แชมป์ UTMB 2025 บนร่องรอยของความเจ็บปวดและล้มเหลว ของ ทอม อีแวนส์

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว • thestandard.co

อัลตราเทรล ดู มงบล็อง หรือ UTMB 2025 ที่ ชาโมนีซ์ ประเทศฝรั่งเศส จบลงเป็นด้วยชัยชนะของ ทอม อีแวนส์ อดีตร้อยเอกแห่งกองทัพสหราชอาณาจักร ที่ก้าวขึ้นมาคว้าชัยในรายการนี้ได้เป็นครั้ง แม้จะต้องผิดหวังมาก่อนหน้านี้หลายครั้ง

อีแวนส์ คว้าชัยใน UTMB ปีนี้ ด้วยเวลา 19 ชั่วโมง 18 นาที 58 วินาที ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนับเป็นการทำลายสถิติเดิมของ จิม วอล์มสลีย์ เจ้าของสถิติเดิมชาวอเมริกัน ที่ทำไว้ในปี 2023 ด้วยเวลา 19 ชั่วโมง 37 นาที 43 วินาที ลงอย่างราบคาบ

ในปี 2023 และ 2024 นอกจากจะไม่ชนะหรือขึ้นโพเดียมได้แล้ว เขายังไม่สามารถจบการแข่งขันได้เลยด้วยซ้ำ โดยมีสถิติ DNF สองปีซ้อน

เรื่องราวของเขาที่ก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์ UTMB ในปีนี้ จึงเป็นมากกว่าการคว้าชัยชนะ แต่มันคือเรื่องราวการก้าวขึ้นมาจากจุดต่ำสุด ไปสู่จุดสูงสุดที่ไม่มีใครคิดว่าเขาจะไปแตะถึง

ใน UTMB 2025 อีแวนส์ ต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่เลวร้าย ทั้งฝน ลูกเห็บ และหิมะ ตลอดเส้นทาง 103 ไมล์ที่ถูกย่อให้สั้นลงจากปกติเนื่องจากพายุหิมะ

เขาเปิดเผยว่าเป้าหมายของเขาไม่ใช่การชนะ แต่เป็นการสามารถภูมิใจในสิ่งที่ทำได้หลังการแข่งขัน เขายึดมั่นในแผนการที่เขาทำมาเสมอ นั่นคือ “อดทนให้มาก ๆ” (being really, really patient) และ “ปล่อยให้การแข่งขันดำเนินไปเอง” (letting the race come to me) โดยเขาเริ่มทิ้งห่างคู่แข่งหลังจากผ่านเมือง Arnuova ประเทศอิตาลี และรักษาความเป็นผู้นำไว้ได้

หลังจากเข้าเส้นชัยที่ชาโมนีซ์ ประเทศฝรั่งเศส เขาก็รับธง Union flag มาคล้องหลังเหมือนผ้าคลุม และแสดงการเคารพแบบทหารซึ่งเป็นท่าประจำตัวของเขา

อีแวนส์ กล่าวว่าการชนะ UTMB เป็นความฝันที่เป็นจริง และเป็นช่วงเวลาสำคัญในอาชีพของเขา แต่เป็นเพียงสิ่งที่วิเศษเป็นอันดับสองรองจากการที่ โซฟี ภรรยาของเขาให้กำเนิดลูกสาวคนแรกชื่อ ฟีบี้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา

เขายังกล่าวอีกว่า “นี่เป็นการแข่งขันที่แปลกประหลาดที่สุด การฝ่าไปท่ามกลางสภาพอากาศก็เป็นเรื่องหนึ่งซึ่งมันก็โอเค แต่แล้วเราก็เจอทั้งฝนและหิมะ

“ผมเคยรวมกลุ่มกันเป็นบัดดี้กับนักวิ่งคนอื่นๆ และเราก็คอยเช็คกันและกัน เพราะสภาพอากาศแย่มาก

“มันเป็นการแข่งขันที่เหลือเชื่อที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมคิดว่าสุดท้ายแล้ว เราโชคดีที่มีสภาพอากาศแบบอังกฤษแท้ๆ… หิมะ ฝน และความอบอุ่นเล็กน้อยในช่วงท้าย มันเป็นวันที่งดงามอย่างแท้จริง เพราะภูเขาทดสอบเราด้วยทุกสิ่งที่มันมี

“ผมเคยพลาดในการมาวิ่งที่นี่ 2 ครั้ง ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่นี่แสดงให้เห็นว่าถ้าคุณตั้งใจจริง อะไรก็เป็นไปได้”

การกลับมาจาก DNF สองปีซ้อน ก่อนมาคว้าชัยชนะพร้อมทำเวลาเป็นสถิติ อาจจะเป็นเรื่องที่สุดยอดแล้ว แต่อีกสิ่งที่ทำให้ชัยชนะของอีแวนส์ เป็นเรื่องที่เหนือจริง คือการที่เขากลับมาจากอาการบาดเจ็บเขา ที่ถึงขั้นต้องขึ้นเตียงผ่าตัด แต่กลับมาจบ UTMB ซึ่งเป็นหนึ่งในเทรลที่ทรหดที่สุดในโลกได้

