BGC ร่วม SWAN ลุยตลาดใหม่ เสริมแกร่งรายได้
หุ้นวิชั่น
อัพเดต 27 สิงหาคม 2568 เวลา 22.33 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • HoonVision | หุ้นวิชั่น - หุ้น ข่าวหุ้น หุ้นไทยวันนี้ หุ้นวันนี้ หุ้นเด่น วิเคราะห์หุ้น ธุรกิจ การเงิน เศรษฐกิจ การลงทุน ดัชนีราคาหุ้นหุ้นวิชั่น - BGC จับมือพาทเนอร์ SWAN ลุยขยายฐานลูกค้าใหม่ ที่มีความต้องการใช้ Flexible packaging และ Corrugated box หวังเสริมแกร่งกลุ่มบรรจุภัณฑ์ หนุนรายได้ปีนี้ใกล้เคียงปีก่อน ขณะที่แนวโน้มต้นทุนวัตถุดิบ พลังงาน แนวโน้มลดลงต่อเนื่อง หนุนกำไร
นายวิศาล ลออเสถียรกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ภายในประเทศ และต่างประเทศที่เข้ามากระทบต่อเศรษฐกิจไทย ทำให้ปีนี้ค่อนข้างมีความท้าทาย โดยเฉพาะในแง่ของการบริโภค ส่งผลต่อการใช้บรรจุภัณฑ์แก้ว แต่บริษัทฯ ก็มีความพยายามที่จะเพิ่มรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายรักษาระดับให้ใกล้เคียงกับปีก่อน ที่อยู่ประมาณ 14,534 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกทำได้แล้วที่ 7,221 ล้านบาท
การดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้ ภายหลังจากที่ BGC ได้มีการขายหุ้น 26% ในบริษัทย่อย BGCP คิดเป็นมูลค่า 544 ล้านบาท ให้กับ บริษัท สวอน อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด (Swan) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตกระป๋องโลหะสำหรับอาหาร เครื่องดื่ม และบรรจุภัณฑ์ อุตสาหกรรมในประเทศไทย ทำให้บริษัทฯ จะได้แรงสนับสนุนจากการเป็นพาสเนอร์ร่วมกับ SWAN ที่มีความแข็งแกร่งในตลาดดังกล่าว ในการขยายฐานลูกค้าในตลาดใหม่ๆ โดยตลาดใหม่ที่บริษัทฯ กำลังจะขยายเข้าไปนั้น ถือว่ามีความต้องการใช้ Flexible packaging รวมถึง Corrugated box ค่อนข้างมาก อย่างไรก็ดีการจับมือในครั้งนี้จะสนับสนุนให้บริษัทมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งการขยายฐานลูกค้า และการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับภูมิภาค
ทั้งนี้ธุรกิจซื้อมาขายไป คาดว่าปีนี้จะเติบโตโดดเด่น หลังครึ่งปีแรกมีรายได้จากการขายเติบโต 26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจุบันธุรกิจดังกล่าวมีสัดส่วนรายได้ราว 4% ของพอร์ตรวม มองว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
นอกจากนี้บริษัทมองว่าต้นทุนโดยรวมจะยังลดลงต่อเนื่อง โดยราคาต้นทุนเศษแก้ว และ Soda Ash มีแนวโน้มปรับตัวลงมาตั้งแต่ต้นปี และคาดว่าจะยังเป็นขาลงอยู่ รวมถึงต้นทุนของบรรจุภัณฑ์แก้ว หรือเศษกระดาษ ก็มีแนวโน้มลดลงตามความต้องการใช้ และ PET Resin ต้นทุนก็อยู่ในช่วงขาลงเช่นเดียวกัน เป็นไปตามราคาพลังงาน
ส่วนต้นทุนด้านพลังงาน คาดปรับตัวลงเช่นเดียวกัน โดยราคาน้ำมัน Brent เทียบกับปีก่อนปรับตัวลงไปค่อนข้างมาก และราคา Pool Gas ที่อ่าวไทย ที่ใช้เป็นต้นทุนหลัก น่าจะไม่ปรับตัวขึ้นแล้ว ทำให้เป็นบวกต่อบริษัท นอกจากนี้โอเปกพลัส ในเดือนกันยายนนี้ มีแผนเพิ่มกำลังการผลิต ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลง ขณะเดียวกันราคาค่าไฟฟ้า ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ก็ได้ประกาศออกมาแล้วว่า ในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ หรือตั้งแต่ 1 กันยายน 2568 เป็นต้นไป ราคาค่า FT Rate จะลดลงไป 0.04 สตางค์ ซึ่งหากเทียบกับปีก่อนลดลงไปราว 50% คาดเป็นผลดีต่อกำไรบริษัท
นายวิศาล กล่าวว่า สำหรับแผนการใช้คืนหนี้หุ้นกู้ มูลค่า 1,000 ล้านบาท ที่จะครบกำหนดชำระในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ บริษัทไม่ได้มีแผนออกหุ้นกู้ชุดใหม่ แต่จะเป็นการใช้เป็น Bank refinance เข้ามา ซึ่งปัจจุบันเตรียมไว้ทั้งหมดแล้ว