อิ๊งค์ยิ้ม‘พท.’แห่ปัดไขก๊อก
“อิ๊งค์” ปิดปากไม่ตอบจะออกก่อนศาล รธน.ฟันคดีคลิปเสียงหรือไม่ “สรวงศ์” ปัดข่าวนายกฯ จ่อลาออกหลังผ่านงบฯ 69 ยืนยัน พท.กำลังใจยังดี “ก่อแก้ว” ยันรัฐบาลไม่ยุบสภา เย้ยเป็นการวิเคราะห์ที่มโน “เชิดชัย” อ้อนศาล รธน.เลื่อนตัดสินคดีนายกฯ 6 เดือน เพื่อให้มีนายกฯ ตัวจริงผ่านวิกฤตประเทศ "อนุทิน" แนะให้ทำตามกฎหมาย อุบไต๋ "นิพนธ์" ย้ายซบ ภท. คาดจะมีเลือกตั้งปี 69 อดีตผู้พิพากษารอวัดใจศาลฎีกาฯ 9 ก.ย. สั่งบังคับโทษจำคุก "ทักษิณ" ใหม่หรือไม่ ชี้ปมชั้น 14 จนท.เกี่ยวข้องผิดหมด
ที่ท้องสนามหลวง วันที่ 12 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.วัฒนธรรม ถึงกระแสข่าวการลาออกก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โดย น.ส.แพทองธารไม่ได้ตอบคำถาม เพียงแต่หันมายิ้มให้สื่อมวลชนและกล่าวว่า “คิดถึงนะคะ”
ผู้สื่อข่าวพยายามถามอีกว่า อยากชี้แจงกระแสข่าวนี้หรือไม่ น.ส.แพทองธารไม่ตอบคำถามดังกล่าว และได้เดินฝ่าวงล้อมสื่อมวลชนเพื่อไปขึ้นรถเดินทางออกจากท้องสนามหลวง
นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกระแสข่าว น.ส.แพทองธารเตรียมลาออกหากร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ผ่านที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร จะส่งผลกระทบกับพรรค พท.หรือไม่ ว่า ไม่มี วันนี้นายกรัฐมนตรีเองก็ยังมาร่วมทำบุญตักบาตร และยืนยันว่าทางพรรคไม่ได้กังวล และไม่ได้มีการพูดคุยในเรื่องนี้ ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่ได้ทำให้ทางพรรคเพื่อไทยเสียกำลังใจ และกำลังใจยังดีอยู่ ก่อนทำท่ายกนิ้วโป้ง 2 ข้าง
นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สัปดาห์นี้จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างวันที่ 13-15 ส.ค. เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ 2569 ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญได้พิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเชื่อว่าจะผ่านการเห็นชอบในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 โดยไม่มีปัญหาใดๆ ก่อนส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณา
"ที่ผ่านมามีสื่อบางรายวิเคราะห์ว่า หลัง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ผ่านสภาแล้ว รัฐบาลอาจทำการยุบสภา ขอเรียนในฐานะ สส.พรรคเพื่อไทยว่า ตลอดช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ไม่เคยได้ยินแนวคิดนี้จากบุคลากรสำคัญหรือผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคแต่อย่างใด ดังนั้นการวิเคราะห์ว่าจะมีการยุบสภาหลังผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณฯ จึงเป็นเพียงการมโนที่ปราศจากข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิง" นายก่อแก้วกล่าว
นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการประชุมศาลรัฐธรรมนูญประจำสัปดาห์ในวันที่ 13 ส.ค. ที่อาจจะพิจารณานัดฟังคำวินิจฉัยคดีถอดถอน น.ส.แพทองธาร ว่า อยากให้ศาลรัฐธรรมนูญชะลอการพิจารณาคดีดังกล่าวไว้ก่อน พร้อมทั้งให้ยกเลิกคำสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี เพื่อให้กลับมามีอำนาจบริหารราชการแผ่นดินในช่วงภาวะวิกฤต ทั้งปัญหาสงครามชายแดน กรณีภาษีการค้าสหรัฐ และแก้ปัญหาภายในประเทศต่างๆ ทั้งการปราบยาเสพติด คดีเขากระโดง ควรหยุดคดีนายกฯ ไว้สัก 6 เดือน เมื่อแก้ปัญหาต่างๆ ผ่านไปแล้ว ค่อยนัดตัดสินคดีอีกครั้ง การมีนายกฯ ตัวจริงบริหารประเทศในภาวะวิกฤต ย่อมเป็นผลดีต่อประเทศมากกว่ากว่านายกฯ รักษาการแน่นอน ที่การบริหารงานไม่ราบรื่น
"หากศาลรัฐธรรมนูญเดินหน้าพิจารณาคดีนายกฯ และคำวินิจฉัยออกมาในทางลบต่อพรรคเพื่อไทย ก็มีแผนสำรองคือผลักดันนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เป็นนายกฯ คนต่อไป แต่ถ้ายังมีการต่อต้านนายชัยเกษมอย่างหนัก จนยื้อต่อไม่ไหวจริงๆ คงต้องยุบสภา จึงอยากให้การเมืองนิ่งที่สุด เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อได้ แต่เชื่อว่าสถานการณ์คงไม่เลวร้ายถึงขั้นนั้น ยังมั่นใจศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยนายกฯ ไม่มีความผิด เช่นเดียวกับกระแสข่าวที่นายกฯ จะลาออกก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน ก็ไม่เป็นความจริง เป็นข่าวลือ ในพรรคไม่เคยคุยกันเรื่องนี้"
นพ.เชิดชัยกล่าวว่า ส่วนการประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ 2569 วาระ 2-3 ระหว่างวันที่ 13-15 ส.ค.นั้น เชื่อว่าจะผ่านไปด้วยดี ที่ประชุมพรรคเพื่อไทยกำชับ สส.และรัฐมนตรีให้อยู่ร่วมการประชุมตลอดเวลา และทุกพรรคอยากให้กฎหมายผ่าน พรรคร่วมรัฐบาลพร้อมรักษาองค์ประชุมอย่างเต็มที่ ไม่จำเป็นต้องยืมจมูกพรรคฝ่ายค้านหายใจ ขอให้ฝ่ายค้านอภิปรายอยู่ในหลักเกณฑ์ข้อบังคับการประชุม
ภท.แนะนายกฯ ทำตาม กม.
ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ แกนนำพรรค ภท. ไปกินข้าวกับนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทย และอดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อย่างชื่นมื่น จะย้ายมาอยู่ ภท.ใช่หรือไม่ ว่าเป็นการไปอวยพร ขอให้ไปถามนายพิพัฒน์ ส่วนมีความเป็นไปได้หรือไม่ ตอนนี้นายนิพนธ์ยังเป็นสมาชิกพรรค ปชป.อยู่ ที่สำคัญช่วงนี้การเมืองควรจะให้เป็นไปตามที่เป็นอยู่ อย่าเพิ่งนั่งคิด เพราะการเลือกตั้งไม่ได้เกิดขึ้นเร็วๆ นี้
เมื่อถามว่า ตอนนี้นายนิพนธ์รับบทตอบโต้แทน ภท.เรื่องเขากระโดง นายอนุทินกล่าวว่า ที่พูดเพราะเคยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กำกับดูแลกรมที่ดิน และเป็นผู้ใหญ่ทางการเมืองมากๆ
ส่วนเหตุใดจึงวิเคราะห์ว่าการเลือกตั้งไม่ได้ใกล้ในเวลานี้ ทั้งที่เดือนนี้และเดือนหน้าจะมีคดีสำคัญหลายคดีนั้น นายอนุทินกล่าวว่า วันนี้ถามว่าจะใกล้เลือกตั้งได้อย่างไร ไม่มีความชัดเจนอะไรสักอย่าง โดยเฉพาะวันนี้นายกฯ ยังไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่มีการทักท้วงว่าการยุบสภา เป็นอำนาจของนายกฯ เท่านั้น จึงยังไม่ได้ใกล้จุดนั้น ขณะที่สภาก็เกิน 2 ปีมาแค่ 3 เดือน ทุกคนจึงคิดว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในปีหน้า บรรดาพรรคการเมืองก็คงไม่ได้คิดว่าจะต้องเลือกตั้งกลางปี 70 ถามคอการเมืองก็ตอบว่าปี 69 พรรคภูมิใจไทยก็ไม่ได้คิดต่างกัน
