โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที

หลักฐานใหม่ชี้! มนุษย์โบราณขนส่งหินสโตนเฮนจ์ยักษ์ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ธารน้ำแข็ง

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา
สโตนเฮนจ์ หนึ่งในปริศนาสำคัญของโลกโบราณ กำลังได้รับการไขกระจ่างจากหลักฐานใหม่ที่พลิกความเชื่อเดิม ทีมนักวิจัยเสนอว่า มนุษย์ยุคหินคือผู้ขนย้ายหินบลูสโตนยักษ์ด้วยตนเอง ไม่ใช่ธารน้ำแข็ง

การค้นพบล่าสุดอาจพลิกโฉมความเข้าใจของเราเกี่ยวกับ สโตนเฮนจ์ (Stonehenge)หนึ่งในโบราณสถานวงหินขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงและลึกลับที่สุดในโลกของประเทศอังกฤษ เมื่อมีการศึกษาวิจัยจาก มหาวิทยาลัยแอเบอริสต์วิธ (Aberystwyth University) สหราชอาณาจักร ได้นำเสนอหลักฐานที่น่าสนใจ ซึ่งบ่งชี้ว่าหินบลูสโตนขนาดมหึมาที่ประกอบขึ้นเป็นวงแหวนด้านในของสโตนเฮนจ์ ถูกขนส่งโดยมนุษย์เป็นระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร ไม่ใช่อย่างที่เคยสันนิษฐานกันมานานว่าถูกขนส่งและจัดเรียงมาโดยธารน้ำแข็ง

หลักฐานใหม่ "หลักฐานความเกี่ยวข้องของมนุษย์บนหินยักษ์"

หนึ่งในก้อนหินที่โดดเด่นของสโตนเฮนจ์อย่าง “บลูสโตน” ซึ่งอยู่ในวงแหวนด้านใน ซึ่งแต่ละก้อนหนัก 3.5 ตัน หรืออาจจะเทียบเท่าได้กับน้ำหนักของรถยนต์ซีดานสองคัน โดย ริชาร์ด อี. เบวินส์ (Richard E. Bevins) นักโบราณคดีจาก มหาวิทยาลัยแอเบอริสต์วิธ (Aberystwyth University) ประเทศเวลส์ สหราชอาณาจักร

และทีมงานอธิบายว่า "ความพยายามของมนุษย์ในการขนย้ายหินขนาดใหญ่ไปยังพื้นที่ห่างไกลเช่นนี้ ถือเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้ นักวิชาการชี้ว่า สิ่งนี้สะท้อนถึงระดับการวางแผนและการจัดการที่ซับซ้อนอย่างยิ่งของผู้คนในยุคหินใหม่" "The human effort involved in acquiring and moving these stones across such distances cannot be overstated,It speaks to a remarkable level of planning and organization in the Neolithic."

การค้นพบที่สำคัญคือการวิเคราะห์ก้อนหินนิวออลล์ (Newall Boulder) ก้อนหินขนาดคล้ายลูกฟุตบอลขนาดประมาณ 22 × 15 × 10  เซนติเมตรที่ถูกพบระหว่างการขุดค้นสโตนเฮนจ์ (Stonehenge) ในปี 1924 ซึ่งเดิมทีนักโบราณคดีเชื่อว่าถูกพัดพามาโดยธารน้ำแข็ง พบว่ารอยบนหินเหล่านั้นไม่ใช่รอยขีดข่วนจากการกัดเซาะของธารน้ำแข็ง แต่เป็นรอยที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ ร่วมกับการผุกร่อนของพื้นผิว

นอกจากนี้ ยังพบเศษหินในบริเวณสโตนเฮนจ์ที่มีขอบลักษณะตรงกับพื้นผิวของหินก้อนอื่น ซึ่งบ่งชี้ว่ามีการตัดแต่งหินเหล่านั้นอย่างจงใจ ไม่ได้เกิดจากการสึกกร่อนตามธรรมชาติ

นอกจากนี้ เศษหินที่พบในสโตนเฮนจ์ ยังมีร่องรอยขอบที่เหมือนจะถูกเจียรหรือตัดให้เข้ากับหินก้อนอื่นอย่างตั้งใจ เพื่อให้เข้ารูปกับหินหลักในสโตนเฮนจ์ ไม่ใช่เกิดจากการกัดเซาะ

ยิ่งไปกว่านั้น การวิเคราะห์ทางเคมีธรณีวิทยาในปี 2023 ของ ริชาร์ด อี. เบวินส์ (Richard E. Bevins) ยืนยันว่าหินดังกล่าว มีต้นกำเนิดมาจากแนวหินในเทือกเขาเพรเซลี (Preseli) ประเทศเวลส์ โดยมีลักษณะเฉพาะทางเคมีธรณีวิทยาที่ตรงกันอย่างสมบูรณ์

สรุปหินถูกขนโดยมนุษย์ หรือธารน้ำแข็ง?

