โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

จับสัญญาณเฟดลดดอกเบี้ย โอกาสของหุ้นตลาดเกิดใหม่

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงตลาดเกิดใหม่หลายๆ ประเทศก็มีการทำจุดสูงสุดใหม่กันอย่างคึกคัก นำโดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ดัชนี Dow Jones ปิดพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เช่นเดียวกับดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ที่พุ่งทะยานหลังจากที่ นาย Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ระบุระหว่างการประชุมJackson Hole คืนวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมาว่า มีความเป็นไปได้ที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมเดือนกันยายนนี้

ในส่วนของตลาดเอเชีย หุ้นจีนยังคงร้อนแรง ดัชนี Shanghai Composite พุ่งทำระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากเม็ดเงินภายในประเทศที่ไหลเข้าตลาดหุ้นมากขึ้น

นอกจากนี้ กระแส “Made in China” ในภาคเทคโนโลยีและเซมิคอนดักเตอร์ยังดึงดูด Fund Flow ต่างชาติกลับเข้าตลาด หนุนให้ตลาดหุ้นจีนกลายเป็นตลาดหุ้นที่น่าจับตาในปีนี้

ทางด้านตลาดหุ้นเวียดนามเองก็มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง การปฏิรูปตลาดหุ้นเริ่มเห็นผลชัดเจน เม็ดเงินจากต่างชาติไหลเข้ามามากขึ้น และจำนวนบัญชีนักลงทุนรายย่อยในประเทศเองก็เพิ่มขึ้นกว่า 10 ล้านบัญชีในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดปรับบวก และจากพฤติกรรมการลงทุนเหล่านี้มีโอกาสดันตลาดเติบโตได้ในระยะยาว

หุ้นไทยยังคงอยู่ในแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยแรงหนุนหลักไม่ได้มาจากการเก็งกำไรสั้นๆ แต่เชื่อมโยงกับ ภาพเศรษฐกิจในประเทศที่เริ่มมีสัญญาณฟื้น ทั้งการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก การใช้จ่ายในประเทศที่ทรงตัวดีขึ้น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐที่ทยอยเดินหน้า ขณะเดียวกัน การที่ Fed ส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงิน ได้ช่วยลดแรงกดดันจากเงินทุนไหลออก ทำให้ Fund Flow ต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาอีกครั้ง

ภาพที่เกิดขึ้นนี้สะท้อนว่าเม็ดเงินลงทุนทั่วโลกไม่ได้กระจุกอยู่เพียงตลาดสหรัฐฯ อีกต่อไป แม้ว่าการรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยกว่า 80% ของ S&P500 จะยังคงแข็งแกร่งและดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้แต่ด้วย valuation ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มที่จะตึงตัวแล้ว ที่ประมาณ 22.4 เท่า

อีกปัจจัยสำคัญก็คือ Dollar Index ที่มีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการขายดอลลาร์แล้วก็ไหลเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่ โดย fun flow จะไหลเข้าตลาดเอเชียเหนือก่อน เช่น จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน เป็นต้น เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดีกว่าแล้วก็งบดุลของบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแกร่งกว่า ซึ่งหลายตลาดก็มีการทำจุดสูงสุดใหม่กันไปแล้ว หลังจากที่ตลาดเอเชียเหนือเริ่มจะอิ่มตัวแล้วเงินลงทุนก็มีการเริ่มไหลกระจายไปยังภูมิภาคอื่น โดยจะไหลเข้าละตินอเมริกาแล้วก็มาที่เอเชียใต้ต่อ

ถ้าเฟดมีการปรับลดดอกเบี้ยลงในเดือนกันยายนนี้จริง ก็จะเป็นปัจจัยบวกทั้ง 2 ตลาด กล่าวคือ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ได้รับปัจจัยบวก โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคฯ แล้วก็หุ้นกลุ่มเติบโตที่จะได้ประโยชน์จากต้นทุนเงินทุนที่ถูกลง ตามทิศทางดอกเบี้ยที่ปรับตัวลง รวมถึงเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดเกิดใหม่ เพราะว่าดอกเบี้ยที่ลดลงก็มักจะทำให้ดอลลาร์อ่อน

