จีนลดการปล่อยคาร์บอน 1% ครึ่งปีแรก 2025 พลังงานหมุนเวียนหนุน
การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของจีนลดลง 1% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากการใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ตามผลการศึกษาของศูนย์วิจัยด้านพลังงานและอากาศสะอาด (Centre for Research on Energy and Clean Air – CREA) ซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงเฮลซิงกิ
การปล่อยก๊าซจากภาคการผลิตไฟฟ้า ซึ่งเป็นแหล่งก๊าซเรือนกระจกที่ใหญ่ที่สุดของจีน ลดลง 3% ในช่วงหกเดือนดังกล่าว จากการวิเคราะห์ CREA ที่จัดทำให้แก่องค์กรวิจัย Carbon Brief ของสหราชอาณาจักร อธิบายว่าการลดลงดังกล่าว เกิดจากการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของจีนที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะทำสถิติการติดตั้งกำลังการผลิตใหม่สูงสุดอีกครั้งในปี 2025 ซึ่งทำให้มีแนวโน้มว่าการปล่อยคาร์บอนทั้งปีจะปรับลดลง ผลการศึกษาระบุ
จีนซึ่งเป็นผู้ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์รายใหญ่ที่สุดของโลก
เคยรายงานการลดลงของการปล่อยก๊าซคาร์บอนทั้งปีครั้งล่าสุดในปี 2022 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการระบาดของโควิด-19 โดยจีนตั้งเป้าว่าการปล่อยคาร์บอนจะถึงจุดสูงสุดภายในปี 2030 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2060
การใช้ถ่านหินในภาคการผลิตไฟฟ้าลดลง 3% ในช่วงเดือนมกราคม–มิถุนายน ขณะที่การใช้ก๊าซเพื่อผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 6%
นอกจากนี้ การปล่อยก๊าซยังลดลงในภาควัสดุก่อสร้าง โลหะ ปูนซีเมนต์ และเหล็ก ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่อ่อนแอ
อย่างไรก็ตาม ต่างจากภาคอุตสาหกรรมหลักอื่น ๆ การปล่อยคาร์บอนจากอุตสาหกรรมเคมีของจีนยังคงเพิ่มขึ้น ผลการศึกษาระบุว่าการใช้ถ่านหินเป็นวัตถุดิบในการผลิตเชื้อเพลิงสังเคราะห์และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น 20% ในช่วงครึ่งปีแรก
การเติบโตของภาคการผลิตเคมีภัณฑ์จากถ่านหิน coal-to-chemicals ทำให้การปล่อยคาร์บอนของจีนเพิ่มขึ้น 3% ตั้งแต่ปี 2020 และอาจเพิ่มขึ้นอีก 2% ภายในปี 2029 จากการวิเคราะห์ที่เผยแพร่