เปิดอินไซด์! ศาลรธน.ไต่สวน 3 ชม. ‘อิ๊งค์’ ลื่นไหลแต่ฟังไม่ขึ้น ชี้ไขก๊อกหลังถกครม.
'สมชาย' เปิดอินไซด์ไต่สวนศาลรธน. 3 ชั่วโมง 'อิ๊งค์' ขอเปิดเอกสารโดนสั่งเบรก ยอมรับเบิกความลื่นไหล แต่ข้อแก้ตัวสอบตกฟังไม่ขึ้น ยังเชื่ออาจชิงลาออกหลังประชุมครม. 26 ส.ค.นี้
22 ส.ค. 2568 - นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ซึ่งเข้าร่วมฟังการไต่สวนคำร้องคดีถอดถอน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ให้สัมภาษณ์กับรายการ "ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด" โดยช่วงหนึ่ง ได้เล่าถึงภาพรวมบรรยากาศการไต่สวนของศาลรัฐธรรมนูญที่มีการไต่สวนนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และนายกรัฐมนตรีแพทองธารว่า การไต่สวนนายฉัตรชัย ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง ส่วนการไต่สวน น.ส.แพทองธาร ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง โดยมีการไต่สวนอย่างละเอียด แต่ต้องย้ำว่าศาลสั่งห้ามเอาเนื้อหาในคำไต่สวนไปเผยแพร่ และไม่ให้บิดเบือน สิ่งที่ตนพูดคงได้แค่บรรยากาศภาพรวม และเป็นความเห็นของเราในเรื่องข้อกฎหมายเดิม
“ในช่วงการไต่สวน นายกฯ ถือแฟ้มเอกสารที่เป็นแฟ้มใสปีกหนึ่ง แล้วก็จะหยิบอ่าน แต่ทางตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าห้ามหยิบอ่าน เป็นเอกสารที่วางอยู่ข้างๆ ตัวนายกฯ อย่างไรก็ตาม ก็ถือว่านายกฯ ตอบได้” นายสมชาย ระบุ
-ภาษากายของนายกฯและเลขาธิการสมช. ในการไต่สวน ดูจะมั่นใจว่าตอบได้?
เอาแบบไม่เข้าในสำนวน ก็เหมือนกับสคริปต์ที่นายกฯ ยื่นไปเมื่อ 4 สิงหาคม (เอกสารคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนายกรัฐมนตรี) ภาพรวมก็เป็นไปตามนั้น โดยในการไต่สวน นายฉัตรชัย ไม่ได้พูดเรื่องความลับความมั่นคงอะไรเยอะ เป็นเรื่องวาระการประชุมของ สมช. ธรรมดา ก็บอกถึงเรื่องนั้นๆ ว่าทำไมตัดสินใจแบบนั้น สรุปก็คือ ไปในทางเดียวกันกับนายกรัฐมนตรี ถือว่า นายกฯ มีการซ้อมมาดี โดยหลังตุลาการศาลรธน. ซักถามคุณฉัตรชัยไต่สวนเสร็จ ก็ให้กลับเลย ไม่ให้เจอกับนายกฯ แพทองธาร โดยระหว่างการไต่สวน ทนายความของผู้ถูกร้อง (นายกรัฐมนตรี) ก็มีการซักถามเพิ่มเติมนายฉัตรชัยได้ ที่อย่างที่บอก นายฉัตรชัยก็ไล่ไทม์ไลน์ต่างๆ ในห้องไต่สวน
-ศาลรธน.ซักถามนายฉัตรชัยหรือไม่ว่า ผู้ถูกร้องได้สร้างความเสียหายให้บ้านเมืองหรือไม่?