อย่างไรก็ตาม อ้างอิงจากเว็บไซต์ข่าวสารวิทยาศาสตร์ต่างประเทศ Science Alert การค้นพบนี้ก็ไม่ได้ปราศจากข้อโต้แย้ง ไบรอัน สตีเฟน จอห์น (Brian Stephen John) นักธรณีศาสตร์จาก มหาวิทยาลัยเดอร์แฮม (Durham University) ประเทศสหราชอาณาจักร ยังคงเชื่อว่าคำอธิบายที่เรียบง่ายที่สุดคือ หินบลูสโตน (bluestone) ที่ปรากฏในสโตนเฮนจ์เป็น ก้อนหินที่ธารน้ำแข็งพัดพามา (glacial erratics) จากทางตะวันตก แล้วถูกวางทิ้งไว้ ณ จุดใดจุดหนึ่งซึ่งยังไม่ถูกค้นพบ บนหรือใกล้ที่ราบซอลส์เบอรี (Salisbury Plain) ก่อนที่มนุษย์ในยุคหินใหม่จะมาเก็บรวบรวมและนำไปใช้ในการก่อสร้างในภายหลัง

เขาให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า หากหินเหล่านี้ถูกพัดพามาโดยธารน้ำแข็งอย่างน้อยบางส่วน ก็ควรจะมีหินประเภทเดียวกันปรากฏกระจัดกระจายอยู่ในบริเวณอื่น ๆ เช่นทางตะวันออกของเมืองนาร์เบิร์ธ (Narberth) ด้วย แต่กลับไม่พบร่องรอยของหินชนิดที่เรียกว่า โดเลอไรต์แบบมีลายจุด (spotted dolerite) เลยในพื้นที่เหล่านั้น ซึ่งเป็นชนิดของหินบลูสโตนที่ใช้ในสโตนเฮนจ์อย่างแพร่หลาย ข้อสังเกตนี้ จึงถูกใช้สนับสนุนแนวคิดฝั่งที่เชื่อว่ามนุษย์เป็นผู้มีบทบาทหลักในการขนย้ายหินเหล่านี้ในภายหลัง

ขณะที่งานวิจัยอีกชิ้นที่เผยแพร่เมื่อปีที่แล้ว ก็ยังเสนอว่า “หินอัลเทอร์ (Altar Stone)” ซึ่งเป็นหินหมายเลข 80 ที่ตั้งอยู่ตรงกลางของสโตนเฮนจ์ อาจถูกขนย้ายมาจากจุดต้นทางในประเทศสกอตแลนด์ เป็นระยะทางไกลถึง 750 กิโลเมตร

หมายเหตุ: “หินบลูสโตน” เป็นชื่อเรียกรวมของหินหลายชนิดที่ไม่ใช่หินท้องถิ่นของที่ราบซอลส์เบอรี โดยส่วนใหญ่เป็นหินโดเลอไรต์แบบมีลายจุด ซึ่งพบได้ในเทือกเขาเพรเซลี ประเทศเวลส์

แม้ว่าวิธีการที่แน่นอนในการขนส่งหินเหล่านี้ยังคงเป็นปริศนา แต่การค้นพบนี้ได้ตอกย้ำถึงความสามารถอันน่าทึ่งของมนุษย์ในยุคหิน หากสมมติฐานการขนส่งโดยมนุษย์เป็นจริง สโตนเฮนจ์จะเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ทางวิศวกรรมและความเฉลียวฉลาดที่มนุษย์ยุคโบราณสามารถทำได้ โดยใช้เพียงกำลังกายและการทำงานเป็นทีม

งานวิจัยนี้ได้รับการตีพิมพ์ใน Journal of Archaeological Science

หากสนใจอ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สโตนเฮนจ์ (Stonehenge) สามารถอ่านได้ที่ ไขปริศนา "หินสโตนเฮนจ์" นักธรณีเผยอาจเคลื่อนที่มาไกล 750 กิโลเมตร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก TNN ช่อง16

#TheWickedGameTeaser ซีรีส์ใหม่ "ต้าห์อู๋-ออฟโรด"แค่ตัวอย่างก็ปังขั้นสุด

43 นาทีที่แล้ว

BAM เก็บหนี้ H1/68 พุ่งทะลุเป้า หนุนทั้งปี แตะ 1.78 หมื่นลบ.

47 นาทีที่แล้ว

บขส. เตรียมพร้อมจัดรถโดยสารให้บริการทุกเส้นทาง ช่วงหยุดยาววันแม่ 9-12 ส.ค.

47 นาทีที่แล้ว

รัฐบาล เตรียมดำเนินการเยียวยาล็อต 2 ผู้ได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอทีอื่น ๆ

realme 14 5G ปรับราคา! สัมผัสประสิทธิภาพเหนือขีดจำกัดในราคาหมื่นต้น

Insight Daily

ชี้ AI กุญแจปลดล็อกโอกาสตลาดอีคอมเมิร์ซโตทะลุ 4.5 ล้านล้านบาท

เดลินิวส์

ธปท. เปิดตัว Tourist Wallet การให้บริการ e-Money รูปแบบใหม่ล่าสุดสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

BT Beartai

Instagram เผย 3 ฟีเจอร์ใหม่ ฟีเจอร์ใหม่ Repost, แผนที่เพื่อน และ Friends Tab ใน Reels

sanook.com

Xiaomi 15T ผ่าน กสทช. แล้ว สัญญาณชัดเตรียมเปิดตัวในไทยเร็วๆ นี้

Siamphone

วิธีเช็กสถานะข้อความ LINE ส่งสำเร็จ, อ่านแล้ว หรือยังไม่ส่ง ดูตรงไหน?

sanook.com

5 ประเทศ ที่มีเครื่องบินขับไล่น้อยที่สุดในโลก (แต่ยังใช้งานได้จริง)

TNN ช่อง16

ไขความลับเบื้องหลังดีไซน์ Galaxy Z Fold7 และ Z Flip7 พร้อมเปิดใจทีมผู้สร้างกับความท้าทายบทใหม่

TNN ช่อง16

ข่าวและบทความยอดนิยม

ดูเพิ่ม
Loading...