นอกจากมาให้กำลังใจทุกคน อยากจะขอบคุณทุกๆ ท่าน ที่มา เพราะว่าด้วยความที่เราทำโครงการ ก็รูสึกดีใจมากๆ ที่หลายๆ ท่านสนใจมาตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม แล้วก็อยากมาศึกษาว่าเป็นยังไง มีอะไรที่เราสามารถช่วยเหลือได้บ้าง หรือมีอะไรที่เราสามารถนำไปบอกเล่าหรือแชร์กับประเทศต่างๆ ที่เขาจะเดินทางไปได้บ้างค่ะ
เรื่องมะเร็ง จริงๆ ส่วนตัวปอลเองเรารู้สึกมาตั้งแต่ 5 ปีก่อนที่เราต้องผ่าตัดก้อนเนื้อ ปอลมองว่ามันใกล้ตัวมาตลอดสำหรับเรา เพียงแค่ว่าใกล้ตัวในเรื่องการได้ยินและการรับรู้ แต่ไม่ได้ใกล้ตัวในเรื่องการป้องกัน การตรวจสอบ และการรักษา ตอนนี้ด้วยสภาพแวดล้อม ด้วยอาหารการกิน ด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป มันทำให้มะเร็งเกิดขึ้นในหลายคนมากขึ้น โดยเฉพาะสิ่งสำคัญคือเกิดขึ้นกับคนที่อายุน้อยมากขึ้น เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ที่คนต้องรู้มากขึ้นเกี่ยวกับโรคนี้ ทั้งความเป็นไปได้ในการรักษาให้หายขาด เพราะตอนนี้วิวัฒนาการทางการแพทย์ของประเทศเราก็ดีมากๆ เหลือแค่การบอกต่อกระจายข่าว และเรื่องการป้องกัน คอยหมั่นเช็กตัวเองค่ะ”
ชี้ทุกครอบครัวมีคนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง อยากให้ใส่ใจสุขภาพ และปรับมายด์เซ็ตเรื่องมะเร็ง ไม่ใช่เรื่องไกลตัว
“ความจริงหลักๆ เริ่มจากการใส่ใจสุขภาพ อาจปรับมายด์เซ็ตให้ตัวเองและคนรอบข้าง อย่างที่บอกมันไม่ใช่เรื่องไกลตัว คนเราได้ยินมาตลอดทั้งชีวิตว่ามะเร็งๆ ปอลเชื่อว่าหลายๆ ครอบครัว แทบทุกครอบครัวมีสมาชิกในครอบครัวที่เสียไปด้วยโรคมะเร็งเยอะ แต่เราไม่เคยมีความรู้ที่ใกล้ตัวว่าจะป้องกันยังไง รักษายังไง เราไม่เคยป้องกัน หรือตรวจเช็กตัวเอง รับทราบข่าวสารว่าต้องรักษายังไง ต้องไปที่ไหน ต้องเริ่มกระบวนการขั้นตอนยังไง อยากให้ทุกคนศึกษาและใส่ใจข้อมูลและสุขภาพตัวเองมากขึ้น ส่วนโอปอลก็จะเป็นอีกหนึ่งแหล่งที่จะกระจายข่าวไปทำกิจกรรมหลายๆ อย่างให้ทุกคนได้ทราบว่ามีที่ไหนที่ทุกคนสามารถไปได้ ไปตรวจได้ ไปรักษาได้ ก็ขอให้ทุกคนติดตามโอปอลทางนึงก็ได้ค่ะ
