"ศิริกัญญา" ย้อนรอยแผลงบปี68 ติงรัฐบาล ปันงบช่วยเหลือภัยแล้งไม่ทั่วถึง
ในการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2569 ในวาระ 2 และวาระ 3 น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โดยในการพิจารณามาตรา 6 ว่าด้วยงบกลาง ว่า งบกลาง ที่มีการปรับลด 50,000 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุมาจากการเบิกจ่ายงบในส่วนของงบใช้จ่ายฉุกเฉินจำเป็นที่อาจจะไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยรวมไปถึงมีการโยกโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณในส่วนนี้เพื่อไปชำระหนี้อื่น ๆ ที่อาจจะตั้งไว้ไม่เพียงพอ
น.ส.ศิริกัญญา อภิปรายว่า เงินชดใช้เงินคงคลังในปีนี้เพิ่มขึ้นมา 123,541 ล้านบาท ถือเป็นครั้งที่ที่เราตั้งงบสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ เป็นเพราะตั้งงบปี 67 ตั้งไว้ไม่พอ และงบประมาณสำรองก็ไม่เหลือ ซึ่งใช้เพื่อชำระดอกเบี้ย บำนาญข้าราชการ ค่ารักษาพยาบาลข้าราชการ และงบบุคลากร ซึ่งงบประมาณเหล่านี้มีการคำนวณไว้ล่วงหน้าได้อยู่แล้ว แต่เกิดการตั้งใจตั้งไว้ให้ต่ำกว่าความเป็นจริง แล้วอาศัยเงินสำรองใช้จ่ายฉุกเฉินจำเป็น ซึ่งก็ต้องตั้งงบมาใช้คืน เช่นเดียวกับปีนี้ ที่มีโอกาสเกิดเหตุการณ์นี้อีก โดยยกตัวอย่างดอกเบี้ยต่อรายได้ ซึ่งไม่เคยเป็นไปตามแผนการคลัง ซึ่งสุดท้ายก็คงต้องมีการชำระดอกเบี้ยเพิ่มเติม แม้ทางสำนักงบประมาณ และกระทรวงการคลัง จะลุ้นว่าดอกเบี้ยจะลดลงในอนาคต และงบประมาณที่จะต้องใช้ในการชำระดอกเบี้ย จะลดลงตาม แต่ตนเองคิดว่าอย่างไรก็ตาม ไม่น่าจะเพียงพอ คงจะต้องใช้เงินสำรองใช้จ่ายฉุกเฉินจำเป็นอีกแล้วหรือไม่ต้องใช้เงินคงคลัง
น.ส.ศิริกัญญา ยกตัวอย่างเบี้ย บำเหน็จบำนาญ ที่มีการตั้งไว้ไม่เคยเพียงพอเลยสักปี โดยในปี 69 ตั้งไว้ต่ำกว่าคำขอถึง 50,000 ล้านบาท ซึ่งเรื่องแบบนี้คำนวณได้อยู่แล้ว ว่าจะมีข้าราชการที่เกษียณกี่คนต่อปี มันไม่มีทางผิดพลาดได้มากขนาดนี้ จากที่กรมบัญชีกลางขอมา ซึ่งถือเป็นความตั้งใจ และค่ารักษาพยาบาลข้าราชการได้เริ่มมีการปรับเพิ่มขึ้นแล้ว แต่ยังไม่ทันกับการเจริญเติบโตของค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการอยู่ดี และทั้งสองอย่างนี้น่าจะใช้งบกลางไปแล้ว 60,000 ล้านบาท
มันไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องไปใช้เงินสำรองใช้จ่ายฉุกเฉิน เป็นรายการที่เราสามารถที่จะคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าได้ การทำแบบนี้มันไม่ได้ตั้งไว้งบการเงินสำรอง ไม่ได้ตั้งไว้เพื่อใช้ในงบที่มันตั้งใจตั้งขาด
งบกลางเงินสำรองใช้จ่ายฉุกเฉิน ปี 67 ใช้หมดจนถึงสุดท้าย แต่ ปี 68 ตั้งไว้ 96,557 ล้านบาท แต่ใช้ไปเพียงแค่ 20,000 กว่าล้านบาท ยังเหลืออีก 70,000 ล้านบาท อาจเกิดจากการที่กั๊กไว้ใช้ในไตรมาสสุดท้าย เพื่อใช้ชำระหนี้ต่าง ๆ หรือไม่ แต่ถ้าไม่ใช้เราก็เห็นภาพของการเบิกจ่ายสำหรับเงินสำรองจ่ายฉุกเฉินจำเป็น
ส่วนปี 68 มีงบประมาณก้อนที่เป็นการช่วยเหลือภัยแล้ง แล้วพบว่ามีข้อพิรุธว่ามีการจัดสรรงบกลางเพื่อช่วยเหลือภัยแล้งในลักษณะที่ค่อนข้างที่จะเอนเอียงไปทางภาคที่เป็นของแกนนำพรรครัฐบาล จากนั้นสำนักงบประมาณออกหนังสือให้ทบทวนในเรื่องนี้ ซึ่งปัจจุบันทบทวนแล้ว ก็อยากให้มีการตั้งงบมาอีกรอบ ซึ่งมีการปรับลดงบลงจาก 7,404 ล้านบาท เหลือ 2,108 ล้านบาท ถือว่าใจกล้ามาก เพราะเรื่องนี้กำลังอยู่ในการสอบสวนของ ป.ป.ช. และขอให้งบครั้งนี้กระจาย ไม่กระจุกอยู่พรรคร่วมรัฐบาลใดพรรคหนึ่ง เพื่อให้การแก้ไขภัยแล้งให้พี่น้องประชาชนประสบผลสำเร็จ