สภาฯถกงบรายจ่าย ปี 69 วาระ 2-3 ปชน.อัดจัดงบไม่รองรับวิกฤติศก. ทำโครงการสะเปะสะปะซ้ำซ้อน
สภาฯถกงบรายจ่าย ปี 69 วาระ 2-3 ปชน.อัดจัดงบไม่รองรับวิกฤติศก. ทำโครงการสะเปะสะปะซ้ำซ้อน ด่าทุเรศใช้งบอาสาสนองการเมือง ขยี้รพ.ราชทัณฑ์จัดซื้อแพงเว่อร์ “ณัฐพงษ์”เฉ่งจัดงบหูหนวก-ตาบอด “จุลพันธ์”ยันจัดเก็บรายได้เข้าเป้า
วันที่ 13 ส.ค.2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษ มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2569 วาระ2-3 วงเงิน 3.78ล้านล้านบาท ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯพิจารณาเสร็จแล้ว โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ในฐานะประธานกมธ.วิสามัญ ชี้แจงว่า กมธ.ปรับลดงบ 8,920ล้านบาท พิจารณาจากความสอดคล้องของสถา นการณ์ปัจจุบัน ความคุ้มค่าและศักยภาพการใช้จ่ายงบประมาณ นำไปปรับเพิ่มให้หน่วยงานต่างๆ จำนวน 8.9พันล้านบาท อาทิ งบกลาง สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง การคลัง กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การปรับลดและเพิ่มงบ กมธ.ให้ความสำคัญกับความพร้อม ศักยภาพหน่วยงาน และภารกิจสนับสนุนกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ และผลประโยชน์ประชาชน โดยไม่ขัดรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ อภิปรายมาตรา4 วงเงินงบประมาณรายจ่ายปี2569 จำนวน 3.78ล้านล้านบาทว่า ขอตัดลดงบปี2569 เพิ่มอีก 5หมื่นล้านบาท เพราะจีดีพีปี69 โตแค่ 1.9% ทำให้การจัดเก็บรายได้ลดลง คาดว่า การจัดเก็บรายได้พลาดเป้าเกือบ6.4หมื่นล้านบาท ทั้งภาษีสรรพสามิต ภาษีสรรพากร ขณะที่รายจ่ายประเทศที่เจอกับภาวะความเสี่ยงเศรษฐกิจโลก แต่กลับไม่ได้เตรียมการงบประมาณรองรับ ทำให้ไม่มีงบพยุงหรือฟื้นฟูเศรษฐกิจ ส่วนหนี้สาธารณะก็ใกล้ชนเพดาน สิ้นปีงบ2568 ขึ้นไป 66% และปี69 ใจะขึ้นไป 69% ใกล้ชนเพดาน 70% เต็มที จำเป็นต้องประหยัดงบประมาณรายจ่ายปี2569 แต่กมธ.ปรับลดงบได้แค่ 8.9พันล้านบาท เหมือนไม่รู้สึกว่ามีวิกฤติเศรษฐกิจรออยู่ การจัดงบไม่ตอบโจทย์สงครามการค้า จำเป็นต้องตัดงบลง เพื่อประหยัดไว้ใช้ เมื่อยามเกิดวิกฤติจริง
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า การจัดทำงบปี69 มีความซ้ำซ้อน 3ด้านคือ 1.แยกกันทำ มีโครงการที่เป็นการคาบเกี่ยวกับภารกิจของหลายหน่วยงาน แต่หน่วยงานต่างๆเลือกที่จะต่างคนต่างทำมากกว่าร่วมกันทำ 2.แย่งกันทำ มีความซ้ำซ้อนนาภารกิจของแต่ละหน่วยงานอย่างชัดเจน3.ย้ายออกไปทำ หลายหน่วยงานถูกตั้งขึ้นมาด้วยภารกิจที่เสี่ยงซ้ำซ้อนกับหน่วยงานที่มีอยู่แล้ว หากมีการศึกษาพิจารณา ควบรวมหน่วยงานอย่างจริงจัง จะทำให้โครงการมีความสะเปะสะปะน้อยลง ถ้ายังไม่ลดความซับซ้อนการจัดทำงบประมาณที่แทรกอยู่ทุกหน่วยราชการ จะไม่เหลืองบประมาณแก้ปัญหาให้ประชาชน
น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายว่า ขอพูดถึงงบประมาณอาสาสมัครแต่ละกระทรวง หลายพรรคการเมืองพยายามใช้เครือข่ายอาสาต่างๆ หวังผลทางการเมือง ประชาชนไม่โง่ดูออกว่านักการเมืองใช้เครื่องมือเหล่านี้ทำอะไร การใช้อสม.ปฏิบัติการบางอย่างจนสำเร็จลุล่วง ทำให้กระทรวงอื่นทำตาม เช่น อาสากระทรวงพัฒนาสังคมฯ อาสากระทรวงดิจิทัล อาสากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอาสากระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีเกือบทุกกรม อยากให้รัฐบาลรวบรวมอาสามาไว้ด้วยกัน ให้งบประมาณแค่กระทรวงเดียว ถ้าทุกกระทรวงมีอาสาหมดจะเป็นภาระงบประมาณ อสม.ในหลายพื้นที่เป็นทุกอาสา เช่น อาสาพัฒนาสังคม อาสาดิจิทัล อาสาเกษตร คนเดียวมีตำแหน่งเยอะมาก สิ้นเปลืองงบประมาณซ้ำซ้อน ถูกใช้เป็นแขนขาให้รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงไปทำปฏิบัติการอะไรบางอย่าง ไม่เห็นด้วยการเอางบแผ่นดินไปทำให้บรรลุวัตถุประสงค์บางพรรคการเมืองที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงนั้นๆ มันทุเรศ ไม่อยากให้ทำ เข้าใจอาสาได้ประโยชน์เม็ดเงินตรงนี้ แต่ควรใช้เงินให้ถูกจุด
นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายว่า งบก่อสร้างที่คณะอนุกรรมาธิการก่อสร้างขอมามีกว่า 320,000ล้านบาท มีปัญหา 8ด้านคือ 1.ขอในสิ่งไม่ควรขอ เช่น บ้านพักผบ.ตร.และรองผบ.ตร. รวม 7หลัง 91ล้านบาท อ้างว่าเป็นศูนย์บัญชาการ แต่ออกแบบเป็นบ้านพัก มีห้องจัดเลี้ยง หรืองบสร้างพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่า 3,800ล้านบาท พิพิธภัณฑ์ฝนหลวง เพชรบุรี 450ล้านบาท ทั้งที่มีพิพิธภัณฑ์อยู่แล้วทั้งประเทศ 1,500แห่ง แต่ขอสร้างไม่เลิก 2.ขอสร้างอาคารขนาดใหญ่เกินความจำเป็น เช่น ตึกกระทรวงคมนาคม 3,832ล้านบาท เหมาะกับคน 3,000คน แต่อยู่จริงแค่ 1,000คน ผลาญงบกว่า 2,000ล้านบาท 3.ราคาต่อหน่วยแพงเกินจริง เช่น โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ถูกลดงบ 47% จาก 260ล้านบาท เหลือ137ล้านบาท เพราะค่าตกแต่งภายในแพงมาก เช่น งานBuilt in ราคาเมตรละ 1แสนบาท แพงกว่าราคาตลาด 5-10เท่า ประตูบานละ 1แสนบาท เคาเตอร์เวชระเบียน 2ล้านบาท ตู้ใส่รองเท้าคนไข้ 7แสนบาท ตู้ใส่ผ้าอบ 2ล้านบาท 4.ไม่บูรณาการการใช้สอยอาคารร่วมกัน กลายเป็น 1กรม 1สำนัก 1ตึก อยู่จังหวัดเดียวกัน ก็สร้างแยกกัน 5.ชอบสร้าง ไม่ชอบเช่า เพราะอยากมีเอี่ยวการจัดซื้อจัดจ้าง 6.อยากเป็น Operator สร้างแข่งกับเอกชน เช่น กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ขอสร้างตึก อาคารสำนักงานและจัดนิทรรศการ 873ล้านบาท แทนที่จะไปขอเช่าตึกจากเอกชนได้ราคาถูกกว่า 7.ใช้ที่ดินเปลือง 8.จัดสรรงบผิดฝา ผิดตัว เช่น กระทรวงกลาโหมไปแข่งสร้างถนน ทำน้ำประปา เจาะบ่อบาดาล ลอกคลอง ผลิตยา สร้างโรงพยาบาลกับหน่วยงานอื่ร ตั้งงบไร้ประสิทธิภาพทั้งสิ้น
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน อภิปรายว่า การจัดสรรงบ69ไม่ตรงจุดไม่ตอบโจทย์รับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจ และสงคราม ไม่โทษกมธ. แต่โทษรัฐบาลที่หูหนวก ไม่ฟังเสียงสภา ตาบอดไม่พิจารณางบประมาณที่มีความจำเป็นกับประชาชนและภาวะประเทศ เพราะรัฐบาลขาดเข็มทิศ สิ่งที่เศรษฐกิจต้องการคือ เม็ดเงินลงทุน สร้างการเติบโตประเทศ ไม่ใช่กระจุกตัวเฉพาะผู้รับสัมปทานบางกลุ่ม ถ้ารัฐบาลเตรียมร่างพ.ร.บ.งบฯ69 ดีเพียงพอ นักลงทุนจะเห็นเป้าหมาย สิ่งที่อยากเห็นในงบลงทุนคือ การปลูกป่าเศรษฐกิจ การต่อยอดอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ปลูกโซลาร์บนหลังคาประชาชน โดยให้รัฐบาลร่วมลงทุน ช่วยประชาชนลดค่าไฟ แต่ร่างพ.ร.บ.งบฯ69 คิดไม่รอบคอบ คิดไม่ลึก จึงขอปรับลดกรอบวงเงิน
ต่อมาเวลา 12.30น. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงว่า ข้อห่วงใยเรื่องการจัดเก็บรายได้ในงบปี69อาจไม่เข้าเป้านั้น กระทรวงการคลังเชื่อมั่นว่า มีศักยภาพเพียงพอจัดเก็บรายได้ได้อย่างเหมาะสม ไม่มีผลกระทบต่อการใช้งประมาณ ยืนยันการจัดเก็บรายได้ลุล่วง งบรายจ่าย 3.78ล้านล้านบาท มีความเหมาะสม หากปรับลดจะเป็นผลร้ายต่อระบบเศรษฐกิจ กระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ส่วนกระสุนต่างๆมีเพียงพอ ทั้งเงินคงคลัง เงินทดรองราชการ ตามกลไกที่มีอยู่ถือว่าเพียงพอแก้ปัญหาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโต และยืนยันว่าการจัดทำงบ69 มีความถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา144 ไม่ได้ปรับลด หรือโยกงบประมาณใช้ผิดกฎหมาย ส่วนการกู้เงิน ถ้าดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระยะยาว ทั้งนี้หลังจากอภิปราย มาตรา4นานเกือบ 4ชั่วโมง ที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตราดังกล่าวด้วยคะแนน 256ต่อ 138 งดออกเสียง 73 ไม่ลงคะแนน1