ชำแหละปัญหารถไฟ หนี้ท่วม 3 แสนล้านบาท “สหภาพฯรฟท.-ม.รังสิต”เสนอรัฐเร่งแก้ 5 ด้าน
สหภาพฯรฟท. ชำแหละปัญหารถไฟสะสม ทำหนี้ท่วม 3 แสนล้านบาท ม.รังสิตเปิดผลศึกษาข้อมูลเชิงลึก เร่งแก้ 5 ด้าน ย้ำร่วมมือกับภาคเอกชนแต่ต้องไม่แปรรูป”สุรพงษ์”พร้อมดันแผนเพิ่มคน-จัดหารถจักร ล้อเลื่อน ต้องเหมาะสม ไม่กระทบหนี้สาธารณะ
วันที่ 16 ส.ค. 2568 สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) ได้ร่วมกับ วิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต จัดสัมมนาเรื่อง “โครงการรายงานผลการศึกษาเพื่อการพัฒนาการรถไฟอย่างยั่งยืน” โดยมีนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ,นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์8203; อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) ,นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าฯรฟท. ,นายสราวุธ สราญวงศ์ ประธานสหภาพฯรฟท. ,ผศ.ดร.สุริยะใส กตะศิลา วิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต นายสาวิทย์ แก้วหวาน ที่ปรึกษาสหภาพฯรฟท. และพนักงานรฟท.เข้าร่วม
การศึกษาดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างสหภาพฯรฟท.และ วิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจปัญหา วิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันของรฟท. โดยมีการจัดเก็บข้อมูลและจัดทำข้อเสนอแนวทางเชิงนโยบายฯที่สอดคล้องกับความต้องการและบริบทที่แท้จริง เนื่องจากรฟท.ต้องเผชิญกับปัญหาหลายมิติ ทำให้มีหนี้สินสะสม 3 แสนล้านบาท ทั้งนี้ การศึกษามุ่งเน้นกระบวนการมีส่วนส่วน เปิดพื้นที่ให้พนักงาน 10 แห่งทั่วประเทศได้สะท้อนปัญหาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกจากการปฎิบัติงานจริงและร่วมเสนอแนวทางแก้ไข
โดยพบว่า รฟท.มีโครงสร้างพื้นฐานล้าสมัย เส้นทางและสถานี ไม่ได้รับการปรับปรุงมานาน ขบวนรถมีอายุใช้งานนานจนไม่ปลอดภัย การเดินรถล่าช้า และเกิดอุบัติเหตุซ้ำซาก การบริหารรวมศูนย์ ไม่ยืดหยุ่น จำนวนบุคลากรไม่สอดคล้องกับงาน กำหนดอัตราค่าโดยสารต่ำกว่าต้นทุน รัฐสนับสนุนบริการเชิงสังคม (PSO) ล่าช้าและไม่เต็มจำนวนจริง ฯลฯ
จากการวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันข้อมูลภาคสนาม และข้อเสนอของพนักงานและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
การปฏิรูปการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) อย่างยั่งยืนควรตั้งอยู่บนหลักการ "พัฒนาเพื่อสาธารณะ" โดยไม่เน้นผลกำไรสูงสุด แต่ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน การเดินทางที่เป็นธรรม ปลอดภัย และเชื่อมโยงกับการพัฒนาท้องถิ่นและเศรษฐกิจของประเทศ ข้อเสนอเชิงนโยบาย 5 ด้าน ได้แก่ 1. ด้านโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยี
