เงินบาทอ่อนค่า ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปิดลบจากสัปดาห์ก่อน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า เงินบาทอ่อนค่าลงตามทิศทางของสกุลเงินอื่นในเอเชีย สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่แข็งค่าตามการปรับตัวขึ้นตามบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลัง CME's FedWatch tool สะท้อนโอกาสความเป็นไปได้ (Probability) ที่จะเห็นเฟดลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. เพียง 70% ซึ่งต่ำกว่าก่อนหน้านี้ที่ Probability เกือบเต็ม 100% หลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อาทิ PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนส.ค. และข้อมูลยอดขายบ้านมือสองเดือน ก.ค. ออกมาดีกว่าที่คาด
23 ส.ค. 2568 - แรงขายเงินดอลลาร์ฯ ยังชะลอลงตามการปรับโพสิชั่นในช่วงที่ตลาดรอสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ จากประธานเฟดในงานสัมมนาประจำปีของเฟดที่ Jackson Hole ขณะที่ ทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ การปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลกในระหว่างสัปดาห์ และปัจจัยทางการเมืองในประเทศ ก็เป็นปัจจัยลบที่กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน
ในวันศุกร์ที่ 22 ส.ค. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 32.63 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 32.43 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (15 ส.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 18-22 ส.ค. 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทย 6,135 ล้านบาท และ 2,463 ล้านบาทตามลำดับ
สัปดาห์ระหว่างวันที่ 25-29 ส.ค. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 32.10-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกและรายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนก.ค. ของไทย ทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติและราคาทองคำในตลาดโลก ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย ดัชนีราคา PCE/Core PCE เดือนก.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2568 และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ รวมถึงถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด
ดัชนี SET Index ร่วงลงแรงช่วงต้นสัปดาห์หลังสิ้นสุดช่วงประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2568 ประกอบกับนักลงทุนกลับมากังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในประเทศ นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นไทยยังมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากแรงขายต่อเนื่องในหุ้นบริษัทสายการบินรายใหญ่แห่งหนึ่งที่ปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรงในช่วงก่อนหน้านี้ ตลอดจนหุ้นบริษัทสื่อสารรายใหญ่แห่งหนึ่งจากการขึ้นเครื่องหมาย XD และหุ้นบริษัทพลังงานรายใหญ่จากการปรับตัวลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก
อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นช่วงกลางสัปดาห์ (นำโดย หุ้นกลุ่มปิโตรเคมี ซึ่งคาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการที่รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศให้บริษัทปิโตรเคมีปรับลดกำลังการผลิตลง) และขยับขึ้นอีกครั้งช่วงท้ายสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลบางส่วนต่อประเด็นการเมืองในประเทศ หลังศาลอาญายกฟ้องอดีตนายกรัฐมนตรี แม้ยังคงต้องติดตามประเด็นการเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์หน้า นอกจากนี้แรงซื้อหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ก็มีส่วนช่วยหนุนดัชนีหุ้นไทยในช่วงท้ายสัปดาห์ด้วยเช่นกัน
ในวันศุกร์ที่ 22 ส.ค. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,253.39 จุด ลดลง 0.48% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 41,839.42 ล้านบาท ลดลง 28.41% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 1.23% มาปิดที่ระดับ 251.47 จุด
สัปดาห์ถัดไป (25-29 ส.ค. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,240 และ 1,215 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,260 และ 1,285 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือนก.ค. ของไทย ประเด็นการเมืองในประเทศ รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนก.ค. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2568 รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ กำไรบริษัทภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. ของจีน ตลอดจนยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. ของญี่ปุ่น