บี.กริมฯ เผยไตรมาส 2 กำไร 7 ล้าน ลดลง 96.9% เหตุคืนค่าก๊าซย้อนหลัง
ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสที่ 2/2568 มีกำไรสุทธิ 7 ล้านบาท ลดลง 96.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 229 ล้านบาท เนื่องจากผลกระทบจากการชำระคืนค่า ก๊าซย้อนหลัง (AF gas cost) ช่วงเดือนกันยายน – ธันวาคม 2566 รวมถึงค่าใช้จ่ายภาษีที่สูงขึ้น และ รายการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (จากการแปลงหนี้สินสุทธิในสกุลดอลลาร์สหรัฐและธุรกรรมอื่นที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศเป็นเงินบาท)
ส่วนงวด 6 เดือนปี 2568 มีกำไรสุทธิ 661 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 607 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน(NNP) ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ อยู่ที่ 1,224 ล้านบาท เป็นผลจาก
- การรวมผลประกอบการของ Malacha
- ปริมาณไอน้ำที่ขายเพิ่มขึ้น
- รายได้การให้บริการที่สูงขึ้นจากการพัฒนาโครงการ
- ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและการร่วมค้ำที่ดีขึ้น
- กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ที่เกิดขึ้นจริง
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 2/2568 ยังมีปัจจัยบวกที่เข้ามาช่วยหนุนผลดำเนินงาน ได้แก่ 1. ปริมาณการขายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม (IUs) ในประเทศที่เพิ่มขึ้น 1.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน 2. รายได้การให้บริการที่สูงขึ้นจากการพัฒนาโครงการ 3. ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและการร่วมค้าที่ดีขึ้น และ 4. กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ที่เกิดขึ้นจริง
กลยุทธ์สำคัญของ บี.กริม เพาเวอร์ ยังเดินหน้าผนึกพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ โดยในเดือนเมษายน ได้เข้าร่วมงาน IGNITE Thailand-Korea Business Forum ที่กรุงโซล ซึ่ง ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ได้แบ่งปันวิสัยทัศน์ของ บี.กริม ในเรื่อง "การดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี" (Doing Business with Compassion) ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจให้เป็นบริษัทเอกชนต่างชาติรายแรกที่ได้รับอนุญาตให้พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนในประเทศเกาหลี และในเดือนมิถุนายน 2568 ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ระยะเวลา 20 ปี กับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC สำหรับโครงการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ขนาด 8 เมกะวัตต์ ที่โรงงานของ PTTGC ในมาบตาพุด
พร้อมกันนี้ ยังได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับ บริษัท Druk Green Power Corporation พัฒนาโครงการพลังงานน้ำและพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นการลงทุนด้านพลังงานครั้งแรกของ บี.กริม เพาเวอร์ ในภูฏาน โดยมีนายกรัฐมนตรีเชอริง ต๊อบเกย์ ร่วมเป็นสักขีพยาน ตอกย้ำความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างกันเพื่ออนาคตพลังงานสะอาดที่ยั่งยืน
ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวว่า มองแนวโน้มช่วงครึ่งหลังของปี 2568 เศรษฐกิจจะชะลอตัวลง เนื่องจากสินค้าส่งออกกำลังเผชิญกับอุปสรรคจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และการบริโภคภาคเอกชนจะชะลอตัวลงตามรายได้และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอลง ซึ่งอาจส่งผลให้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของลูกค้านิคมอุตสาหกรรม ลดลงประมาณ 5-10% เมื่อเทียบกับปี 2567
อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าการเชื่อมเข้าระบบของลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องและไม่อ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจท่ามกลางการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล จะช่วยบรรเทาผลกระทบดังกล่าว ขณะเดียวกัน สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศเศรษฐกิจหลัก อาจส่งผลในเชิงบวกผ่านราคาก๊าซธรรมชาติที่อาจลดลง โดย บี.กริม เพาเวอร์ ได้ติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง เพื่อประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับลูกค้าอุตสาหกรรมบางราย พร้อมร่วมกันพัฒนากลยุทธ์ในการรับมือและมาตรการบรรเทาผลกระทบอย่างเหมาะสม
นอกจากนี้ บี.กริม เพาเวอร์ ยังได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 0.18 บาทอต่อหุ้น สำหรับผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกปี 2568 โดยกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 26 สิงหาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 10 กันยายน 2568.