แต่เม็ดเงินจะไหลไปหาตลาดที่ valuation ถูกกว่า จากสถิติในอดีตตลาดเกิดใหม่มักจะทำผลตอบแทนได้ดีกว่าตลาดพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะที่ช่วงสหรัฐฯ มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง โดยตั้งแต่ปี 1990 สหรัฐฯ มีวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงประมาณ 7 รอบพบว่าโดยเฉลี่ย MSCI Emerging Market จะ outperfrom MSCI Develop Market อยู่ที่ประมาณ 15% แต่ว่าการลดดอกเบี้ยรอบนี้ยังมีความไม่แน่นอนอยู่สูง

แม้ว่าตลาดจะมีความคาดหวังสูง ที่ว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน แต่จากข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดที่ออกมาไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะตัว Core PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อหลักในการพิจารณานโยบาย ปัจจุบันอยู่เกือบ 3% ซึ่งยังคงสูงกว่าเป้าหมายที่ 2% อย่างมากและตัวดัชนีราคาผู้ผลิตหรือตัว PPI ที่ออกมาก็ช็อกตลาดซึ่ง PPI ที่สูงขึ้นก็เป็นการสะท้อนว่าต้นทุนการผลิตของผู้ผลิตยังไม่ลดลง เราคงต้องจับตากันดูต่อว่าต้นทุนที่สูงขึ้นในฝั่งผู้ผลิตจะถูกส่งผ่านไปยังผู้บริโภครึเปล่า ซึ่งมันจะสะท้อนในดัชนี CPI แล้วก็ PCE ในอนาคต

ผมมองว่ามีตลาดหุ้น 3 ประเทศที่มีความน่าสนใจครับ

ประเทศแรกก็คือจีน ดัชนี Shanghai Composite ก็ทำจุดสูงสุดใหม่ไปในรอบ 10 ปีอันนี้ก็สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่กลับมาแล้วก็มีการสนับสนุนจากภาครัฐด้วยโดยนโยบาย Anti Involution จะมาแก้ปัญหาสินค้าล้นตลาดและภาวะเงินฝืด ถ้าสำเร็จได้ในระยะยาวก็จะนำไปสู่การปรับเพิ่มประมาณการ EPS แล้วก็จะเป็นการปรับมูลค่า P/E ด้วย

ประเทศที่ 2 อินเดียก็มีความน่าสนใจแม้ว่าจะเผชิญภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ แต่มูลค่าการส่งออกของอินเดียไปสหรัฐฯ ก็น้อยในระดับเลขหลักเดียวของมูลค่าสหรัฐฯ ทั้งหมด ซึ่งการที่รัฐบาลได้มีการประกาศมาตรการที่จะลดภาษีเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศรวมถึงมาตรการการกระตุ้นทางเศรษฐกิจต่างๆ ที่จะหนุนให้ตลาดฟื้นตัว รวมถึงราคาหุ้นในตลาดอินเดียในปัจจุบันก็ดูจะสะท้อนข่าวร้ายไปค่อนข้างมากแล้วเหมือนกันบวกกับโอกาสการเติบโตสูงในระยะยาวของอินเดียก็มีความน่าสนใจในการลงทุน

ประเทศสุดท้ายยังเป็น เวียดนาม ที่เรายังเห็นศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว โดยล่าสุดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือ จีดีพีในไตรมาส 2 ที่ประกาศออกมาก็ประมาณเกือบๆ 8% ถือว่าสูงสุดในอาเซียนแล้วก็ยังมีแผนที่จะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่รวมถึงยังมีโอกาสที่จะได้ยกระดับจากตลาดหุ้นชายขอบ (Frontier Market) สู่ตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ซึ่งหากไม่มีอะไรสดุดก็จะดึงดูดเงินลงทุนได้เพิ่มมหาศาล

