5 มะเร็งที่ผู้หญิงวัย 50+ ควรรู้! รักแม่ อย่าลืมพาแม่ไปตรวจนะ!!
5 มะเร็งที่ผู้หญิงวัย 50+ ควรรู้! รู้ก่อน ป้องกันก่อน ตรวจพบเร็ว โอกาสรักษาก็สูง รักแม่ อย่าลืมพาแม่ไปตรวจนะ!!
นายแพทย์เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา เจ้าของเพจ หมอเจด ระบุว่า วันแม่ใครๆ ก็คิดถึงดอกมะลิหรือพาแม่ไปกินข้าว แต่ปีนี้ พอแม่อายุมากขึ้น หรือเข้าเลข 5 อยากชวนให้มอบของขวัญอีกแบบให้แม่กัน ของขวัญที่ใช้ได้ตลอดชีวิต คือ "การดูแลและรู้ทันโรค" โดยเฉพาะมะเร็งบางชนิดที่เจอบ่อยในผู้หญิงอายุ 50 ปีขึ้นไป
ถ้าเรารู้ก่อน ป้องกันก่อน ตรวจพบเร็ว โอกาสรักษาก็สูง และจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันอีกนาน
1. มะเร็งเต้านม : มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในผู้หญิง โดยเฉพาะอายุ 50 ปีขึ้นไป ปัจจัยหลักคือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนหลังวัยหมดประจำเดือน ซึ่งมะเร็งเต้านมมักไม่แสดงอาการในช่วงแรก บางคนเจอเพราะตรวจสุขภาพเท่านั้น และเมื่อเจอตั้งแต่ระยะต้น โอกาสรักษาหายสูงมาก
แล้วเราจะแนะนำแม่ดูแลตัวเองยังไงดี
- ตรวจเต้านมด้วยการคลำตัวเองทุกวันเป็นประจำ
- ทำแมมโมแกรมทุก 1-2 ปี โดยเฉพาะถ้ามีประวัติครอบครัว
- รักษาน้ำหนัก ออกกำลังกาย และลดการดื่มแอลกอฮอล์
สัญญาณเตือนที่ไม่ควรละเลย คือ มีก้อนแข็ง ผิวหนังเต้านมบุ๋ม หัวนมบอด หรือมีน้ำ/เลือดออกจากหัวนม
2. มะเร็งปากมดลูก : หลายคนคิดว่ามะเร็งปากมดลูกเกิดในสาว ๆ แต่จริง ๆ ผู้หญิงวัย 50+ ก็มีโอกาสเป็น โดยมักเกิดจากการติดเชื้อ HPV ที่อยู่ในร่างกายมานานจนเซลล์บริเวณปากมดลูกเปลี่ยนเป็นเซลล์มะเร็ง มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่ไม่มีอาการให้เราเห็นในช่วงแรกนะ
ไม่อยากเป็นมะเร็งปากมดลูกทำ 2 อย่างนี้นะ
- ตรวจ Pap smear หรือ HPV test ทุก 3-5 ปี ตามคำแนะนำแพทย์ ซึ่งหากผลตรวจปกติ และใช้วิธี HPV DNA Test สามารถตรวจซ้ำได้ทุก 5 ปี เลยนะ
- ถ้ายังไม่เคยฉีดวัคซีน HPV ปรึกษาหมอก็ได้ไม่ต้องรอให้มีอาการ อย่างเช่น เลือดออกทางช่องคลอดหลังหมดประจำเดือน ตกขาวมีกลิ่นหรือสีผิดปกติ แล้วค่อยตรวจนะ ตรวจไว้ดีที่สุด
3. มะเร็งรังไข่ : มะเร็งรังไข่ได้ฉายาว่า "นักฆ่าเงียบ" เพราะ ถูกวินิจฉัยในระยะลุกลาม เนื่องจากอาการในช่วงแรกคลุมเครือ เช่น ท้องอืด หรืออิ่มเร็ว ซึ่งอาจถูกมองข้ามว่าเป็นเพียงปัญหากระเพาะอาหาร ปัจจัยเสี่ยงได้แก่ อายุที่มากขึ้น วัยหมดประจำเดือน และพันธุกรรม เช่น การกลายพันธุ์ของยีน BRCA1/BRCA2
จะป้องกันยังไงดี
- สังเกตอาการผิดปกติ เช่น ท้องอืดเรื้อรัง น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ ปัสสาวะบ่อย
- ตรวจภายในประจำปี และอาจเสริมการตรวจอัลตราซาวนด์อุ้งเชิงกราน
- หากมีประวัติครอบครัว ควรปรึกษาแพทย์เรื่องการตรวจยีน
4. มะเร็งลำไส้ใหญ่ : เมื่ออายุมากขึ้น เซลล์เยื่อบุลำไส้ซ่อมแซมตัวเองได้ช้าลง บวกกับพฤติกรรมการกินที่สะสมมาตลอดชีวิต เช่น อาหารไขมันสูง ไฟเบอร์ต่ำ และขาดการออกกำลังกาย ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสเกิดโพลิปหรือติ่งเนื้อในลำไส้ ซึ่งบางชนิดอาจกลายเป็นมะเร็ง
วิธีดูแลและป้องกัน
- ตรวจอุจจาระหาเลือดปีละครั้ง หรือส่องกล้องทุก 5-10 ปี
- กินผัก ผลไม้ และธัญพืชเต็มเมล็ดมากขึ้น ลดเนื้อแดงและอาหารแปรรูป
- ดื่มน้ำเพียงพอ ออกกำลังกาย และฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา
สัญญาณเตือน ที่ต้องสังเกตคือ เลือดปนในอุจจาระ อุจจาระเปลี่ยนรูป น้ำหนักลดแบบไม่ตั้งใจ
5. มะเร็งปอด : หลายคนคิดว่ามะเร็งปอดเกิดเฉพาะคนสูบบุหรี่ แต่ความจริงแล้วผู้หญิงที่ไม่สูบก็เป็นได้
สาเหตุอาจมาจากควันบุหรี่มือสอง มลพิษทางอากาศ หรือการสัมผัสสารก่อมะเร็ง เช่น แร่ใยหิน ลดความเสี่ยงง่าย ๆ ตามนี้
- หลีกเลี่ยงควันบุหรี่และพื้นที่ที่มีมลพิษสูง
- สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ควรพิจารณาตรวจเอกซเรย์หรือ Low-dose CT scan
- รับประทานผักผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
ใครที่ ไอเรื้อรัง ไอมีเลือด เจ็บหน้าอก หรือหายใจมีเสียงหวีด อย่ามองข้ามเรื่องมะเร็งปอดนะ
ยิ่งเรารู้ทันและตรวจพบมะเร็งเร็วเท่าไหร่ โอกาสรักษาก็สูง และเราจะได้มีวันแม่อีกหลาย ๆ ปีให้กอดกันแน่น ๆ วันแม่ปีนี้นอกจากถ่ายรูปคู่ กอดกัน หรือพาไปกินของอร่อย ก็พาแม่ไปตรวจสุขภาพ เพื่อให้ทุกวันของเราคือ "วันแม่" ที่ยาวนานที่สุด
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หมอเจด’ เปิด 10 เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับมะเร็งปอด ชี้ 5 สิ่งในบ้านที่ทำให้เสี่ยง!!
- อยากผอมฟังทางนี้ IF สูตร ‘หมอเจด’ น้ำหนักหายไป 30 กิโล!
- หมอเตือน ถ้าไม่อยากเป็นมะเร็ง อย่าทำ 5 อย่างนี้
ติดตามเราได้ที่