เขย่าหุ้นใหญ่..เล่นหุ้นเล็ก
หากไล่เรียงไทม์ไลน์ที่ “โมนิก้า” เกริ่นให้ฟังก่อนหน้านี้จะเห็นว่า อีฉันพยายามกำชับเรื่องการยืนเหนือระดับ 1,250 จุดเป็นเรื่องที่นักเล่นต้องลุ้นยาว ๆเพราะการเดินหน้าขึ้นต่อเรื่อย ๆ จะเต็มไปด้วยแรงขายทำกำไร ซึ่งก็เป็นเหมือนที่คาดเดาไว้พอดี แต่ที่ผิดแผกไปจากที่คิดคือ กองทุนดันกลายเป็นคนสาดหุ้นออกมาเอง ทั้งที่ตอนแรกคิดว่า กองทุนจะเป็นคนซื้อหุ้นเพื่อประคองตลาดหุ้นไงล่ะคะ
รวมถึงท่าทีของต่างชาติที่พลิกบทจากผู้ซื้อกลายเป็นผู้ขายในจังหวะที่นักเล่นฮึกเหิม จึงกลายเป็นว่า หุ้นใหญ่โดนเขย่ากันถ้วนหน้า จนดัชนีเริ่มออกอาการเป๋ให้เห็นถี่ขึ้น แต่ในขณะเดียวกันจะเห็นว่า หุ้นเล็กหลายตัวกลับมาโลดแล่นบนกระดานหุ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะในรายที่ทำผลงานไตรมาส 2ได้อย่างโดดเด่น เลยกลายเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตาสุด ๆ ในจังหวะที่รายย่อยกระโดดลงมาลุยสุดตัวนะจ๊ะ
เมื่อสถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไปจากที่คิดไว้ และยังมีปัญหาการเมืองเข้ามากดทับ “โมนิก้า” ถึงเกิดอาการมึนตึ้บไปชั่วขณะ เพราะไม่นึกว่า สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยจะเปลี่ยนไวขนาดนี้ และการที่ดัชนีย่อตัวลงมายืนปิดที่ระดับ 1,259.42 จุด ลบไป 7.25 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.83 หมื่นล้านบาท ก็ชวนให้สงสัยว่า สัปดาห์นี้จะยืนเหนือแนวรับสำคัญได้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า? พะยะค่ะ
ขนาดหุ้นโรงพยาบาลตัวท็อปอย่าง BDMS ยังถูกขายหนัก 2 วันติดจนราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 20.90 บาทลบไป 0.80 บาท หรือลงไป 3.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.74 พันล้านบาท ซึ่งลงมาใกล้กับโลว์เดิมที่บริเวณ 20 บาทแบบนี้ มันกลายเป็นไฟต์ที่บังคับให้นักเล่นเลือกที่จะไปรอซื้อที่โลว์เดิมมากกว่าซื้อสวน เพราะบรรยากาศหลายอย่างไม่เอื้อเหมือนรอบก่อน ๆ..จริงหรือไม่! ลองไปคิดกันดูนะคะ
อีกรายที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกผิดคาดเหลือเกินก็คือ แรงซื้อที่เข้ามาในหุ้น CPF มันน้อยเหลือเกิน ทั้งที่ผลงานไตรมาส 2 โตกระหึ่ม ขณะที่ผลงานงวด 6 เดือนแรกก็โตกระฉูด แถมยังอัดปันผลให้แฟนพันธุ์แท้อีก 1 บาทแต่ราคาหุ้นกลับยืนปิดได้แค่ระดับ 24.40 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 0.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 779 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 8 เท่าแบบนี้..ไม่เมคเซนส์เลยจริง ๆ เพราะหุ้นควรยืนสูงกว่านี้ไม่ใช่เหรอจ๊ะ
ส่วนรายที่ถูกเขย่าต่อเนื่องจนอีฉันเริ่มไม่สบายใจก็คือ BTS หลังราคาหุ้นร่วงลงอย่างช้า ๆ เป็นวันที่ 5พร้อมกับยืนปิดที่ระดับ 3.38 บาท ลบไป 0.06 บาท หรือลงไป 1.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 216 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับเดียวกับโลว์เดิมที่เคยทำไว้เมื่อปลายเดือน มิ.ย. มันชวนให้คิดต่อไปว่า วันนี้หุ้นมีโอกาสจะลงไปทำโลว์ใหม่อีกไหม? หลังแผนงานหลายอย่างไม่เป็นเหมือนที่คาดหวังเลยนะซี
สำหรับรายที่แหวกทุกกระแสขึ้นมาอย่างโดดเด่น “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นลีสซิ่งไซส์เล็กอย่าง HENG แบบไม่ลังเลใจ เพราะการพุ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.19 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 17.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 157 ล้านบาท ล้วนเป็นผลมาจากกำไรไตรมาส 2 โตกระฉูด ผนวกกับเป็นหุ้นที่มีราคาบาทนิด ๆ ซึ่งนักเล่นขาลุยเข้าถึงได้กันทุกคน เลยเชื่อว่า วันนี้น่าจะเล่นต่ออีกวันก็เท่านั้นเองจ้า!
คล้ายคลึงกับสถานการณ์ของหุ้น APO มีแรงซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่นตั้งแต่เปิดเทรดภาคบ่าย หุ้นถึงพุ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 2 บาท บวกไป 0.46 บาท หรือขึ้นไป 30%ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 30 ล้านบาท ก็มาจากกำไรครึ่งปีแรก 68 ทำได้เท่ากับทั้งปี 67 และมีแนวโน้มที่กำไรในครึ่งปีหลังจะออกมาแจ่มสุด ๆ เพราะผลผลิตปาล์มออกมาเยอะ เลยทำให้โรงหีบน้ำมันยิ้มแฉ่งกันถ้วนหน้านะออเจ้า
โมนิก้าและทีมงาน