การเลือกคว้าโอกาสจากแต่ละประเทศเวลานี้นักลงทุนควรจัดสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสม จริงอยู่ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังมีโอกาสในการลงทุนอยู่แต่อาจจะต้องเลือกดูเป็นรายบริษัทคือเป็นบริษัทที่มีงบการเงินที่ออกมาดี และราคายังไปไม่แรงมาก อย่างเช่น หุ้นเทคฯ ขนาดใหญ่ที่อาจพุ่งแรงไปแล้ว คุณอาจจะมองไปที่หุ้นขนาดกลาง ขนาดเล็ก ก็คือยังมีหลายๆ บริษัทที่งบการเงินออกมาดีและยังมีความน่าสนใจในการลงทุนอยู่

อย่างไรก็ตามหากมองดูพอร์ตตัวเองแล้วพบว่ายังมีสัดส่วนหุ้นสหรัฐฯ มากเกิน 50% ผมแนะนำว่าควรใช้โอกาสที่ตลาดหุ้นทำ new high อยู่เวลานี้ ขายทำกำไรบางส่วนเพื่อกระจายไปลงทุนในประเทศอื่นๆ

สำหรับสัดส่วนของตลาดหุ้นเกิดใหม่ ผมมองว่าสัดส่วนไม่ควรเกิน 40% เนื่องจากมีความเสี่ยงมากกว่าตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว เราแนะนำว่านักลงทุนควรจัดสัดส่วนการลงทุนในประเทศจีนไม่เกิน 15% ประเทศอินเดียไม่เกิน 15% และเวียดนามไม่เกิน 10% ครับ ที่เหลือยังควรลงทุนในหุ้นสหรัฐ และ Developed Markets ครับ เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาวครับ

โดย ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO Jitta Wealth

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก TNN ช่อง16

ปิอัสตรี ยังไม่วางใจกับตำแหน่งแชมป์ แม้ทิ้งห่าง นอร์ริส 34 แต้ม

14 นาทีที่แล้ว

ผลการวิจัยใหม่ ทาน “เนื้อแดง” ไม่ดี ทำลายลำไส้ และกระตุ้นทำให้เกิดโรคลำไส้อักเสบ

15 นาทีที่แล้ว

สหรัฐฯ กลับมาใช้ “สมุดข้อสอบ” อีกครั้ง รับมือเด็กใช้ ChatGPT ทำการบ้าน

19 นาทีที่แล้ว

พรรคประชาชนชั่งใจยังไม่เคาะเลือกขั้วแดงหรือน้ำเงิน

21 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

“อินเดีย” โต้ “สหรัฐ” ปมค้านนำเข้าน้ำมันรัสเซีย ยันช่วยพยุงตลาดโลก-กันราคาพุ่ง

การเงินธนาคาร

ซัมซุงเปิด Business Experience Studio

การเงินธนาคาร

กระแส ‘Buy the Dip’ พุ่งแรง สะท้อนสัญญาณตลาดคริปโตยังไม่ถึงจุดต่ำสุด

Manager Online

ผลตอบแทนไอพีโอ 8 เดือนแรกปี 68 “HANN” เยี่ยมสุด “NUT” แย่สุด

PostToday

JR ร่วมใจปลูกซ่อมบำรุงป่าชายเลน “รักษ์โลก ปี 4”

Manager Online

ขุนคลัง ชี้งบ'69-ร่างกม. เดินหน้าปกติ แม้การเมืองอยู่ในภาวะสุญญากาศ เชื่อนักลงทุนคุ้นชินปรับตัวได้

MATICHON ONLINE

ขุนคลัง มั่นใจงบปี 69 ไม่สะดุด แม้เกิดสุญญากาศการเมือง ยันไม่กระทบเชื่อมั่น

Manager Online

จับตา UTAจ่อฉีกสัญญา‘เมืองการบิน‘อ้างไฮสปีดอืด

ไทยโพสต์

ข่าวและบทความยอดนิยม

หุ้นวันนี้ดาวโจนส์ 26 กรกฎาคม 2568 ปิดบวก 208.01 จุด รับดีลการค้า

TNN ช่อง16

ประเมินตลาดหุ้นจีนปีใหม่ 2568 มีอะไรดีๆ ที่รออยู่

TNN ช่อง16

แบงก์ชาติจีนเเริ่มโครงการสวอปสินทรัพย์ ดันตลาดหุ้น

TNN ช่อง16
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...