SPREME โชว์ Q2/68 รายได้พุ่ง 61.21% กำไรเพิ่มขึ้น 5.61% ครึ่งปีหลังจ่อคว้า Mega Project มั่นใจปีนี้เติบโต Double Digit รักษามาร์จิ้นระดับสูง
บมจ.สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (SPREME) ผลงาน Q2/68 รายได้พุ่งแตะ 252.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61.21% กำไรสุทธิ 30.50 ล้านบาท เติบโต 5.61% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน ฟาก ซีอีโอ “ภานุวัฒน์ ขันธโมลีกุล” ระบุครึ่งปีหลังลุ้นคว้างาน Mega Project หนุนรายได้ทั้งปีเติบโต Double Digit พร้อมรักษา Margin ระดับสูง 20–25%
วันที่ 8 ส.ค.68 นายภานุวัฒน์ ขันธโมลีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่น จำกัด (มหาชน) (SPREME) ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสาร ในฐานะผู้ออกแบบ จัดหา และติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้ในงานเทคโนโลยีสารสนเทศครบวงจร (System Integrator) รวมถึงให้บริการดูแลบำรุงรักษา ซ่อมแซม และให้เช่าระบบคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่อพ่วง เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 2/68 มีรายได้รวม 252.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 95.97 ล้านบาท หรือ 61.21% และมีกำไรสุทธิ 30.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.62 ล้านบาท หรือ 5.61% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน
"การเติบโตส่วนใหญ่เป็นผลจากรายได้จากโครงการจำหน่ายอุปกรณ์ให้แก่โรงเรียน โครงการพัฒนาระบบคลังสินค้า และโครงการระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านสารสนเทศเพื่อการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูล ที่เป็นงานประเภทให้บริการออกแบบจัดหา และติดตั้งเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจรกับลูกค้าภาครัฐจำนวนหนึ่ง"
ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าโครงการที่มีอยู่ในมือปัจจุบัน จำนวน 1,200 ล้านบาท จะสามารถให้บริการและทยอยรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง และสามารถส่งเสริมรายได้สำหรับปีนี้ให้เติบโตได้ต่อเนื่อง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SPREME กล่าวอีกว่า ทิศทางผลการดำเนินงานในครึ่งหลังของปี 68 และความคืบหน้าของโครงการขนาดใหญ่ (Mega Project) บริษัทฯคาดว่าโครงการขนาดกลางที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาการจัดซื้อจัดจ้าง จะทยอยประกาศและสามารถเริ่มดำเนินการส่งมอบสินค้าพร้อมติดตั้ง และให้บริการได้ตามระยะเวลาเป้าหมาย โดยเฉพาะช่วงท้ายปีงบประมาณ 68 ในขณะที่โครงการขนาดใหญ่หรือ Mega Project ที่บริษัทฯคาดว่าจะเริ่มต้นโครงการได้ภายในปีนี้ ก็มีแนวโน้มว่าหน่วยงานภาครัฐจะเริ่มขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้าง และสามารถเริ่มดำเนินการออกแบบ จัดหาสินค้า และติดตั้งได้ตามที่คาดการณ์ไว้ โดยยังคงเป้าหมายรายได้ในปี 68 แบบระมัดระวังที่ระดับ 10-15% จากปีก่อน โดยมุ่งเน้นที่จะรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 20-25%