เมื่อถามว่า มองกระแสข่าวที่นายกฯ จะลาออกก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยกรณีคลิปอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า เป็นกระแสข่าว ไม่มีทางรู้ การตัดสินใจอะไรต่างๆ ก็เป็นเรื่องของแต่ละคน ทุกคนก็คิดวิเคราะห์กันไป แต่พรรค ภท.เราก็ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน คนที่เคยปรามาสว่าพรรค ภท.เป็นฝ่ายค้านไม่เป็น ไม่มี สส.ที่มีคุณภาพ แต่วันนี้ก็ทำหน้าที่ได้ตามบทบาทที่เขาได้รับมอบหมายได้อย่างดี
เมื่อถามว่า จุดยืนของ ภท.มองว่านายกฯ ควรลาออกหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ตอนนี้เป็นขั้นตอนของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ นายกฯ ก็หยุดปฏิบัติหน้าที่ นายกฯ ก็ทำตามกฎหมายทุกอย่าง ดังนั้นถ้าทุกฝ่ายทำตามกฎหมาย จะไปบอกให้ใครทำอะไรก็ไม่ถูก ก็ขอให้ทำตามกฎหมายให้ดีที่สุด
นายอนุทินกล่าวก่อนการประชุมกรรมการบริหารพรรค ภท.ว่า วันนี้จะมีการหารือถึงเรื่องการส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 7 จ.เชียงราย ในที่ประชุม รวมถึงท่าทีของพรรคภูมิใจไทยในการลงมติต่อร่าง พ.ร.บ.งบฯ 2569 ว่าเป็นอย่างไร โดยต้องดูให้รอบคอบ เพราะพรรค ภท.เองก็มีส่วนร่วมในการนำเสนองบประมาณครั้งนี้ เพราะในการโหวตครั้งที่ 1 พรรค ภท.ก็ยังเป็นพรรคร่วมรัฐบาล และการลงมติเห็นชอบครั้งนี้เราต้องยึดถือผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่ค้านทุกเรื่อง โดยเป็นฝ่ายค้านก็ต้องดูท่าทีของพรรคฝ่ายค้าน
เมื่อถามว่า จะมีแนวโน้มในการโหวตเห็นด้วยกับงบ 69 หรือไม่นั้น นายอนุทินกล่าวว่า ก็ต้องฟังเสียงของ สส. เพราะ สส.ส่วนใหญ่ก็มีส่วนร่วมในการพิจารณางบประมาณ ร่วมเป็น กมธ. พรรค ภท.ต้องใช้ความเห็นและมติของ สส. หากมีความเห็นต่างต้องใช้มติของพรรคเป็นตัวกำหนด
น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานีและโฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงว่า การประชุมวาระที่สำคัญคือการประชุมสภาเพื่อพิจารณางบฯ ปี 69 วาระ 2-3 พรรค ภท.ได้ข้อสรุปว่า ในแต่ละมาตราที่มีการลงมติจะพิจารณาเป็นรายมาตรา ไม่ชี้ชัดว่าจะออกเสียงแบบไหน เราจะพิจารณาเหตุและผลที่กรรมาธิการเสียงข้างมากปรับลดหรือพิจารณาของหน่วยงานต่างๆ ส่วนจะโหวตวาระ 3 จะคุยกันอีกครั้งในวันที่ 15 ส.ค. ต้องดูว่าพิจารณาทุกมาตราในวาระ 2 เป็นอย่างไร
จับตาศาลบังคับโทษทักษิณใหม่
นายสุโรจน์ จันทรพิทักษ์ อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ กล่าวถึงการไต่สวนเรื่องการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือคดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ศาลฎีกาฯ นัดฟังคำสั่งผลการไต่สวนในวันที่ 9 ก.ย.นี้ การบังคับโทษตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ มีปัญหาหรือไม่ว่า "มีปัญหาแน่นอน อย่างที่สังคมทั่วไปเขารู้ ที่ไม่จำเป็นต้องให้ศาลฎีกาฯ วินิจฉัย เพียงแต่ตอนนี้เรารอเกณฑ์ที่จะมาบังคับเท่านั้นเอง แต่ความรู้สึกของสังคมมันไปแล้ว"
