สภาพัฒน์ แนะบีโอไอ รื้อกองทุนช่วยเอกชน คุมกยศ. แจกเงินซ้ำช้อน
กรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 มีมติเห็นชอบข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน157,000 ล้านบาท ระยะที่ 2 ผ่านกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย และกองทุนเงินให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา (กยศ.) วงเงินไม่เกิน 18,488 ล้านบาท
ล่าสุด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้เสนอความเห็นในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบการพิจารณาของครม. โดยระบุว่า ไม่ขัดข้องต่อหลักการและแนวทางการทบทวนการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้าง ความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ รวมทั้งหลักการของข้อเสนอโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ระยะที่ 2
ทั้งนี้ สศช. มีความเห็นเห็นเติมด้วยว่า เพื่อให้การดำเนินการโครงการดังกล่าวเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเห็นควรให้กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาดำเนินการโดยให้ความสำคัญ ดังนี้
1.ในระยะถัดไปสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ควรพิจารณาการปรับปรุงพระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ. 2560 เพื่อให้สามารถสนับสนุนสิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบการได้ตรงกับวัตถุประสงค์ของโครงการได้อย่างทันท่วงที
2.งบประมาณที่ได้รับการจัดสรรภายใต้โครงการการลงทุนพัฒนาทุนมนุษย์ เพื่อรองรับความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยอาจชะลอตัวในปี 2568 ควรกำหนดเงื่อนไขในการคัดเลือกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการให้มีความชัดเจน โดยควรต้องเป็นการพัฒนาทุนมนุษย์ด้านการศึกษาในสาชาวิชาที่มีความจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ
รวมทั้งต้องไม่ซ้ำช้อนกับกลุ่มเป้าหมายเดิมที่เคยได้รับการสนับสนุนจากงบประมาณที่ได้อนุมัติงบประมาณไปแล้วในระยะที่ 1 และโครงการที่ดำเนินการภายใต้งประมาณประจำปีงบประมาณ 2569
สศช. ยังเสนอด้วยว่า รัฐบาลควรมอบหมายให้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาและดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติครม. ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการดำเนินการให้สอดคล้องกับระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ พ.ศ. 2567 และพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561
นอกจากนี้ยังขอให้รัฐบาลมอบหมายให้คณะอนุกรรมการกำกับและติดตามผลการดำเนินงานภายใช้คณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งรัดการดำเนินโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการชับเคลื่อนเศรษฐกิจ ที่ได้รับอนุมัติไปแล้ว เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ตามเป้าหมายต่อไป