อาการผิดปกติที่หัวเข่าของเขา เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงที่เขายังรับราชการทหารในกองทัพสหราชอาณาจักร ตอนนั้นเขามีอาการเจ็บที่เข่าขวาอยู่เป็นระยะ

แต่จุดที่แย่ที่สุด เกิดขึ้นในปี 2021 ช่วงที่ โควิด-19 ระบาด เขาต้องเริ่มวิ่งบนถนนมากขึ้น เนื่องจากการแข่งขันวิ่งเทรลส่วนใหญ่ถูกยกเลิก เขาจึงเปลี่ยนมาวิ่งมาราธอนแทน

อีแวนส์ เล่าว่า ร่างกายของเขาไม่ค่อยตอบสนองต่อการฝึกซ้อมที่ต้องใช้ปริมาณมากและรวดเร็วบนถนน และเมื่อมีความผิดพลาดเกิดขึ้น เขาก็ต้องเจอกับความเสียหายมหาศาลที่หัวเข่า

เขาต้องรับมือกับอาการเสียดสีของเอ็นหัวเข่า (IT band friction syndrome) ซึ่งนำไปสู่ภาวะกระดูกต้นขาหัก และเอ็นสะบ้าอักเสบ

อีแวนส์ ต้องเข้ารับการผ่าตัดยืดเอ็นหัวเข่า (IT band extension surgery) และต้องใช้เวลาเกือบ 6 เดือน กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย และเริ่มกระบวนการฟื้นฟูได้

เมื่อเริ่มฟื้นตัว อีแวนส์ ไปปรึกษากับ ศัลยแพทย์ชื่อแอนดี้ วิลเลียมส์ ที่ฟอร์เทียส ในลอนดอน ก่อนที่จะได้รับความช่วยเหลือจากนักกายภาพบำบัดของเรดบูลในแมนเชสเตอร์ ซึ่งก็คือดั๊ก โจนส์

อีแวนส์ ได้ไปใช้บริการที่ศูนย์ Red Bull Athlete Performance Centre ซึ่งอยู่ชานเมืองซัลซ์บวร์ก ประเทศออสเตรีย เป็นเวลาสามสัปดาห์ โดยมีเป้าหมายคือการกลับมาวิ่งอีกครั้ง และเขาก็ทำสำเร็จ จนกลับมามีส่วนร่วมกับการแข่งขันวิ่งเทรลรายการต่างๆ ได้ในปี 2022

และเพียง 1 เดือนหลังจากกลับมาสู่สนามเทรลอีกครั้ง อีแวนส์ ก็คว้าชัยใน มาเดรา ไอแลนด์ อัลตรา เทรล ระยะ 100 กิโลเมตร ที่ประเทศโปรตุเกสทันที ก่อนที่ในปี 2023 เขาก็มาคว้าชัยใน เวสเทิร์น สเตท เอ็นดูแรนซ์ รัน ที่สหรัฐอเมริกา

มาในปีนี้ เขาเป็นนักวิ่งชายชาวอังกฤษคนแรกที่ชนะ UTMB นับตั้งแต่ เจซ บรักก์ ในปี 2010 ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ถูกย่อเส้นทางลงเช่นกันเนื่องจากสภาพอากาศเลวร้าย

และอีกเรื่องหนึ่งที่ถูกพูดถึงไม่แพ้กัน คือการที่เขาพาแบรนด์ asics มาพิชิต UTMB ได้สำเร็จ พร้อมกับท่าดื่มน้ำจากรองเท้าอันเป็นเอกลักษณ์ ที่หลายๆ คนน่าจะได้เห็นกันไปแล้ว

โดยนอกจากนี้จะเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ อีแวนส์ แล้ว นี่ยังเป็นความสำเร็จอันเหนือชั้นของ แบรนด์อย่าง asics ที่กำลังจะเดินหน้ามาสู่ตลาดเทรลอย่างเต็มตัว เพราะนอกจากแชมป์แล้ว รองแชมป์อย่าง เบน ดีแมน จากสหรัฐอเมริกา ก็เป็นนักวิ่งของ ASICS Trail Team

น่าเสียดายที่ asics ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับรองเท้าของ แชมป์ และ รองแชมป์ UTMB มากนัก แต่เราก็พอจะรู้ว่า รองเท้ารุ่นนี้ เป็นรองเท้ารุ่น โปโตไทป์ ที่อาจจะเข้ามาเขย่าวงการวิ่งเทรล หลังจากที่พวกเขาจะเปิดตัวในปีหน้านี้อย่างแน่นอน

อ้างอิง