อันนี้ลงในรายละเอียดตอบไม่ได้ แต่ต้องย้อนกลับไปตอนที่นายกฯ ส่งชื่อพยานบุคคลห้าชื่อไปให้ศาลรัฐธรรมนูญที่มีด้วยกันห้าคน ที่มีทั้งข้าราชการประจำและอดีตข้าราชการประจำ แต่ไม่มีคนที่ควรจะไป คือนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริยเดช เลขาธิการนายกฯ พยานสามปากนี้อยู่กับนายกฯ ที่โรงแรมโรสวูด ผมก็งงว่าทำไมผู้ถูกร้องถึงไม่ส่งชื่อสามคนนี้ รวมถึงนายเคลียง ฮวด ที่ก็ไปที่โรงแรมโรสวูดด้วย อันนี้ไม่ได้ปกปิดเพราะนายทักษิณ ชินวัตร เป็นคนออกมาพูดเองว่าไปร่วมประชุมด้วยที่โรสวูด พยานเหล่านี้ในความเห็นของตนคือสิ่งสำคัญ เพราะมีเรื่องของความลับราชการ เพราะเป็นวันอาทิตย์ด้วย และไม่ใช่ที่ทำเนียบรัฐบาล ต้องการสื่อสารอะไรกัน หากพยานเหล่านี้ขึ้นไต่สวน ก็คงโดนศาลรธน.ซักถาม แต่กลับไปส่งชื่อพยานห้าปาก อย่าง เลขาธิการสมช. ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่โดยหลักการไต่สวน ผู้ถูกร้องคงไม่เอาพยานที่เป็นปฏิปักษ์ฝ่ายตนเอง ก็ต้องหาพยานที่มีน้ำหนักที่จะมาฝ่ายตนเอง
สำหรับการไต่สวน นายกฯ ที่ใช้เวลาร่วมสองชั่วโมง ส่วนใหญ่โดยรวมๆ ก็เป็นไปตามเอกสารคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาที่ยื่นต่อศาลรธน.
-ก็คือชี้แจงว่าเป็นเทคนิคการเจรจา และไม่มีเจตนาทำร้ายบ้านเมือง ไม่ได้ทำให้บ้านเมืองเสียหาย?
ใช่ ก็อยู่ในกรอบ คือตอบว่า ไม่ได้เสียหายอะไร ตัวเองไม่ได้อะไร เป็นเทคนิคการเจรจา ก็เหมือนกับที่นายกฯเคยแถลงมาตลอด ยืนยันว่าเป็นเทคนิคการเจรจา ซึ่งตนมีความเห็นต่าง ในฐานะอดีตรองประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศ วุฒิสภา เพราะเทคนิคการเจรจาที่ถูกต้องระหว่างผู้นำประเทศ ไม่ได้โทรศัพท์ไปทักทายว่า สบายดีไหม กินก๋วยเตี๋ยวหรือยัง ไม่ใช่แค่นั้น มันต้องถูกบันทึกเทป ผู้นำทุกประเทศรู้อยู่แล้ว และต้องมีล่าม หากพูดภาษาอังกฤษกันไม่ได้ ต้องมีล่ามทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ล่ามคือนายเคลียง ฮวด ฝ่ายกัมพูชาฝ่ายเดียว จะต้องมีล่ามจากกระทรวงการต่างประเทศ หรือหน่วยงานต่างๆ