เมื่อถามว่า คดีชั้น 14 จะเป็นบทเรียนในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย การบังคับโทษตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ เป็นบทเรียนของนักการเมืองที่อาจจะมีการใช้อำนาจรัฐช่วยเหลือกันไม่ให้ทำตามกฎหมายอย่างไร นายสุโรจน์กล่าวว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่ทุกคนที่เข้าไปเกี่ยวข้องผิดหมด ปัญหาว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนายทักษิณไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นคือการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ ปัญหาตรงนี้ศาลจะกล้าก้าวหรือไม่ว่า เมื่อยังไม่มีการบังคับโทษ ก็ให้ไปบังคับโทษใหม่ ซึ่งตรงนี้โดยหลักแล้วมันต้องมีจุดรองรับ ซึ่งหากมีคำร้องของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายกอยู่มันก็จบ ก็สั่งไปตามคำร้องที่เขาร้องขอให้ศาลสั่งให้มีการบังคับโทษใหม่ แต่กระบวนการทั้งหมดที่มีการไต่สวน มันเกิดจากความไม่ชอบของเจ้าหน้าที่ อย่างคนไปถามนายทักษิณเรื่องชั้น 14 ก็บอกว่าไม่รู้เรื่อง เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ก็ทำตามเขา เขาว่าป่วย ผมก็ป่วย
“ต้องรอดูว่า ถ้าศาลทำอย่างนั้นได้ มันก็จะเป็นอีกบทหนึ่งของทางนิติศาสตร์ว่าศาลสามารถที่จะใช้อำนาจของตัวเองได้ในการบังคับโทษกับบุคคลใดๆ ก็ได้ หากศาลเห็นว่าเขายังไม่ได้รับโทษ สิ่งนี้คือบทสรุป ถ้ามันเป็นแบบนั้น แต่โดยเนื้อมันไม่มีอะไรมารองรับ เพราะคำร้องของนายชาญชัยตกไปแล้ว หากคำร้องของนายชาญชัยยังอยู่ก็โอเค ศาลสามารถสั่งได้เต็มที่ตามคำร้องที่ร้องมา คือศาลเห็นด้วยกับคำร้องที่ร้องมาแล้วศาลจะบังคับโทษใหม่ แต่เมื่อคำร้องเขาหมด ศาลจะกล้าพูดถึงตรงนี้หรือไม่ เจ้าหน้าที่โอเคว่าผิดหมด ถ้าในกระบวนการเท่าที่ฟังจากสื่อ แต่ปัญหาคือว่าสิ่งที่จะบังคับนายทักษิณ ศาลจะกล้าหรือไม่”
อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์กล่าวต่อว่า หากศาลบอกว่าศาลฎีกาฯ จะวางบรรทัดฐาน มันจะใช่หรือไม่ ตามหลัก ตนเป็นห่วงในเรื่องของวิธีพิจารณา สิ่งที่ศาลสั่ง เรื่องชั้น 14 มันต้องมีจุดรองรับ เพราะเมื่อคำร้องของนายชาญชัยตกไป มันก็ไม่มีคำร้อง เท่ากับว่าศาลฎีกาฯ ยกคำร้องแล้ว ศาลใช้อำนาจของตัวเองมาไต่สวน มันก็จะเกิดคำถามว่า แล้วต่อไปหากมีคำร้องอื่นๆ ตามมา ศาลจะใช้แบบนี้หรือไม่ ถ้าศาลไม่ใช้ มันก็จะกลายเป็นว่าศาลเลือกข้างหรือไม่ ที่ตนมีความเห็นว่าควรต้องมีการแก้กฎหมายในเรื่องการให้อำนาจประชาชนร้องต่อศาล ประชาชนร้องเองเลยก็จบ ศาลก็ไต่สวนว่าคำร้องมีมูลหรือไม่มีมูล เพราะหน้าที่ในการปฏิบัติตามกฎหมายของนักการเมือง เป็นหน้าที่ของทุกคนที่คอยดูว่านักการเมืองฝ่าฝืนกฎหมายหรือไม่ เพราะเขาเป็นบุคคลที่ต้องทำประโยชน์ให้กับสังคม
สำหรับนายสุโรจน์ ปัจจุบันอายุ 59 ปี โดยเหลืออายุราชการอีก 11 ปีถึงเกษียณตอนอายุ 70 ปี แต่ได้ยื่นใบลาออกจากราชการแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่งข้าราชการตุลาการอย่างเป็นทางการ.