โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สังคม

'ครม.' ไฟเขียว ทบทวนรูปแบบลงทุน 'ทางด่วนกะทู้-ป่าตอง' 2.1 หมื่นล้าน

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วันนี้ (26 สิงหาคม 2568) นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคม เสนอ ดังนี้

1. อนุมัติให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ปรับรูปแบบการลงทุนของโครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 1 ช่วงกระทู้ -ป่าตอง (โครงการฯ ระยะที่ 1) ระยะทาง 3.98 กิโลเมตร

จากการให้เอกชนร่วมลงทุนตามติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2565 เป็นการให้ กทพ. ดำเนินโครงการโดยการจ้างออกแบบควบคู่การก่อสร้าง (Design & Build) ในกรอบวงเงินลงทุนค่าก่อสร้างรวมค่าควบคุมงาน จำนวน 10,964.77 ล้านบาท

2. อนุมัติให้ กทพ. กู้เงิน หรือออกพันธบัตรมาใช้ในการดำเนินโครงการฯ ระยะที่ 1 ในกรอบวงเงินลงทุนค่าก่อสร้างรวมค่าควบคุมงาน จำนวน 10,964.77 ล้านบาท

โดยให้ กทพ. ทำความตกลงกับกระทรวงการคลัง (กค.) ในการจัดหาแหล่งเงินลงทุนโครงการที่เหมาะสม

3. อนุมัติให้ กทพ. ขอรับการอุดหนุนค่าใช้เขตทางหลวงตามกฎกระทรวงกำหนดค่าใช้เขตทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงชนบท และทางหลวงสัมปทาน พ.ศ. 2564 ทั้งหมดจากรัฐบาล

โดยมีค่าใช้เขตทางหลวง เป็นจำนวนเงิน 7.75 ล้านบาทต่อปี ตลอดอายุโครงการ

นางสาวศศิกานต์ กล่าวต่อว่า เดิมคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2565 อนุมัติให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ดำเนินโครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้ - ป่าตอง (โครงการฯ ระยะที่ 1)

โดยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกขนในรูปแบบ PPP Net Cost ซึ่งต่อมา กทพ. ได้ดำเนินการประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนของโครงการฯ ระยะที่ 1

นอกจากนี้ยังกำหนดให้เอกชนที่สนใจยื่นข้อเสนอในวันที่ 7 เมษายน 2566

แต่เมื่อครบกำหนดการยื่นข้อเสนอ ปรากฏว่าไม่มีเอกชนรายใดมายื่นข้อเสนอเพื่อเข้าร่วมลงทุนโครงการดังกล่าว ซึ่งภาคเอกชนให้เหตุผลที่ไม่ยื่นข้อเสนอ เช่น

ค่าลงทุนโครงการฯ ระยะที่ 1 อาจเกินกว่าที่ กทพ. ประมาณการไว้ อีกทั้งรูปแบบการลงทุนโครงการฯ ระยะที่ 1 มีความเสี่ยงสูงที่เอกชนจะไม่ได้รับผลตอบแทนการลงทุนที่เหมาะสม

ส่วนผลตอบแทนทางการเงินจากการลงทุนโครงการฯ ระยะที่ 1 ควรมีค่าสูงกว่าที่ กทพ. กำหนดไว้ จึงไม่สามารถจูงใจให้เอกชนสนใจเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการฯ ระยะที่ 1 ได้

ต่อมา กทพ. จึงดำเนินการศึกษาทบทวนแนวทางการดำเนินโครงการฯ ระยะที่ 1 ซึ่งคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทยในการประชุมครั้งที่ 6/2567 เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2567 มีมติเห็นชอบให้ กทพ. ดำเนินการปรับรูปแบบการลงทุนของโครงการฯ ระยะที่ 1 ดังนี้

1.ให้ กพท. ปรับรูปแบบการลงทุนจากการให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการ (PPP Net Cost) เป็นการให้ กทพ. จ้างออกแบบควบคู่การก่อสร้าง (Design & Build) ในกรอบวงเงินลงทุนรวม 16,757.01 ล้านบาท

โครงการฯ ระยะที่ 1 มีรายละเอียดโครงการ เช่น สำหรับแนวสายทางโครงการจะก่อสร้างเป็นทางยกระดับขนาด 4 ช่องจราจรต่อทิศทาง (สำหรับรถยนต์ 2 ช่องจราจรต่อทิศทาง และรถจักรยานยนต์ 2 ช่องจราจรต่อทิศทาง) ระยะทางรวม 3.98 กิโลเมตร