และการเจรจาระหว่างผู้นำ จะเรียกสิ่งที่ทำว่าไม่ได้เป็นทางการไม่ได้ เพราะในเนื้อหาร้อยเปอร์เซนต์ เป็นเรื่องการเจรจาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา การถอนกำลังทหาร การปิดด่าน การตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต ไฟฟ้า ไม่ได้คุยถามสารทุกข์สุขดิบ จะต้องมีข้อเสนอ จากกระทรวงการต่างประเทศและฝ่ายความมั่นคง เป็นข้อเสนอที่มีในมือก่อนการเจรจา และที่สำคัญของการเจรจา เวลาจะเสนอะไรหรืออีกฝ่ายจะเสนออะไร ไม่ใช่แบบในคลิปเสียง ในคลิปให้ฮุุน เซนเสนอฝ่ายเดียวว่าต้องการอะไรบ้าง นายกฯ ไม่ได้เสนออะไรเลย หากดูจากคำถอดเทปที่มีการถ่ายทอดและแปลออกมาจากคลิปความยาวประมาณสิบเจ็ดนาที
ต้องบอกว่า เคลียง ฮวด เป็นล่ามมาตั้งแต่นายทักษิณ กับฮุน เซน คุยกันแล้วตั้งแต่อดีต เพราะสมเด็จฮุน เซน พูดภาษาอังกฤษได้เล็กน้อย ทักษิณพูดภาษาเขมรไม่ได้ เคลียง ฮวด จะเป็นล่าม ระหว่างทักษิณกับฮุน เซน ซึ่งเคลียง ฮวด หรือผอ.ฮวด มีตำแหน่งทางการคือเป็นรองนายกเทศบาลพนมเปญ และที่สำคัญ ที่เรียกว่า ผอ.ฮวด เพราะคอยดูแลคนไทยที่มีคดี 112 คดีก่อการร้าย ที่หนีไปอยู่กัมพูชา จึงมีความสำคัญกับฮุน เซน มาก ซึ่งในเอกสารที่มีการแปลบทสนทนาในคลิปเสียงและที่ทักษิณยอมรับ คือ เคลียง ฮวด ไม่ได้อยู่พนมเปญแต่อยู่ที่โรงแรมโรสวูด โดยมาที่โรงแรมวันอาทิตย์ที่ 15 มิ.ย. ไม่ใช่ทำเนียบรัฐบาล แต่เป็นโรงแรมโรสวูดของตระกูลชินวัตร มีทั้งนายกฯ นายภูมิธรรม นพ.พรหมมินทร์ นายมาริษ และเคลียง ฮวด จะมาร่วมพูดคุยด้วย การมาคุยด้วย คุยอะไรเราไม่รู้แต่คุยกัน 2-3 ชั่วโมง แล้วมีการต่อโทรศัพท์ถึงฮุน เซน แต่ฮุุน เซนหลับ
ซึ่งจากหลักฐานการถอดเทปเสียงในคลิป มีอยู่ตอนหนึ่ง เคลียง ฮวด บอกว่า "สักครู่ ท่านได้พูดคุยกับผมที่โรงแรม" ก็ชัดเจนว่าได้คุยที่โรงแรม และได้ตกลงร่วมกัน ตามที่คุณพ่อได้กล่าวว่าต้องการให้ทั้งสองมีเสถียรภาพครับ คุณพ่อครับ เคลียง ฮวดจะเรียกฮุน เซนว่าคุณพ่อ อุ๊งอิงค์ ก็บอกว่า โอเคค่ะ บอกว่าวันนี้ได้คุยกับพี่ฮวด เรื่องชายแดน บอกว่าเข้าใจตรงกัน ท่านฮุน เซน และอิ๊งค์อยากให้สองประเทศสงบสุข คุณแพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี เอาความลับเรื่องชายแดนไปคุยกับนายฮวด ได้อย่างไร นายฮวด ไม่ใช่ฮุน เซน ไม่ใช่ฮุน มาเนต มีการไปคุยกันมาก่อน
สิ่งสำคัญที่ได้จากการถอดเทปบทสนทนาในคลิปเสียง คือนายฮวด ได้รู้ความลับเกี่ยวกับประเทศหลายเรื่อง การแปลจึงเป็นการแปลตามความเข้าใจของนายฮวด ที่มีการประชุมกันมาก่อน มันจึงไม่ตรงกับคำถอดเทปคนอื่นหรือที่แพทองธาร บอกว่าไม่รู้อะไรเลย แต่จริงๆ ฮวด รู้เยอะแล้วและไปเล่าให้ฮุน เซนฟัง ในหลายตอนของคลิปเสียงที่ผมถือว่าอันตรายเช่น ที่บอกว่า ไม่อยากให้อังเคิล ไปฟังคนอื่น คนที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับเราที่เอ่ยถึงแม่ทัพภาคที่ 2
แต่ตอนที่เคลียง ฮวด แปลให้ฮุน เซนฟัง คือ "ขอให้คุณพ่อ อย่าไปฟังคำพูดแม่ทัพภาคที่ 2 คนนั้น เพราะเป็นบุคคลฝั่งตรงข้ามรัฐบาลไทย" ทำไม นายฮวด เข้าใจอย่างนั้นได้ และนายฮวด ยังพูดกับฮุน เซนอีกว่า "และเป็นศัตรูด้วยครับคุณพ่อ" อันนี้เขาแปล แต่เขาแปลจากอะไร แปลไม่ตรงกับที่นายกฯพูด มันแปลจากข้อมูลที่รับรู้มาก่อนหรือไม่ หรือนายฮวด บิด แต่ความเห็นของผม มันมีการประชุมที่โรสวูด ก็เลยนำสิ่งเหล่านี้ ไปเล่าตามที่นายฮวด รู้เรื่อง เข้าใจเรื่อง ที่ยังมีอีกหลายตอนเยอะมาก ที่บ่งบอกว่า ฮวด เข้าใจเรื่องแบบนี้ แล้วแปลออกมาแบบนี้
"เอกสารคำแปลนี้ หากยังไม่ได้อยู่ในสำนวน ผมก็ได้แนะนำ สว.ปัจจุบันกลุ่มที่เข้าชื่อกันยื่นคำร้องต่อศาลรธน. ที่เป็นผู้ร้องในคดีว่าควรมีการเอาเข้าสำนวนส่งศาลรธน. จะเอาจากเฟซบุ๊กผมหรือขอมาที่ผมก็ได้ ที่ยืนยันได้ว่าเอกสารนี้เป็นเอกสารจริง ขอไปที่หน่วยของทหารก็ได้ ทางผู้ร้องคงรู้ว่าไปขอที่ไหนได้"
-เห็นมีข่าวว่า นายกฯ ชี้แจงลื่นไหลมาก?
ก็ลื่นไหลจริง โดยบุคลิกเขาได้อยู่แล้ว ผมอ่านคนแบบนั้นอยู่แล้วว่าสามารถทำได้ แต่ในการพิจารณาไต่สวนของศาลรธน. ไม่ได้ฟังเฉพาะคำให้การเมื่อวันที่ 21 ส.ค. แล้วชี้ว่าถูกหรือผิด หลักการพิจารณาจะมีประมาณ 4-5 จุด เช่น "คำร้องของสว." ที่ทราบว่าก็มีการส่งคลิปไปให้ศาลรธน. คำแก้ต่างหรือคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา หรือเอกสารที่หากค้นได้ควรไปค้นคือ หนังสือที่เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ลงวันที่ 9 มิ.ย. ถึงเลขาธิการสมช.เพื่อส่งมาตราการที่รับมาจากสมช. ที่มีการประชุมสมช. วันที่ 6 มิ.ย. ที่กัมพูชารุกล้ำดินแดนไทย สมช. มีมติให้กองทัพไปประชุมแล้วเสนอมาตรการมาว่าจะทำอย่างไร กองทัพก็เสนอมาพร้อมกันหมดให้ปิดด่าน-ตัดไฟ-ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต พอวันที่ 7 มิ.ย. ก็มีการปิดด่านโดยผบ.ทบ.-แม่ทัพภาคที่ 1 -แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นต้น ที่หากสว.จะนำเอกสารไปส่งศาลรธน.ก็นำไปส่งได้
และเอกสารวันที่ 9 มิ.ย. ที่สำคัญมากที่เขียนว่า "เนื่องจากข้อพิพาทที่กัมพูชารุกล้ำอธิปไตย รุกล้ำอธิปไตยฯ จึงเสนอต่อเลขาธิการสมช. เพื่อนำเข้าที่ประชุมสมช. ตามมติวันที่ 6 มิ.ย." ที่สมช.ต้องประชุมวันที่ 16 มิ.ย. แต่ น.ส.แพทองธาร โทรศัพท์คุยกับฮุน เซน วันที่ 15 แต่วันที่ 16 มิ.ย. ไม่มีการประชุมสมช.แต่นายกฯประชุมกับ ผบ.เหล่าทัพบางคน บางหน่วย ไม่ใช่การประชุมใหญ่ แล้วก็มีคำว่าไม่ professional ออกมา หลัง ฮุน มาเนต ไปโพสต์เฟซบุ๊กตอนเช้าว่า ไทยจะเปิดด่านให้แล้ว พอนายกฯ พูดคำนั้น ก็มีการปล่อยคลิปออกมาวันที่ 18 มิ.ย. เอกสารเหล่านี้ควรส่งเข้าไปในสำนวน ซึ่งตอนที่มีการไต่สวนเมื่อ 21 ส.ค.ตัวนายกฯ ก็มีการให้การต่อศาลรธน.ประมาณนี้
-จากที่ฟังนายกฯ ไต่สวน ที่บอกกับศาลรธน. ว่า เป็นเทคนิคการเจรจา ไม่มีเจตนาทำร้ายบ้านเมือง ไม่ได้ทำให้บ้านเมืองเสียหาย ความเห็นคิดว่าผ่านหรือไม่?
ไม่ผ่าน โดยหากไล่ทีละข้อ ที่บอกว่าเป็นเทคนิคการเจรจา หากไปเปิดตำราของ Harvard ที่มีหนังสือออกมาหลายเล่ม ถ้าดูตามหลักนี้ ไม่ผ่าน และที่สำคัญ หลักการเจรจา หากเราเป็นคนที่จะไปเจรจา เราต้องเตรียมไปก่อนว่าเราต้องการอะไร แต่ในคลิป17 นาที ไม่มีเราต้องการอะไรเลย มีแต่ไปรับฟังว่าฮุน เซนต้องการอะไร อันนี้ไม่ใช่การเจรจา หลักสำคัญในเรื่องเทคนิคการเจรจาถือว่าไม่ผ่าน เป็นคำแก้ตัวและเพิ่งมาใช้ในการเขียน(คำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา)หลังประชุมทีมกฎหมาย ทำไมไม่ใช่ตั้งแต่วันแรกๆ ในการแถลง นี้เป็นเทคนิคการเจรจาขั้นสูง วันแรกๆอาจพูดอยู่ไม่ได้ลงรายละเอียดเหมือนในเอกสารที่ยื่นต่อศาลรธน.
ส่วนเรื่องไม่มีเจตนาทำร้ายบ้านเมือง ต้องบอกว่าอันนี้(คดีที่ศาลรธน.)ไม่ใช่เรื่องความผิดคดีอาญา ที่ต้องไปสู้คดีในชั้นป.ป.ช.-หรือหากตำรวจกองปราบปรามที่มีการแจ้งความนายกฯ ทำผิดประมวลกฎหมายอาญา แล้วตำรวจส่งคดีไปขึ้นศาลฎีกาฯ อันนั้นไปสู้ได้ แต่คดีที่ศาลรธน.เป็นเรื่องของความไม่ซื่้อสัตย์สุจริต การฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม
สำหรับที่บอกว่า ไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น แสดงว่านายกฯ ไม่เห็นคนตายที่ร้านสะดวกซื้อแปดศพ ไม่เห็น รพ.ถูกยิงด้วยจรวด BM-21 ไม่เห็นทหารเสียชีวิต 15 ศพ ไม่เห็นทหารขาขาดเลยหรือ
“ยังเชื่อว่าอาจจะมีการลาออกจากตำแหน่งของนายกฯแพทองธาร หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีวันอังคารหน้า 26 ส.ค. ที่ก็อาจจะมีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการให้สะเด็ดน้ำอีกรอบ ตอนนี้ก็มีสองทางคือ ไม่ลาออกแล้วอยู่จนถึงวันที่ 29 ส.ค. แล้วโดนศาลรธน.วินิจฉัยและมีมติให้พ้นจากตำแหน่งนายกฯด้วยมติอาจจะ 9 ต่อ 0 ซึ่งหากมีประวัติว่าต้องพ้นจากตำแหน่งเพราะไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ก็จบเลย หรือมติอาจต่ำสุด 7 ต่อ 2
