โฆษกรัฐบาล ตามแก้เฟกนิวส์เขมร กุข่าวไทยประกาศสงคราม หวั่นประชาชนหลงเชื่อ
รัฐบาล ยืนยัน ไม่มีเรียกประชุมรัฐสภา เพื่อประกาศสงครามกับกัมพูชา แจงสภาฯประชุม สว.เป็นปกติอยู่แล้ว ขอปชช.อย่าหลงเชื่อข่าวเท็จบิดเบือน
22 สิงหาคม 2568 - นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) กล่าวว่า ตามที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอจากเพจ Bong Ah Run ซึ่งอ้างอิงข้อมูลจากสื่อท้องถิ่นในกัมพูชาระบุว่าประเทศไทยจะมีการประชุมรัฐสภาเพื่อประกาศภาวะสงครามกับกัมพูชานั้น รัฐบาลขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เป็นการจงใจสร้างเฟคนิสว์ข่าวเท็จบิดเบือนข้อมูลอย่างร้ายแรง โดยหวังสร้างความเข้าใจผิดต่อประชาชนและประชาคมโลก
นายจิรายุ กล่าวว่า ทั้งนี้รัฐบาลยืนยันว่า 1.ประเทศไทยไม่มีการเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อประกาศสงครามกับประเทศใดๆหรือกับประเทศกัมพูชา และไม่มีการดำเนินการใด ๆ ที่จะนำไปสู่ภาวะสงครามอีกทั้ง การประชุมรัฐภาของไทยเป็นไปตามปกติตามสมัยประชุมที่จะมีการประชุม สมาชิกวุฒิสภา ทุกวันจันทร์ และอังคาร ส่วนสภาผู้แทนราษฎรจะประชุมในวันพุธ และพฤหัสในทุกสัปดาห์อยู่แล้ว 2.การกล่าวหาว่าไทยไม่ต้องการสันติภาพหรือจะโจมตีกัมพูชาเป็นการป้ายสีที่บิดเบือนอย่างเลวร้าย และอาจสร้างผลเสียหายต่อการแก้ไขความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
และ 3.ไทยยึดมั่นในหลักการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี ผ่านกลไกทวิภาคี ทุกมิติ
นายจิรายุ กล่าวว่า ทั้งนี้ ประเทศไทยมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาชายแดนอย่างสร้างสรรค์ และพร้อมเข้าร่วมการประชุมในทุกเวทีความร่วมมือ รวมถึงการผลักดันการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง โดยคาดหวังให้ฝ่ายกัมพูชาจะเข้าร่วมการหารือด้วยความจริงใจเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นการยั่วยุที่สร้างความตึงเครียดต่อการเดินหน้าไปสู่สันติภาพ ระหว่างทั้งสองประเทศและในภูมิภาค
"รัฐบาลขอความร่วมมือจากประชาชน อย่าหลงเชื่อ แชร์ หรือส่งต่อข้อมูลที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ หากพบข้อมูลที่น่าสงสัย ขอให้ตรวจสอบกับหน่วยงานรัฐหรือช่องทางราชการที่เกี่ยวข้องก่อนเผยแพร่ เนื่องจากการบิดเบือนข่าวสาร จะเป็นอันตรายต่อประชาชน โดยประเทศไทยยังคงยึดมั่นสันติวิธีและความร่วมมือ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในภูมิภาค อีกทั้งหน่วยงานราชการได้ตรวจสอบอย่างต่อเนื่องและได้ดำเนินคดีกับผู้จงใจสร้างข่าวเท็จ และนำไปเผยแพร่ต่อ จำนวนมากแล้ว” นายจิรายุกล่าว