1.1 จัดทำ "แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 10 ปี" โดยเริ่มต้นจากการซ่อมแชมและปรับปรุงเส้นทางเดิมที่มีศักยภาพ เช่น สายอีสาน-เหนือตอนล่าง 1.2 ควรนำระบบสัญญาณอัจฉริยะและซอฟต์แวร์ตรวจจสอบสภาพรถ (predictive maintenance) มาใช้ในเส้นทางหลัก 1.3 พัฒนาระบบจองตั๋วออนไลน์ให้ครอบคลุมทุกขบวน และจัดตั้ง "ระบบติดตามขบวนรถแบบ
เรียลไทม์" บนมือถือ
2. ด้านการพัฒนาบุคลากรและแรงงาน
2.1 จัดตั้ง "สถาบันฝึกอบรมการถไฟยุคใหม่" ที่เน้นทักษะดิจิทัล การบริการ และความ
ปลอดภัย 2.2 ปรับระบบสวัสดิการให้เหมาะสมกับความเสี่ยงและภาระงาน เช่น สวัสดิการสุขภาพพิเศษ
สำหรับพนักงานขับรถ-ตรวจราง และงานบำรุงทาง 2.3 สร้างระบบประเมินผลงานที่เป็นธรรรม และเปิดโอกาสให้พนักงานมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจ
3. ด้านธรรมาภิบาลและการมีส่วนร่วม
3 1 จัดตั้ง "คณะกรรมการกำกับธรรมาภิบาลองค์กร" ที่มีตัวแทนจากพนักงาน ภาคประชาชน
และผู้เชี่ยวชาญอิสระ
3.2 พัฒนา "แพลตฟอร์มเสนอความคิดเห็น" จากพนักงานและประชาชนที่เข้าถึงได้จริง และมี
ระบบติดตามผล
4. ด้านแผนยุทธศาสตร์องค์กร
4.1 เสนอแผนปฏิบัติระยะสั้น (1-3 ปี) เน้นการแก้ปัญหาเร่งด่วน เช่น ความล่าช้า การซ่อมบำรุง
และการสื่อสาร
4.2 แผนระยะยาว (5-10 ปี) เน้นการพัฒนาองค์กรสู่การเป็น "แพลตฟอร์มระบบรางแห่งชาติ"
ที่ทันสมัย เชื่อมโยงขนส่งทุกรูปแบบ
5. ด้านความร่วมมือกับภาคเอกชนโดยไม่แปรรูป
5.1 ส่งเสริมโครงการเฉพาะด้านที่ไม่กระทบต่อโครงสร้างหลัก เช่น การร่วมพัฒนาสถานีเชิง
พาณิชย์ การบริการอาหาร-เครื่องดื่ม หรือการให้เอกชนทำโฆษณาบนวนรถ
ทั้งนี้ ในการสัมมนา พนักงานรฟท.ได้สอบถามและแสดงความเห็น หลากหลาย เช่น ปัญหาการขาดแคลนนพนักงาน เนื่องจากมติครม.ให้รับพนักงานได้ 5% จากสัดส่วนการเกษียณอายุแต่ละปี ทำให้พนักงานโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการเดินรถตรากตรำ กระทบต่อสุขภาพและประสิทธิภาพ หัวรถจักรและรถโดยสารเก่าและไม่เพียงพอต่อความต้องการ และปัญหาที่ดินเขากระโดง และหนี้ตลาดนัดสวนจตุจักร ที่กทม.ค้างชำระ เป็นต้น
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม กล่าวในเวทีเสวนาว่า รัฐบาลมีนโยบายและได้ดำเนินการพัฒนาและลงทุนในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบรางให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และให้ความมั่นใจว่าจะเดินหน้าแก้ ปัญหาของรฟท. ทั้งการผลักดันด้านบุคลากร และการจัดหารถจักรล้อเลื่อน ที่เหมาะสมและไม่กระทบหนี้สาธารณะเพื่อพัฒนารถไฟไทยอย่างยั่งยืน ซึ่งรฟท.ต้องเตรียมพร้อมรองรับโครงสร้างพื้นฐานระบบราง ได้แก่ 1. ด้านบุคลากร รฟท. ต้องเสริมทักษะ และความรู้ด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ 2. ด้านเทคโนโลยี รฟท. ต้องจัดหาให้มีความทันสมัย ทัดเทียมกับประเทศที่เป็นผู้นำด้านรถไฟ 3. ด้านการจัดการองค์กร รฟท. ต้องปรับให้เป็นองค์กร SMART โดยศึกษาความสำเร็จของประเทศที่มีความสำเร็จด้านระบบรางมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับประเทศไทย
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO