เปิดประวัติ “ไชยา พรหมา” รองประธานสภาฯ ป้ายแดง

ประวัติ "ไชยา พรหมา" รองประธานสภาฯ ป้ายแดง

เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 68 ที่ประชุมสภาฯ ได้เลือกรองประธานสภาคนใหม่ ชื่อไชยา พรหมา

ไชยา พรหมา เกิดเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2503 ที่อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น เป็นบุตรนายพิจิตร กับนางบัวไหล พรหมา ด้านครอบครัวสมรสกับนางอัญชลี พรหมา (สกุลเดิม: เทือกต๊ะ) มีบุตรสาว 1 คนคือ นางสาวอธิษฐาน พรหมา

สำเร็จการศึกษา บริหารธุรกิจบัณฑิต (บัญชี) มหาวิทยาลัยรามคำแหง และพัฒนบริหารศาสตรมหาบัณฑิต (รัฐประศาสนศาสตร์) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

ไชยา ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก ด้วยการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานีในการเลือกตั้ง มีนาคม 2535/1 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และต่อมา กับการเลือกตั้ง กันยายน 2535/2 สังกัด พรรคชาติพัฒนา

ต่อมาในการเลือกตั้ง 2538 ได้เป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดหนองบัวลำภู สังกัดเดิม และได้รับเลือกตั้งอีกเป็นสมัยที่ 4 ในการเลือกตั้ง 2544 สังกัดพรรคเสรีธรรม ซึ่งต่อมาได้ยุบรวมเข้ากับพรรคไทยรักไทย ไชยา จึงย้ายมาร่วมงานกับพรรคไทยรักไทย และได้รับเลือกตั้งในการเลือกตั้ง 2548 การเลือกตั้ง 2550 (สังกัดพรรคพลังประชาชน) และการเลือกตั้ง 2554 ในสังกัดพรรคเพื่อไทย และในการเลือกตั้ง 2562 สังกัดพรรคเพื่อไทย

ในปี 2554 ไชยา ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร ในปี พ.ศ. 2562 เป็นประธานกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณ และในปี 2563 ได้รับเลือกจากสภาผู้แทนราษฎรให้ดำรงตำแหน่งกรรมการสถาบันพระปกเกล้า

ในปี 2563 เขาได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่ให้เป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ต่อมาเขาได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ในปี 2565

กระทั่งได้มานั่งในตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2

นายไชยา พรหมา ได้กล่าววิสัยทัศน์ในการทำหน้าที่รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ว่า ขอยืนยันกับท่านสมาชิกในสภาแห่งนี้ว่าผมจะใช้ความรู้ความสามารถและประสบการณ์ทางการเมืองตลอดชีวิตการทำงานของผมนั้น เพื่อสภาแห่งนี้ อย่างน้อยผมคิดว่าสถาบันนิติบัญญัติของเรา ถึงแม้ว่าจะเป็นกลไกที่มีความสำคัญ ไม่แพ้อำนาจฝ่ายบริหาร ท่านประธานเองและผมเอง อยู่สภานี้มานานตั้งแต่ สภาที่อยู่ถนนอู่ทองในจนถึงสถานที่ปัจจุบันนี้ เราได้ผ่านกงล้อประวัติศาสตร์ทางการเมืองในสถานการณ์การเมืองที่มีความแตกต่างกันแล้วแต่ยุคสมัย

ผมเชื่อมั่นว่าสถาบันนิติบัญญัตินั้นเป็นสถาบันที่เป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชนไม่แพ้กับฝ่ายบริหาร ดังนั้นกลไกของฝ่ายนิติบัญญัติไม่ว่าจะเป็นการเสนอข้อหารือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเสนอญัตติ กระทู้ถาม ตลอดจนกลไกของกรรมาธิการแต่ละคณะนั้นคือที่พึ่งของพี่น้องประชาชนและผมก็อยากจะเห็นว่าองค์กรนิติบัญญัติแห่งนี้ จะเป็นองค์กรเป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชนในโอกาสต่อไป นี่คือสิ่งที่ผมมีความมั่นใจว่าสถาบันนิติบัญญัติของเรานั้นได้ทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนมาอย่างยาวนาน

และสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะเห็นในขณะที่ผมดำรงตำแหน่งรองประธานสภาคนที่หนึ่ง ที่จะช่วยงานท่านประธานนั้น ก็คือว่าผมอยากจะเห็นความร่วมมือ ความร่วมใจไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล เพราะว่าสถาบันแห่งนี้ถือว่าเป็นบ้านของเรา อย่างน้อยผมอยากจะเห็นความร่วมมือทั้งท่านสมาชิกจากซีกฝ่ายค้านและซีกรัฐบาลว่า สิ่งใดที่เป็นเรื่องของพี่น้องประชาชนและเป็นประโยชน์ต่อประเทศนี้ เราจะไม่มีความขัดแย้งทางด้านการเมือง นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะเห็นและผมก็พร้อมที่จะทำงานและจับมือกับทุกฝ่ายกับทุกท่าน ในการทำงานให้สถาบันแห่งนี้เป็นสถาบันที่เป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง

และผมขอยืนยันกับท่านสมาชิกทั้งหลายว่าถึงแม้ผมจะมาจากสังกัดพรรคการเมืองก็ตาม คือพรรคเพื่อไทย แต่เมื่อผมมานั่งเป็นประธานในที่ประชุม สิ่งหนึ่งที่ผมจะต้องเตือนสติผมอยู่ตลอดเวลาก็คือว่า ผมจะต้องวางตัวให้เป็นกลาง และก็ต้องสร้างความเชื่อมั่นด้วยความเที่ยงธรรม ให้ความเสมอภาคกับท่านสมาชิกทุกคน ผมอยากจะขอโอกาสท่านสมาชิกไม่ว่าจะฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านว่าขอให้เปิดใจ ให้ผมได้มีโอกาสได้ทำงานเพื่อสร้างสถาบันนิติบัญญัติแห่งนี้ซึ่งถือว่าเป็นบ้านของเรานั้น ให้มีความมั่นคง มีความเข้มแข็งเพื่อทำงานรับใช้พี่น้อง ในบทบาทของฝ่ายนิติบัญญัติ และขอขอบคุณท่านสมาชิกอีกครั้งที่ให้โอกาสผมในการทำงาน