เรื่องความกลัว ทุกคนมีอยู่แล้ว แม้กระทั่งโอปอลก็กลัวตอนเราเจอเนอะ แต่ถ้าไม่กลัวก็ไม่มีพลังก้าวข้ามผ่านไปได้ อยากให้ไว้ใจบุคลากรทางการแพทย์และวิวิวัฒนาการทางการแพทย์ของเรา รวมถึงบุคลากร และทุกๆ สายที่พยายามอย่างสุดความสามารถ เพื่อให้การรักษาเข้าถึงทุกคน ความจริงก็ต้องใช้ความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ ภาคองค์กรเองที่จะจัดสรร หน่วยคัดกรองต่างๆ หรือการรักษาต่างๆ ต้องขอความร่วมมือจากประชาชนด้วย หมั่นใส่ใจตัวเอง เมื่อไหร่ที่เกิดความผิดปกติใดๆ ให้รีบไปหาหมอ หรือรีบตรวจเช็ก ตรงนี้ก็จะช่วยได้ ทำให้โอกาสในการรักษาหายขาดสูงขึ้น ฉะนั้นไม่ต้องกลัว”
ไม่ใช่ประเทศไทยแค่ประเทศเดียว ที่เผชิญเรื่องนี้
“จริงๆ ทั่วโลกนะ ไม่ใช่สาวไทย ตอนโอปอลไปทัวร์ เราก็เห็นเหมือนกันว่าไม่ใช่ประเทศเราที่ประสบปัญหาด้านนี้ ประเทศอื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการรักษา หรือการเข้าถึง ประเทศไทยมีผู้หญิงเยอะมากๆ เหมือนกนที่ต้องซัฟเฟอร์กับโรคมะเร็งเต้านม ฉะนั้นเราอยากกระจายข่าว ไม่ใช่แค่ในไทย ในต่างประเทศด้วย การที่โอปอลเป็นกาวเชื่อมระหว่างประเทศไทยกับหลายๆ ประเทศที่กระจายข่าวในเรื่องการรักษา หรือข้อมูลต่างๆ ช่วยให้คนมาสนใจมากขึ้น ก็หวังว่าจะช่วยลดขนาดปัญหา และเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดมากขึ้น”
มะเร็งมีโอกาสหายขาด
“คำว่าหายขาดกับมะเร็ง มันมีโอกาสค่ะ เมื่อกี้ได้คุยกับประธานมูลนิธิ เหมือนที่โอปอลได้คุยกับคุณหมอหลายๆ ท่าน สิ่งที่เราเจอ เปอร์เซ็นต์ในการรักษาหายขาด มันลดลงไปเยอะมาก ถ้าเราเจอช่วงแรกโอกาสในการรักษาหายขาดจะมีถึง 80-90 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเราเจอช้าหรือเจออะไรผิดปกติ แต่ไม่รีบเช็ก อาจทำให้โอกาสลดฮวบลงไปหลายสิบเปอร์เซ็นต์เลยก็ได้”
ตื่นเต้นและภูมิใจกับวิวิวัฒนาการเทคโนโลยี การคิดค้นยาของแต่ละสถาบันที่เกี่ยวกับมะเร็ง
“ตื่นเต้นค่ะ ก่อนโอปอลมาที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ได้เข้ามาอัปเดตกับคุณหมอกฤษณ์ เราก็มีไปที่อังกฤษ ที่เวลส์ สก็อตแลนด์ ไปดูศูนย์วิจัย และรพ.ของเขาที่เกี่ยวกับด้านมะเร็งโดยเฉพาะ มันมีหลายๆ อย่างที่เทคโนโลยีเขาไปไกล เราก็บอกว่าขอฉันกลับไปเช็กที่บ้านฉันก่อนนะ ว่ามีอะไรบ้าง เผื่อเราจะมาแชร์ร่วมกัน เรากลับไปครั้งหน้าจะได้สานต่อร่วมกันได้มากขึ้น