และมีอุโมงค์อยู่ในช่วงกลางของแนวสายทาง (อุโมงค์มีระยะทาง 1.85 กิโลเมตร)

โดยจุดเริ่มต้นโครงการเชื่อมกับถนนพระเมตตา ในพื้นที่ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ และมีจุดสิ้นสุดโครงการในพื้นที่ตำบลกะทู้ อำเภอกะทู้ -ด้านการจัดเก็บค่าผ่านทาง เป็นแบบระบบบเปิด (Open System) ซึ่งจะจัดเก็บค่าผ่านทางอัตราเดียว (Flat Rate) และจะปรับเพิ่มขึ้นทุก ๆ 5 ปี

ทั้งนี้การประมาณการรายได้โครงการ: จะมีรายได้ตลอด ระยะเวลา 30 ปี รวมทั้งสิ้น 39,234 ล้านบาท

ความคุ้มค่าทางการเงิน/ทางเศรษฐศาสตร์ โครงการระยะที่ 1 มีอัตราผลตอบแทนทางการเงิน (FIRR) ร้อยละ 3.75 และมีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ (EIRR) ร้อยละ 18.74

กทพ. ดำเนินการศึกษาแนวทางการดำเนินโครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้ข้อสรุปว่า การดำเนินโครงการโดยให้ กทพ. ลงทุนและก่อสร้างโครงการฯ ระยะที่ 1 ไปก่อนมีความเหมาะสมมากที่สุด เนื่องจากโครงการฯ ระยะที่ 1 มีความพร้อมในการก่อสร้างรายงาน EIA และการขอใช้พื้นที่ป่าไม้ได้รับความเห็นชอบแล้ว และได้เริ่มจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินแล้ว)

และสามารถเปิดบริการโครงการฯ ระยะที่ 1 ได้เร็วกว่ากรณีรวมการก่อสร้างทั้ง 2 ระยะ พร้อมกันประมาณ 1 ปี

อีกทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ได้เร่งรัดให้ กทพ.เร่งก่อสร้างโครงการฯ ระยะที่ 1 เพื่อเปิดให้บริการโดยเร็ว เพื่อแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดขึ้นบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างตำบลกระทู้และตำบลป่าตองให้มีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตามสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒนาฯ) ในคราวประชุมเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 เห็นควรให้ กทพ. เสนอผลการศึกษาความเหมาะสมของการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการฯ พร้อมกันกับการเสนอขอเปลี่ยนแปลงรูปแบบการก่อสร้างโครงการฯ ระยะที่ 1

ซึ่ง กทพ. พิจารณาแล้ว ขอยืนยันแนวทางการดำเนินงานเดิมในการเสนอเรื่องขอทบทวนรูปแบบการลงทุนของโครงการฯ ระยะที่ 1 เพื่อขออนุมัติการก่อสร้างโครงการฯ ระยะที่ 1

โดย กทพ. ไปก่อน (ข้อเสนอในครั้งนี้) ส่วนข้อเสนอที่ขอให้ กทพ. กู้เงินและ/หรือออกพันธบัตรมาใช้ในการดำเนินโครงการฯ ระยะที่ 1 ในกรอบวงเงินลงทุนค่าก่อสร้างรวมค่าควบคุมงาน จำนวน 10,964.77 ล้านบาทนั้น

มีสาเหตุมาจากนโยบายของรัฐบาลที่ให้ กทพ. ปรับลดอัตราค่าผ่านทางทำให้ กทพ. มีรายได้ลดลง ไม่สามารถนำเงินรายได้ของหน่วยงานมาใช้เป็นค่าลงทุนโครงการฯ ระยะที่ 1 ได้

ซึ่งในช่วงปีงบประมาณ 2567-2586 (ระยะเวลา 20 ปี) กทพ. มีประมาณการกระแสเงินสดขาดเป็นจำนวน 21,298.11 ล้านบาท

ดังนั้น กทพ. จึงจำเป็นต้องขอกรอบวงเงินกู้หรือออกพันธบัตรของค่าก่อสร้างทั้งหมด และโดยที่พระราชบัญญัติการทางพิเศษแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 57 (2) และ (3) บัญญัติให้ กทพ. จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนดำเนินการกู้ยืมเงินเกินหนึ่งร้อยล้านบาทหรือออกพันธบัตรเพื่อการลงทุน

กทพ. จึงขอเสนอคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ สำหรับข้อเสนอที่ กทพ. ขอรับการอุดหนุนค่าใช้เขตทางหลวงตามกฎกระทรวงกำหนดค่าใช้เขตทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงชนบทและทางหลวงสัมปทาน พ.ศ. 2564 เป็นจำนวนเงิน 7.75 ล้านบาทต่อปี ตลอดอายุโครงการนั้น

กทพ. แจ้งว่า ค่าใช้จ่ายดังกล่าวยังไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมูลค่าลงทุนโครงการฯ ระยะที่ 1 จำนวน 16,757.01 ล้านบาท

โดยจะขอรับการอุดหนุนงบประมาณแผ่นดินเป็นรายปีตลอดอายุโครงการต่อไป กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

กระทรวงทรัพยากรธธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ (สงป.) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาแล้วไม่ขัดข้อง โดยมีความเห็นเพิ่มเติม เช่น

สงป.เห็นว่า สำหรับการขอรับการอุดหนุนค่าใช้เขตทางหลวงจากรัฐบาล สงป.จะพิจารณาจัดสรรให้ตามความจำเป็นและเหมาะสม

ทั้งนี้ได้คำนึงถึงสถานะทางการเงินของ กทพ. และเห็นว่ากระทรวงคมนาคม (คค.) และ กทพ. ควรเร่งรัดดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและรูปแบบการลงทุนของโครงการฯ ระยะที่ 2 ระยะทาง 30.62 กิโลเมตร ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

ค่าเงินบาทปิดตลาดวันที่ 26ส.ค.ที่ระดับ 32.47 บาทต่อดอลลาร์

36 นาทีที่แล้ว

ถ่ายทอดสดวอลเลย์บอลหญิงไทย พบ เนเธอร์แลนด์ ศึกชิงแชมป์โลก 2025

49 นาทีที่แล้ว

ครม. ไฟเขียวงบฯ ปี 69 องค์กรร่วมไทย–มาเลเซีย 5.6 ล้านดอลลาร์ เดินหน้าแผนพัฒนาปิโตรเลียมต่อเนื่อง

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

คิกออฟ 30 บาทรักษาทุกที่ กระตุ้นศก.ฐานราก จ้าง Care Giver 1.8 หมื่นคน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสังคมอื่นๆ

ทิดอลงกต เปิดใจ รับรากเหง้าของตนเอง สวมชื่อเพื่อนรัก หวังหนีทหาร

สยามนิวส์

สึกแล้วสารภาพสิ้น! ที่แท้คือ 'จอร์จ เกรียงไกร' ใช้ชื่อเพื่อนรักบังหน้า หลอกทั้งวงการสงฆ์

THE ROOM 44 CHANNEL
วิดีโอ

ตั้งกรรมการสอบ “วัดพระบาทน้ำพุ” ส่อเจอตอ! คณบดีมจร.-นักวิชาการ ลั่น! พระทำงานช้า ถึงมือตำรวจ?

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์
วิดีโอ

หวิดโศกนาฏกรรม! เปิดนาทีบ้านยายถล่ม ต่อหน้าผู้ว่าฯชลบุรี

THE ROOM 44 CHANNEL

"คนไทย" ไม่ทนฮือรวมตัวร้องเพลงชาติขับไล่ "คนกัมพูชา" ออกจากแผ่นดินไทยที่บ้านหนองจาน

TOP NEWS ONLINE
วิดีโอ

เหลือจะเชื่อ! 'ทิดอลงกต' ฝากคำเทศน์สุดท้ายก่อนสิ้นผ้าเหลือง 'เตือนสังคมอย่าให้กิเลสนำทาง'

THE ROOM 44 CHANNEL

เพลิงไหม้รถเหมือง คนงานเข้าไปเคลียร์ เจอเหตุระเบิดซ้ำ บาดเจ็บสาหัส

สยามนิวส์

ครม. ไฟเขียวงบฯ ปี 69 องค์กรร่วมไทย–มาเลเซีย 5.6 ล้านดอลลาร์ เดินหน้าแผนพัฒนาปิโตรเลียมต่อเนื่อง

ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...