ส่วนที่ให้สัมภาษณ์แนะนำให้นายกฯ ลาออกก่อนวันที่ 29 ส.ค. เพราะไหนๆ ก็ขาดคุณสมบัติหลายเรื่อง เช่นขาดประสบการณ์ เพราะหากฟังจากคลิปเสียงแพทองธารก็เหมือนกับลูกแกะ ที่ไปเจอจิ้งจอกเฒ่าอย่างฮุน เซน แต่แพทองธาร ไม่เคยเล่นการเมือง ไม่เคยทำงานราชการ อยู่ๆ พรวดมาเป็นนายกฯเลย เจอแบบนี้ ไปต่อไม่ได้ เมื่อไปไม่ได้แล้วยังทำผิดพลาด ผมก็เรียกร้องตั้งแต่วันที่มีการเผยแพร่คลิปวันที่ 18 มิ.ย.ให้นายกฯ ลาออก เพราะเป็นความรับผิดชอบของผู้นำประเทศ และอนาคตยังมีต่อ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องความมั่นคงประเทศ นำไปสู่การสู้รบ วันนี้ผมก็อยากถอดชนวนที่จะนำไปสู่ข้อพิพาทไทย-กัมพูชา แพทองธาร ก็ต้องลาออกก่อน”
-หากว่าแพทองธารรอด แล้วบริหารประเทศต่อไป?
ประเทศไม่รอด ไม่ได้พูดในฐานะที่ไปร่วมชุมนุมกับประชาชนอย่างเดียว (กลุ่มรวมพลังฯ) แต่ผมเห็นบรรยากาศแค่วันที่คลิปหลุด ขนาดผ่านไปสิบวันที่มีการนัดชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ วันที่ 28 มิ.ย.คนมาร่วมชุมนุมเกือบแสน คลิปนี้ประชาชนได้ฟังกันหมดอยู่แล้ว ถามประชาชนก็ได้ว่าเขาเห็นอย่างไร ผมเชื่อว่าเหมือนกับผลโพลของนิด้าโพล ที่ออกมาที่ความเชื่อมั่นประชาชนที่มีต่อรัฐบาลเหลือ4 เปอร์เซนต์ วันนี้อยู่ได้เพราะกองทัพในการปกป้องอธิปไตย แล้วจะตอบอย่างไร หากแพทองธารไม่ผิดแล้วไม่ออก
-แล้วเกิดนายกฯ ชนะคดี แล้วลาออกทันทีเลย เพื่อให้เห็นว่าไม่ผิดแต่ยินดีลาออก?
ชนะแล้วลาออกทำไม ถ้าจะลาออก ก็ลาออกก่อนแพ้ ผมไม่เชื่ออย่างนั้น เพราะหากชนะ คุณพ่อ (ทักษิณ) ไม่ให้ลาออกหรอก เดินหน้าลุยต่อ ส่วนที่เชื่อว่าแพทองธารจะลาออกหลังประชุมครม.วันอังคารที่ 26 ส.ค. ก็เพราะที่มีมติแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าฯ และอีกหลายตำแหน่งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เลยเชื่อว่าอาจจะมีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการประจำระดับสูงกันอีกรอบหนึ่งในวันอังคารที่ 26 ส.ค. ให้สะเด็ดน้ำมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยหากลาออกก็ลาออกหลังวันอังคารหลังประชุมครม.