พอเรากลับมาก็ว้าวมากๆ กับหลายอย่างที่บุคลกากรและหลายภาคส่วนทำงานร่วมกัน เพื่อสรรสร้างให้ประชาชน ตอนไปสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ว้าวมาก เพราะวันที่ 1 เขาเพิ่งเปิดตัวมาว่ามีการคิดค้นยา ที่โอปอลไปสองที่ หลักๆ คือการรักษาโดยใช้วิธีการปรับเปลี่ยนเซลล์ อิมมูนซิสเต็ม ดูแลเวลาร่างกายเราเกิดปัญหาอะไร คล้ายๆ เม็ดเลือดขาว เป็น Immunotherapy เอามารักษา ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนให้เซลล์อิมมูนของเรา อยู่ร่วมกับเซลล์มะเร็งได้ หรือสามารถดักจับเซลล์มะเร็งได้ หรือจะเป็นการปรับเปลี่ยนเซลล์อิมมูนซิสเต็มเราไปให้เป็นยา ก็จะมีหลายอย่างที่เขาพยายามเวิร์กออนกันอยู่ แล้วเราก็เห็นว่ามันมาไกลมาก ก็รู้สึกภูมิใจและดีใจมากๆ อยากให้ทุกคนได้รับรู้ว่ามันมีสิ่งนี้เพื่อทุกคน และหวังว่าในอนาคตทุกคนจะสามารถเข้าถึงได้ค่ะ”
โอดไปต่างประเทศ 1 เดือน แต่รู้สึกนานมาก ดีใจได้กลับเมืองไทย แม้แค่ 7 วันก็ตาม
“ดีใจ รอบนี้กลับมา 7 วันเองค่ะ ไม่นานมาก จริงๆ รอบนี้ไปแค่ 1 เดือนเอง แต่รู้สึกไปนานมาก (หัวเราะ) ตั้งแต่ออกจากไทยหลังโฮมคัมมิ่ง ก็ไปอินโดนีเซีย แล้วก็ไปแอฟริกา อังกฤษ สก็อตแลนด์ เวลส์ แล้วในอังกฤษเน้นไปทัวร์เมือง หลายที่อยู่ ด้วยระยะเวลา 1 เดือนก็อัดๆ กัน ได้ทำหลายอย่าง มีทั้งเรื่องมะเร็งที่เราสนใจด้วย และได้เรียนรู้มากขึ้นว่าเขากำลังทำงานอะไร พอเราเห็นงานวิจัยที่โน่นแล้วกลับมาที่บ้านเรา เราก็เหมือนเข้าใจมากขึ้นว่าวิธีการรักษาของเขาเป็นยังไง เราได้เรียนรู้การเพาะเซลล์ของที่โน่นมา ดีใจที่เราได้เข้าใจมากขึ้น แล้วก็สนุกค่ะ
การเดินทางไปในฐานะมิสเวิลด์ เราเสียงดังขึ้น ก็เป็นอย่างที่คิดนะคะ แน่นอนความสนใจมันมากขึ้น คนให้ความสนใจมากขึ้น คนสนับสนุนในสิ่งที่เราทำมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประชาชนด้วยกันเอง หรือผู้ใหญ่หลายๆ ฝ่าย เหมือนเปิดโอกาสให้เราได้เข้าไปเรียนรู้ ผู้ใหญ่หลายๆ ท่านที่ปอลได้เข้าไปพูดคุย ก็ไม่ใช่ทุกคนจะได้มีโอกาสพูดคุย ท่านสละเวลามาให้ ปอลก็ดีใจที่เป็นตัวแทนไปพูดคุยแทนทุกคน และได้บอกกล่าวให้ทราบกันทั่วถึง ถึงวิวัฒนาการการรักษามะเร็งในปัจจุบัน
การเดินทางก็อาจมีการปรับตัว ทุกที่ที่ไปเขามีเคาท์เจอร์ของเขา มีแนวทางการใช้ชีวิตของเขา ซึ่งเราก็อาจต้องปรับนิดนึง อาจใช้เวลาในการทำความรู้จักคนท้องถิ่นนิดนึง ที่ไหนที่เราไประยะสั้นก็อาจใช้วิธีการสังเกตการณ์เยอะๆ หน่อย เพื่อที่เราจะได้เข้าใจ อยู่กับเขาให้เขารู้สึกว่าเราก็เข้าใจเคาท์เจอร์เขาเนอะ แต่ถ้าที่ไหนที่พอได้ใช้เวลาอยู่สักอาทิตย์ ก็จะเก็ตมากขึ้น เหมือนได้สัมผัสเคาท์เจอร์ของเขามากขึ้น
พอเราไปในฐานมิสเวิลด์ คนก็ให้ความสนใจ และซัปพอร์ตเรามากขึ้น ตอนโอปอลไป โอปอลดีใจที่ทุกคนสัมผัสได้ถึงความตั้งใจและความมุ่งมั่นของเรา ความจริงใจที่เราอยากทำในสิ่งๆ นี้ ขณะเดียวกันโอปอลก็สัมผัสได้ถึงความจริงใจที่ทุกๆ คนที่โอปอลไปพบ เขาอยากสนับสนุนเรา ช่วยเหลือเราจริงๆ ทำงานร่วมกับเรา คุยกับเราด้วยความเข้าใจว่า เราก็เด็กคนนึง ไม่ได้มีความรู้เท่าคุณหมอ เท่านักวิจัย หรือบุคลากรที่เขาทำงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ทุกวัน ทุกคนก็พร้อมอธิบาย ให้เราเข้าใจ เพื่อที่เราจะสามารถนำไปส่งต่อให้คนทั่วไปได้เข้าใจได้เหมือนกัน
ความยากก็มีนะคะ นอกจากเดินทางแล้ว ขนกระเป๋ายากมาก (หัวเราะ) ชุดหนัก ในส่วนการทำงาน นอกจากเรื่องวัฒนธรรม และความเข้าใจที่ต้องปรับเปลี่ยน ก็เป็นในเรื่องการทำความเข้าใจเรื่องที่เราทำ อย่างที่บอกว่าเรื่องมะเร็งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าใจ ปอลก็อยากเป็นสะพาน จุดเชื่อม ระหว่างบุคลากรทางการแพทย์ นักวิจัย และบุคคลธรรมดา ที่เราไปทำความเข้าใจมาให้แล้วนะ เรากลั่นกรองมาให้แล้ว เรานำมาบอกต่อในภาษาที่คนทั่วไปเข้าใจได้ง่าย
ในการทำโครงการแน่นอนเราเริ่มมาแรกๆ เราอาจแตะๆ ที่ผิวน้ำเนอะ พอเรามีโอกาสลงลึกมากขึ้น มันมีอะไรที่เราต้องทำอีกเยอะ ลงลึกอีกเยอะ พอเราเป็นมิสเวิลด์ต้องไปทำร่วมกับประเทศอื่นๆ ก็มีหลายๆ อย่างที่เราต้องเรียนรู้หลายเท่าขึ้นมาอีก ทั้งของประเทศเรา ประเทศเขา และต้องหาจุดเชื่อมโยงว่าเราสามารถเอามาคอนเน็กซ์กัน ช่วยกันยังไงได้บ้าง และต้องบาลานซ์ระหว่างประเทศเราเอง และต่างประเทศ ที่จะมอบความช่วยเหลือให้พร้อมๆ และเท่าๆ กัน เพราะทางมิสเวิลด์เองเขาก็อยากให้เรากลับมาดูแลคนที่บ้านด้วย”
เผยโมเมนต์วันแม่ ดีใจได้ใช้เวลากับคุณแม่
“ดีใจค่ะ ประมาณเดือนนิดๆ ที่ไม่ได้เจอ แต่ความจริงคุยกับเขาผ่านโทรศัพท์อยู่ตลอด ดีใจที่มาถึง 2 วันแรกได้ใช้เวลาด้วยกัน โอปอลก็ได้พักด้วย เพราะว่าก่อนบินมาไทย ปอลทัวร์ UK เราก็จำได้หลายที่ แต่ละเมืองกับแต่ละประเทศที่โอปอลไป ใช้เวลาแค่วันเดียว โอปอลไปถึงทำงาน เช้าวันรุ่งขึ้นก็บินไปอีกที่นึง ก็เหนื่อยกับการเดินทางนิดนึง ก็ดีใจที่ได้เวลาพักผ่อนไปสปากับคุณแม่ ได้ใช้เวลากับเขา
เรื่องอาหารมีทั้งแม่แท้ๆ และแม่กะเทย (หัวเราะ) เป็นพี่ๆ ในทีม คุณแม่เขาช่วงปอลไม่อยู่ เขาก็ทำบ้าน อยู่กับพี่ๆ ในทีมบ่อย ก็เป็นเหมือนตัวแทนโอปอล เขาแฮงก์เอาต์กัน ทำอาหารด้วยกันบ่อย พอเรามาเขาก็จัดชุดใหญ่ให้ รวมๆ มีอาหารเหนือด้วย เพราะในทีมเป็นคนเหนือ ก็ 4 ภาคเลย คุณแม่ก็รับผิดชอบอาหารใต้ ส่วนในทีมก็รับผิดชอบอาหารเหนือ กลับไทยนอกจากทำงาน มีเวลาส่วนตัวใช้ชีวิตบ้างค่ะ รอบนี้มีเวลาเยอะอยู่ ได้เจอครอบครัว ได้ไปทานข้าว ก็ถือว่ากำลังดีค่ะ
พรุ่งนี้ (17 ส.ค.) จะไปอินเดีย ไปคุยงาน เตรียมงานนิดนึง อีกไม่นานนี้ก็จะเป็นเดือนรณรงค์มะเร็งเต้านม ทางอินเดียเองหลายๆ คนน่าจะทราบ ตอนโอปอลเริ่มประกวด เขาก็สนใจเรื่องมะเร็งเต้านมเป็นพิเศษในปีนี้ ทางมิสเวิลด์อินโดนีเซีย ที่ได้รางวัล Beauty with a Purpose เขากำลังจะจัดงานวิ่งระดมทุนให้การช่วยเหลือในเรื่องมะเร็งเต้านมในประเทศอินเดีย และอาจต้องบินไปคุยงาน และคุยงานเรื่องนั้น อาจจะแวะกลับมาไทยไม่แน่ใจ แต่ต่อจากนี้ จะเป็นอังกฤษ และอเมริกา เริ่มทัวร์จริงจัง
รอบนี้ไปยาว พยายามนอนให้พอ เพื่อให้ตัวเองเฟรซเสมอ
“รอบนี้น่าจะยาวจริง (หัวเราะ) ยาวมาก พยายามนอนให้พอ ให้ตัวเองเฟรซ พอเราเดินทางเยอะๆ ผิวเราจะไม่ค่อยเฟรซ ก็พยายามเตือนตัวเองให้ดูแลสุขภาพตัวเองเหมือนกัน
เรื่องปัญหาอาหารการกินตอนอยู่ต่างประเทศ หนูสั่งอาหารไทยทุกวัน (หัวเราะ) ส่วนใหญ่ต่างประเทศเขาจะทำให้ต่างชาติทาน เขาก็จะมีความเป็นเมนูเซ็ตเดิมๆ ต่างชาติเขาทานได้ เช่น แกงเขียวหวาน ส้มตำพอมีแต่ไม่มีปลาร้า พวกผัดอะไรต่างๆ สวนใหญ่เราจะสั่งอะไรที่เผ็ดสุดในร้าน ไม่มีพกไป เพราะกระเป๋าแน่นมาก แต่รอบที่จะบินคิดว่าน่าจะมีบ้าง เหมือนไปอยู่นาน เราไม่ได้ทานเผ็ดเลย ระดับความผิดมันลดลง พอกลับมาก็ทานเผ็ดได้ไม่เต็มที่
ก็ฝากทุกคนด้วยนะคะ อันนี้เพิ่งเดือนสองเดือนแรกของการดำรงตำแหน่ง ก็คิดว่าเราทำหลายๆ อย่างมาก แต่อนาคตก็จะทำมากกว่าเดิมอีก เดินทางไปหลายที่มากกว่าเดิม ยังไงก็ฝากพี่ๆ ทุกคนติดตามด้วย เชื่อว่าในระยะเวลา 1 ปีที่ดำรงตำแหน่ง ปอลจะได้ทำโครงการนี้เต็มที่จริงๆ รวมถึงได้ทัชออนโครงการอื่นด้วย จะช่วยเหลือคนอื่นด้วยเช่นกัน คิดว่าสิ่งที่ทำจะเป็นประโยชน์กับหลายๆ คนมากๆ จริงๆ ไม่ว่าจะระดับบุคลากรด้วยกันระหว่างประเทศ หรือระดับประชาชนระหว่างประเทศ ก็ฝากทุกคนติดตาม และขอให้ทุกคนใส่ใจสุขภาพ ดูแลตัวเองกันด้วยนะคะ”
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO